บทนำวันจันทร์ที่19เมษายน2564 : รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ

สถานการณ์การติดเชื้อโควิดของประเทศไทย ถือว่าอยู่ในระยะน่าเป็นห่วง เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน มากกว่า 1,500 คน ติดต่อกันหลายวัน ทำให้รัฐบาล โดย ศบค. ต้องออกมาตรการ จัดโซนสี ให้ 18 จังหวัด รวมกรุงเทพมหานคร ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูง เป็นจังหวัดที่ต้องควบคุมด้วยมาตรการสูงสุด หรือพื้นที่สีแดง ส่วนที่เหลืออีก 59 จังหวัด เป็นพื้นที่สีส้ม ซึ่งมีมาตรการควบคุมผ่อนปรนลงมา มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.เป็นต้นไป และใช้เป็นเวลา 14 วันแล้วประเมินผล เพื่อจะกำหนดวิธีการให้สอดคล้องกับความหนักเบาของสถานการณ์

รัฐบาลย้ำว่ามาตรการรอบนี้ ไม่มีการล็อกดาวน์ หรือเคอร์ฟิว อันเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายหวั่นเกรง นายกรัฐมนตรีเองกล่าวว่า เจ็บปวดที่จะต้องออกมาตรการที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เรื่องนี้ทุกฝ่ายทราบดีว่าบทเรียนจากมาตรการรับมือรอบแรกที่เข้มข้น ทำให้ควบคุมเชื้อได้ก็จริง แต่เศรษฐกิจหยุดชะงัก และยังมาซ้ำเติมด้วยการระบาดรอบสอง เมื่อปลายปี 2563 ทำให้เศรษฐกิจ ธุรกิจที่กำลังเตรียมจะกลับมาฟื้นฟูต้องชะงักอีกครั้ง กระทั่งมาเกิดกรณีทองหล่อคลัสเตอร์ จุดชนวนการระบาดระลอกที่สาม ทำให้การบริหารจัดการยิ่งดูเป็นเรื่องยาก แผนงานเปิดประเทศอันเป็นความหวังที่พลิกวิกฤตเศรษฐกิจประเทศ ดูจะมีอุปสรรคมากขึ้น

ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายกรัฐมนตรีย้ำว่าจะเร่งจัดซื้อวัคซีนมาระดมฉีดให้ประชาชน โดยจะใช้ของหลายประเทศ รวมถึงของรัสเซีย ต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหาด้วยวัคซีน เป็นทางออกที่นักการแพทย์เห็นว่าถูกต้องที่สุด ขณะนี้ประเทศไทยยังมีตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนน้อยมาก แม้จะมีแนวทางให้มีวัคซีนทางเลือก แต่สุดท้ายแล้วรัฐบาล ควรจะต้องเป็นผู้ดำเนินการหลักในเรื่องวัคซีน เพราะวัคซีนที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ขึ้นทะเบียนในลักษณะเพื่อการใช้ในภาวะฉุกเฉิน ขั้นตอนในการผลิตวัคซีนไม่สมบูรณ์ มีความเสี่ยงในการใช้ ดังนั้น บริษัทยาจะยินดีขายให้กับรัฐบาล มากกว่าเอกชน จึงตอกย้ำชัดเจนว่ารัฐบาล ต้องแสดงบทบาทเป็นหลักในเรื่องวัคซีนอย่างจริงจังมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image