ทั้งๆ หากกล่าวตาม “วาระ” ทางการเมือง กว่าจะมีการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปใหม่ก็น่าจะหลังเดือนมีนาคมของปี 2566
คืออีก 2 ปีข้างหน้า
แล้วเหตุใดสถานการณ์อันเกี่ยวกับ “รัฐธรรมนูญ” จึงมากด้วยความร้อนแรงเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายค้าน
เพราะ “รัฐธรรมนูญ” คือ เครื่องมือ
มิใช่เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่ร่างมาด้วยพิมพ์เขียวอันกำหนดโดยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 หรอกละหรือ
ทำให้อำนาจอยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยพื้นฐานแล้วก็คือ อำนาจอันได้มาโดยมี 250 ส.ว.เป็นปัจจัยหลัก ประสานกับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐและการกวาดต้อนไพร่พลอื่นเข้ามา
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา
ในเมื่อเป็นการ DESIGN มาด้วยเป้าประสงค์เช่นนี้ในทางการเมือง ในเมื่อชัยชนะอันได้มาในการเลือกตั้ง
เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ดำเนินมา
เช่นนี้
มีหรือที่จะอยากให้มีการแก้
ที่รับๆ ปากไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ก็เพื่อจะได้ดึง 52 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
เตะถ่วงมาจนถึงเดือนมีนาคม 2564
หากมีความจำเป็นต้องแก้ก็ต้องแก้ให้การสืบทอดอำนาจเพิ่มพูนและสร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้น นอกไปจากหนทางนี้
อิมพอสซิเบิล
นี่เป็นหลักการพื้นฐานอย่างยิ่งในทางการเมือง โดยที่พรรคการเมือง “มืออาชีพ” อย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา
ก็แทบไม่หือ ไม่อือ อะไรมากนัก
การเลือกตั้งหากจะมีในปี 2566 โอกาสก็จะยังเป็นของพรรคการเมืองอย่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนาเหมือนเดิม
นี่คือความเชื่อตาม “กระบวนทัศน์” เดิมในทางการเมือง
อย่าว่าแต่พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา จะเชื่อเช่นนี้หากแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยก็เชื่อเช่นนี้
จะต่างก็เพียงแต่ว่าชัยชนะเป็นของพรรคเพื่อไทย
พรรคการเมืองซึ่งเจนการเมืองเหล่านี้ยังมองการเมืองไม่เปลี่ยน แม้ว่าจะมีปรากฏการณ์พรรคอนาคตใหม่ขึ้นในเดือนมีนาคม 2562
ก็ยังคิดว่าการเมืองจะวนกลับที่เดิม
สถานการณ์ “เยาวชนปลดแอก” ในเดือนกรกฎาคม 2563 กระทั่งสถานการณ์ REDEM ในเดือนมีนาคม 2564 ก็ไม่มีผลสะเทือนอะไร
“กระบวนทัศน์” นี้จะถูกพิสูจน์ในการเลือกตั้ง 2566 อย่างแน่นอน
เวลาจากเดือนมีนาคม 2564 ไปยังภายหลังเดือนมีนาคม 2566 จึงเป็นเวลาอันทรงความหมายยิ่งในทางการเมือง
เปลี่ยนแปลง หรือ ย้อนไปยังจุดเดิม
นั่นก็คือ ย้อนไปยังจุดเดิมก่อนเดือนมกราคม 2544 นั่นก็คือ ย้อนไปยังจุดเดิมก่อนการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ การเกิดขึ้นของสถานการณ์เยาวชนปลดแอก
เท่ากับในปี 2566 การเมืองไทยจะ “ย้อนยุค” อย่างเหลือเชื่อยิ่งกว่าที่คาด
