หมายเหตุ – ความเห็นภาคเอกชนและกีฬา กรณีรัฐบาลเปิดลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และจะมีการจัดคิวฉีดให้ประชาชนทั่วไป โดยมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าและซิโนแวค ช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้แค่ไหน
ฐนิวรรณ กุลมงคล
นายกสมาคมภัตตาคารไทย
การเปิดลงทะเบียนและจองคิวรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของรัฐบาล ขณะนี้มีตัวเลขผู้ลงทะเบียนน้อย คิดว่าทางรัฐบาลได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 แล้ว แต่คนยังมีความกังวลในเรื่องของผลข้างเคียงจากวัคซีน จึงทำให้ปฏิเสธที่จะรับการฉีดวัคซีนของรัฐบาล ตอนนี้ต้องยอมรับว่าไทยมีวัคซีนแบบนี้ และมีเท่านี้ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ก็ฉีดวัคซีนกัน รวมทั้งกลุ่มชุมชนคลองเตย กรุงเทพมหานคร ที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ใหญ่นั้น ก็จำเป็นต้องรับการฉีดเช่นกัน
ทั้งนี้ คิดว่าวัคซีนทุกยี่ห้อมีเวลาพัฒนาใกล้เคียงกัน จึงมีผลมีคุณมีโทษต่างกันไป อาจจะมีข่าวว่ามีคนเสียชีวิตหลังรับวัคซีน หรือกรณี “เจ้เล้ง” (นางอารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล เจ้าของกิจการสินค้านำเข้า เจ้เล้ง) ที่ออกมากล่าวถึงประสบการณ์หลังรับวัคซีนวันแรกว่ามีอาการอ่อนเพลียร่วมกับท้องเสีย คนก็ติดตาม เป็นกระแสข่าว แต่พอวันถัดไป เจ้เล้งหายเป็นปกติก็ไม่มีใครสนใจไปติดตามแล้ว ดังนั้นในโลกสังคมออนไลน์ ใครจะเขียนวิจารณ์อย่างไรมุมไหนก็ได้ ผลก็เลยเป็นแบบนี้ ซึ่งการรับวัคซีนนั้น ตอนไปรับวัคซีนผู้รับอาจไม่ได้ศึกษาและเตรียมตัวรับวัคซีนให้ดีก่อน เลยอาจทำให้มีผลข้างเคียงที่หนัก
ในฐานะนายกสมาคมภัตตาคารไทย ได้เข้าหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการขอรับวัคซีนเร่งด่วน สำหรับร้านอาหารในพื้นที่ 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ รวมทั้งเพิ่มอีก 2 จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกัน คือ สมุทรสาครและนครปฐม เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน การฉีดวัคซีนให้จังหวัดเหล่านี้คิดว่าจะเป็นการช่วยฟื้นกิจการกลุ่มร้านอาหารได้ ซึ่งจากการหารือได้รับการตอบรับจากทางฝั่งรัฐบาลแล้วว่าจะได้รับการฉีดแน่นอน
ขณะเดียวกัน สมาคมภัตตาคารไทยและกลุ่มร้านอาหาร ยังได้หารือกับรัฐบาลอีกประเด็นหนึ่ง คือ มาตรการเยียวยาสำหรับร้านที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในส่วนของมาตรการช่วยการจ้างงาน จากการหารือได้การตอบรับแล้วเช่นกัน โดยกิจการที่ต้องปิดเพราะมาตรการควบคุมโควิด-19 ของรัฐบาลพบว่าแรงงานจะได้สิทธิเป็นเงินทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยในอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน ซึ่งจะช่วยในส่วนของกลุ่มกิจการที่อยู่ในระบบประกันสังคม
ยังได้ขอให้รัฐบาลพิจารณาและเร่งดำเนินการคือ การคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในบางพื้นที่ของกลุ่ม 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้กลับมาเป็นแบบรับประทานอาหารที่ร้านได้ เพื่อช่วยให้ฟื้นกิจการได้ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ และปทุมธานี เป็นต้น ที่มีสัญญาณว่าการระบาดลดลง อย่างที่เชียงใหม่ ล่าสุดได้ทำการปิดโรงพยาบาลสนามแล้ว หลังจากรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 หายแล้ว และมีปริมาณติดเชื้อลดลง แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือ กลุ่มร้านอาหารให้การตอบรับฉีดวัคซีนค่อนข้างน้อยมาก อยากให้ฉีดมากขึ้น ผู้ที่สนใจลงทะเบียนและจองรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถติดต่อผ่าน ลิงก์ที่หน้าเพจเฟซบุ๊ก สมาคมภัตตาคารไทย หรือเฟซบุ๊กส่วนตัว ของนายกสมาคมชื่อ ฐนิวรรณ กุลมงคล
วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา
รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
การเปิดลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนในวันแรก แอพพลิเคชั่น มีความขรุขระเล็กน้อย จะต้องมีการปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง มีเรื่องที่ต้องให้ช่วยกัน คือ การประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนกันเยอะๆ ช่วงเวลานี้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนกล้าตัดสินใจมาฉีดวัคซีนกันมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดการฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันตัวเอง จากการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงและการเสียชีวิตได้ แต่อาจจะไม่ใช่เป็นการป้องกันเชื้อได้ 100% เพราะยังมีความจำเป็นต้องใส่หน้ากาก หรือการเว้นระยะห่างกันอยู่ ก่อนหน้านี้มีข่าวเชิงลบในการฉีดวัคซีนออกมาเป็นกระแส ทำให้ประชาชนบางกลุ่มไม่กล้าไปฉีดวัคซีน เป็นเรื่องน่าห่วง ต้องพยายามให้ข้อมูลเชิงบวก และความเข้าใจใหม่ให้มากที่สุด นอกจากป้องกันตัวเองแล้ว ยังป้องกันผู้อื่น ช่วยประเทศชาติ ช่วยส่วนรวมได้ เพราะมีความจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด
รัฐบาลออกมายืนยันแล้วว่า ตอนนี้มีวัคซีนหลากหลายบริษัทที่ขึ้นทะเบียนอยู่ 3-4 ยี่ห้อ และยังรอขึ้นทะเบียนอีกหลายยี่ห้อ ถ้าเป็นไปตามที่ภาครัฐได้ออกข่าวไว้ มีความเป็นไปได้ว่าจะมีวัคซีนเกิน 100 ล้านโดสในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่ว่าฉีดวัคซีน 2 โดสในครั้งนี้แล้วจบเลย หลังจากนี้วัคซีนจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เมื่อมีการพัฒนาวัคซีนตัวใหม่มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น รวมทั้งครอบคลุมการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ก็ยังมีความจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนต่อ จะคล้ายกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ต้องอัพเดตฉีดตัวใหม่ๆ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าวัคซีนสามารถอยู่ได้ 6 เดือน หรือ 1 ปี แล้วฉีดใหม่ ต้องมีการรอผลการวิจัยทางการแพทย์ต่อไป
เวลานี้ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะเตรียมพร้อมการฉีดวัคซีนมากแค่ไหน อย่างหอการค้าไทยช่วยเรื่องการฉีดวัคซีนในกรุงเทพมหานคร เดิมทีมีความสามารถฉีดวัคซีนได้แค่ 10,000 โดสต่อวัน จะต้องเพิ่มให้ได้ 50,000-100,000 โดส ยิ่งฉีดได้เร็วเศรษฐกิจก็จะกลับมาเร็ว ไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันการติดเชื้ออย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความมั่นใจสภาพจิตใจ มีผลต่อกำลังซื้อทั้งหมด ถ้าในเชิงของผู้ประกอบการมีความมั่นใจในการทำธุรกิจ ผู้บริโภคมีความมั่นใจในเรื่องของรายได้ จากนี้ไปจะไม่มีล็อกดาวน์แล้ว กำลังซื้อก็จะกลับมากล้าใช้จ่ายเงินมากขึ้น เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินตัวเลขจีดีพีโตแค่ 1-1.5% ในกรณีหากฉีดวัคซีนไม่ครบ 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากมีผลต่อความเชื่อมั่นในการกลับมาประกอบธุรกิจ รวมทั้งหากยังฉีดวัคซีนไม่ได้เต็มที่ จะมีผลต่อการผ่อนคลายล็อกดาวน์ก็จะทำได้ไม่เต็มที่ จะมีบางส่วนที่เปิดไม่ได้ หรือเปิดไม่ได้ 100% ก็จะมีผลต่อจีดีพี ทางรัฐบาลได้อัดฉีดเงินออกมา ทำมาตรการเยียวยาเป็นหลัก มีความจำเป็นต้องทำอยู่แล้ว เพราะมีการล็อกดาวน์ไว้ เงินเยียวยาต้องออกมาช่วยประชาชนที่ไม่สามารถออกมาทำงานได้ เพื่อให้เศรษฐกิจยังหมุนเวียนได้ในประเทศ ทั้งนี้ได้มองไปโอกาสในการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เพราะจะให้ภาคบริการกลับมาเปิดธุรกิจ เพื่อต่อลมหายใจไปต่อได้
ก้องศักด ยอดมณี
ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
การฉีควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับคณะนักกีฬาไทยได้จัดฉีดไปแล้วให้กับ 17 สมาคมกีฬา และมีโปรแกรมการฉีดต่อเนื่องทุกวันเรื่อยๆ ได้รับความร่วมมือที่ดีจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ ทาง กกท.ได้พูดคุยหารือกับทาง สธ. เพื่อขอให้ กกท.รับผิดชอบการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนักกีฬาไทยเอง จะมีการตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนให้กับนักกีฬาไทยภายในศูนย์กีฬาหัวหมาก มีความพร้อมทั้งด้านสถานที่ แพทย์และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชน ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปแล้ว ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว โดยมี นายทุนเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ในสัปดาห์หน้าจะหาสถานที่ตั้ง เล็งไว้ที่ศูนย์การแพทย์กีฬา หรืออินดอร์ สเตเดียม หลังเล็ก
ในภาพรวมของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนักกีฬาไทยตอนนี้ รู้สึกพอใจแม้ยังไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยได้รับความร่วมมือจาก สธ.ดีมาก อย่างไรก็ตาม วัคซีนในไทยแม้จะมี 2 ยี่ห้อคือ ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า ยอมรับว่าเป็นข้อจำกัด เนื่องจากบางประเทศไม่ให้นักกีฬาฉีดวัคซีนบางยี่ห้อ เราจึงได้ศึกษารายละเอียดและแก้ไขปัญหา อย่างเช่น ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ กรุงโตเกียว และรายการควอลิฟายต่างๆ ที่ญี่ปุ่น ไม่รับนักกีฬาฉีดวัคซีนซิโนแวค ก็ได้แก้ปัญหาให้นักกีฬาไทยที่ฉีดซิโนแวคไปแล้ว ไปฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มเติม เพื่อเข้าไปที่ประเทศนั้นๆ ทั้งนี้ แม้มีข้อจำกัดในเรื่องของวัคซีนในประเทศไทย แต่เราจำเป็นต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุดเพื่อผลดีที่สุดต่อคณะนักกีฬาทีมชาติไทยในการก้าวไปสร้างผลงานและสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
ได้รับทราบมาว่าวัคซีนทางเลือกคือ โรงพยาบาลเอกชนจะขอนำเข้าวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์และโมเดอร์นา หากนักกีฬาทีมชาติไทยบางกลุ่มที่จำเป็นจะต้องใช้วัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา ก็จะประสานกับโรงพยาบาลเอกชน แต่ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการขอรับ โดยเราก็ได้วางแผนล่วงหน้าเอาไว้กรณีที่มีความจำเป็น ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ทำเอ็มโอยูร่วมกับไฟเซอร์และไบออนเทค ที่ให้การสนับสนุนวัคซีนแก่นักกีฬาที่เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกเกมส์และพาราลิมปิก โตเกียว 2020 ไปแล้ว ขั้นตอนจากนี้ ไอโอซีจะส่งมอบวัคซีนให้แต่ละประเทศจำเป็นต้องใช้ แต่การฉีดวัคซีนจะขึ้นอยู่กับรัฐบาลประเทศนั้นๆ ว่าต้องการหรือไม่ จะไม่มีการบังคับให้ผู้ที่เข้าร่วมต้องฉีดวัคซีนก่อนมาถึงประเทศญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้ ไอโอซีส่งหนังสือสอบถามมายังประเทศไทยว่าต้องการรับวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักกีฬาหรือไม่ ตอนนั้นเราได้รายงานกลับไปว่ารัฐบาลไทยกำลังจัดหาวัคซีนให้กับประชาชน แต่ถ้าหลังจากนี้คณะนักกีฬาไทยมีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องรับวัคซีนบางยี่ห้อเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในประเทศต่างๆ ก็จะประสานเรื่องขอรับวัคซีนโควิด-19 ไปยังไอโอซี
ชวลิต ฉ่อนเจริญ
ที่ปรึกษาชมรมภัตตาคารและร้านอาหารจังหวัดเชียงใหม่
กรณีรัฐบาลให้ประชาชนฉีดวัคซีนซิโนแวคกับแอส ตร้าเซนเนก้า เพื่อป้องกันและควบคุมโควิดแพร่ระบาด ผมพอใจระดับหนึ่ง ประชาชนไม่มีทางเลือก เพราะรัฐบาลเป็นผู้จัดหาวัคซีน และมีเพียง 2 ยี่ห้อ หลังเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน เพื่อขอรับการฉีดวัคซีนดังกล่าว มีความมั่นใจเพียง 50% เพราะวัคซีนที่รัฐบาลสั่งซื้อยี่ห้อใหม่นำเข้ามาฉีดได้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 อาจล่าช้าเกินไป เพราะมีผู้ป่วย กลุ่มเสี่ยง และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน
เห็นด้วยกับภาคเอกชนรายใหญ่ที่ขอรัฐบาลจัดหาฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและเครือข่ายธุรกิจทั่วประเทศ เพื่อแบ่งเบาภาระรัฐบาลและประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น อาทิ บริษัทไทยที่ไปรับเหมาก่อสร้างเขื่อนในลาว ได้สั่งซื้อวัคซีนฉีดให้พนักงานและคนงานกว่า 10,000 คนแล้ว หากบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย อาทิ กลุ่มซีพี ไทยเบฟ และบุญรอด นำร่องจัดหาวัคซีนให้แก่พนักงานและเครือข่ายธุรกิจ น่าสร้างความมั่นใจ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจประเทศได้มากกว่ารัฐบาล ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รวมทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยว ได้รับอานิสงส์ฟื้นตัวธุรกิจหรือกิจการเร็วขึ้น โดยเฉพาะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว มีภัตตาคาร ร้านอาหาร และสถานบันเทิงกว่า 1,000 แห่ง มีผู้ประกอบการ พนักงาน และลูกจ้างกว่า 80,000 คน มีโอกาสรอด ไม่ปิดกิจการ และจ้างงานต่อได้
ขณะนี้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบมาก เพราะจังหวัดมีคำสั่งห้ามนั่งกินในร้าน ให้ซื้อกลับบ้านได้ หรือบริการดิลิเวอรี
เท่านั้น แต่ดิลิเวอรีมียอดสั่งซื้อเพียง 20-30% ทำให้ผู้ประกอบการต้องลดเวลาทำงานหรือลดเงินเดือนพนักงาน ส่งผล กระทบต่อวัตถุดิบที่สั่งซื้อจากเกษตรกร ทำให้ผลผลิตมีราคาต่ำลง ขอเรียกร้องรัฐบาลให้ช่วยเหลือและชดเชยผู้ประกอบการ อาทิ ลดหย่อน
ภาษี จัดหาแหล่งทุนหมุนเวียน หากเลิกจ้างพนักงานให้ประกันสังคมจ่ายค่าชดเชย 100% ไม่ผลักภาระให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบเพียงคนเดียว
ล่าสุด ทราบว่าสาธารณสุขจังหวัดได้ขอวัคซีนจากรัฐบาลมาฉีดให้ชาวเชียงใหม่เดือนละ 400,000 โดส เริ่มเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้ครอบคลุมประชากรอย่างน้อย 70% หรือ 1,120,000 คน จากประชากร 1.6 ล้านคน ล่าสุดฉีดได้เพียง 10,000 กว่าราย หากทำได้ตามเป้าหมาย เชื่อฟื้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยวชุมชนเร็วขึ้น
