นายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ระหว่างจัดรายชื่อผู้เหมาะสมเพื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงที่ว่างลง จากผลคำพิพากษาในคดีชุมนุมใหญ่ของ กปปส.เมื่อปี 2556-2557 ตำแหน่งที่สังคมน่าจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาอย่างมาก ทั้งเรื่องคุณภาพของครูอาจารย์ ปัญหาการวางตัวของครูในการสัมพันธ์กับนักเรียน เกิดปัญหาชู้สาวและคดีทางเพศ เป็นข่าวที่พบได้อย่างต่อเนื่องในสื่อต่างๆ ขณะที่ผู้บริหารโรงเรียนและครูอาจารย์มีปัญหาในการบริหารจัดการปัญหานักเรียนและเยาวชนในวัยเรียน ซึ่งได้รวมตัวกันเรียกร้องหลายประเด็น ทั้งเรื่องการเมือง การเรียน การสอน และเสรีภาพในโรงเรียน
ข้อขัดแย้งในโรงเรียนที่ปรากฏเป็นข่าวบ่อยๆ มีอาทิ การไว้ผมและทรงผมของนักเรียน การสวมเครื่องแบบ เสรีภาพในโรงเรียน การประพฤติปฏิบัติของครูอาจารย์ ปัญหาคุณภาพการเรียนการสอน หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องเรียนออนไลน์ และมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการการศึกษา ชี้ว่า โควิด-19 ทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การถดถอยของคุณภาพการศึกษาเห็นชัดเจนมากขึ้น รมว.ศึกษาฯคนใหม่ต้องทำงานอย่างรวดเร็วและเต็มที่ มิฉะนั้นประเทศจะสูญเสียโอกาสในการพัฒนาการศึกษาอย่างมาก ที่ผ่านมา ศธ.ได้ทดลองรับ รมว.มาหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนนอก หรือจากโควต้าทางการเมือง ก็ไม่ประสบความสำเร็จ หนทางเดียวที่จะพัฒนาการศึกษาได้ ต้องรื้อ ศธ.ให้เล็กลง และรัฐมนตรีที่มาดูแลมีหน้าที่กำหนดนโยบาย ทิศทางการศึกษา และกำหนดมาตรฐานเท่านั้น คนจากพื้นที่จัดการการศึกษาของตน ถ้าทำได้ เชื่อว่าการปฏิรูปการศึกษาจะเร็วขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า
รัฐบาลจึงควรใช้โอกาสในการปรับ ครม. ครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการนำเอามืออาชีพด้านการศึกษามาเป็น รมว.ศึกษาธิการ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ของวงการศึกษาที่เกิดขึ้นก่อนและหลังโควิดระบาด เพื่อรักษามาตรฐานการศึกษาของไทย ป้องกันและแก้ไขการถดถอยทางการศึกษาที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนรุ่นใหม่หมดความเชื่อถือเชื่อมั่นในระบบการศึกษาของชาติ และที่สำคัญ รมว.ศึกษาฯคนใหม่ต้องทราบว่า เยาวชนนักเรียน ก็ต้องการประชาธิปไตยเหมือนกับผู้ใหญ่ทั่วไป
