รายงาน : ปัจจัย ‘ตัวแปร’ กับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการ ปรับครม.

หลังจากพบและหารือกับ 2 หัวหน้าพรรค นั่นก็คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล แห่งพรรคภูมิใจไทย นั่นก็คือ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แห่งพรรคประชาธิปัตย์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากด้วยความมั่นใจ

มั่นใจว่า “อำนาจ” ในการปรับ ครม.อยู่ในมือของตน มั่นใจกระทั่งระบุถึง “แนวโน้ม” ในการปรับ ครม.ว่าจะเป็นการปรับขนาดเล็ก

ความหมายก็คือ เพียง 3 กระทรวง

Advertisement

นั่นก็คือ หาคนมาแทนที่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ หาคนมาแทนที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หาคนมาแทนที่ นายถาวร เสนเนียม นั่นคือ ภาระของพรรคพลังประชารัฐ ภาระของพรรคประชาธิปัตย์

หากเป็นอย่างที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รับปาก หากเป็นอย่างที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รับปากทุกอย่างก็เรียบร้อย

แต่อย่าลืมว่า 2 ตำแหน่งมาจากพรรคพลังประชารัฐ

Advertisement

ปมเงื่อนมิได้อยู่ที่ว่าพรรคพลังประชารัฐต้องการรักษาเก้าอี้ในกระทรวงศึกษาธิการ เก้าอี้ในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไว้อย่างเดียว

ดัง “หนังสือ” ที่ 90 ส.ส.ร่วมกันลงชื่อ

ปัจจัย 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ 2 คนที่พรรคพลังประชารัฐต้องการให้เป็นรัฐมนตรีในกระทรวงศึกษาธิการ ในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โอเค หรือไม่

ปัจจัย 1 ซึ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือ มุ้งและกลุ่มภายในพรรคพลังประชารัฐสามารถตกลงกันได้โดยความเห็นชอบของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือไม่

เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือตัวแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ปัจจัยนี้สัมพันธ์อย่างเป็นพิเศษกับอำนาจและการต่อรองกันระหว่างกลุ่มที่เรียกกันว่า “3 รัฐมนตรีช่วย” กับ “กลุ่มสามมิตร”

การเบียดขบระหว่าง 2 กลุ่มนี้แหละแหลมคม ร้อนแรง

ถามว่าเหตุใดจึงเริ่มมีข้อเสนอในลักษณะที่ 1 ต้องการเกลี่ยตำแหน่งไปยังกระทรวงอื่น ขณะเดียวกัน 1 เริ่มมีคำถามถึงสัดส่วนและโควต้าเดิม

เพราะ “กระทรวง” กับ “คน” ไม่ลงตัว

ผู้ทรงอิทธิพลคนนี้เล็งจะยึดครองกระทรวงนี้ แต่ว่ามีความไม่เหมาะสม จึงเกิดการต่อรองทั้ง “ภายใน” และ “ภายนอก” เพื่อแลกเปลี่ยน

เมื่อมีการต่อรองก็เริ่มมีการนำเอา “ปริมาณ” มาเป็นเครื่องมือ

คำถามมิได้อยู่ที่พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.เพิ่มจากเมื่อเดือนมีนาคม 2562 จำนวน 51 เป็น 61 ในเดือนมีนาคม 2563

หากจำนวนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ลดลงจาก 52 เหลือเพียง 50

การหยิบเอา “ปริมาณ” มาเป็นประเด็นก็เพื่อให้การต่อรองเข้าไปสู่มิติใหม่ และกลายเป็น ”เงื่อนไข” ในการแลกและปรับเปลี่ยน

ที่คิดว่าปรับเพียง 3 อาจกลายเป็น 6 หรือ 10

ความมั่นใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 1 มีนาคม ก็สามารถแปรเปลี่ยน สั่นคลอนได้หากมติในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐออกมาในวันที่ 2 มีนาคม

ไม่ว่าจะเป็น “จำนวน” ไม่ว่าจะเป็น “รายชื่อ”

มติของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐจะมีผลสะเทือนไปยังพรรคภูมิใจไทย ไปยังพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งพรรคชาติไทยพัฒนา

ยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างสูงในกระบวน “ปรับ ครม.”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image