ภาพอันปรากฏหน้ากรมทหารราบที่ 1 และในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงมีการปรับเปลี่ยน “ภูมิทัศน์” บางอย่างอย่างเด่นชัด
นั่นก็คือ มีการถอน “ตู้คอนเทนเนอร์” ออก
ขณะเดียวกัน เมื่อมวลชน “ทะลุแก๊ซ” ยังดำรงจุดมุ่งหมายของตนบนถนนวิภาวดีรังสิต การตอบโต้ก็
มากด้วย “กลยุทธ์”
เป็นกลยุทธ์อันมากับ “ความรุนแรง”
ไม่เพียงยังยืนยันปฏิบัติการผ่าน “แก๊สน้ำตา” ผ่าน “กระสุนยาง” และขับเคลื่อน “จีโน่” ออกไปยังมวลชน
ที่เข้ามา
หากแต่ “ท่าที” ต่อมวลชน “แข็งกร้าว”
เป็นการแข็งกร้าวในลักษณะที่แล่นรถกระบะเข้าปะทะ เป็นการแข็งกร้าวที่เคลื่อนไหวเร็วและถีบตรงไปยัง
ขบวนรถ
จากนั้นก็ขยายผลด้วยการเข้าจับกุม
การเข้าจับกุมในตอนค่ำของวันที่ 22 และวันที่ 23 สิงหาคม ดำเนินไปอย่างยกระดับและก้าวกระโดดในเชิงปริมาณ
มิได้เป็น “หลักสิบ” หากเป็น “สามสิบ” ขึ้น
เมื่อมีการประมวลปริมาณการเข้าจับกุมและดำเนินคดีนับตั้งแต่ตอนค่ำของวันที่ 1 สิงหาคมกระทั่งวันที่ 23 สิงหาคม
รวมแล้วทะยานเข้าสู่ “หลักร้อย”
การดำเนินคดีก็มิได้พุ่งเป้าเฉพาะตัวของ “ผู้ต้องหา” หากครอบคลุมไปยังรถอันเป็น “พาหนะ” และขยายผลไปยัง “ผู้ปกครอง”
เป้าหมายก็เพื่อ “ลด” จำนวน
เพราะเมื่อมีการขยายปริมาณออกไปอย่างกว้างขวาง นั่นหมายถึงการเด็ดหัวมวลชนซึ่งแสดงออกอย่างมี “กันมันตะ”
คาดหมายว่าความรุนแรงจะลดทอนลง
ยังไม่ใครคาดหมายได้ว่า กลยุทธ์ใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ผลมากน้อยเพียงใด รัดกุมเพียงใด
อย่างน้อยก็ลดทอน “พื้นที่” ปฏิบัติการ
อย่างน้อยการถอดถอนโยกย้าย “ตู้คอนเทนเนอร์” ออกไปจากพื้นที่ก็เท่ากับเป็นการตัดเงื่อนไขอันเป็นจุดเร้าในทางความรู้สึก
ยิ่งกว่านั้น ยังจำกัด “กรอบ” และขอบเขต
ภาพที่หน่วยควบคุมฝูงชนเดินถือปืนรุกเข้าไปแฟลตดินแดง หรือบนถนนราชปรารภและบนเส้นทาง
ไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเริ่มไม่มี
เพียงแต่บนถนนวิภาวดีรังสิตยังเข้ม
เป็นความเข้มด้วยกัมปนาทแห่ง “กระสุนยาง” ที่รัวออกมาเป็นชุดและไม่เลือกว่าเป็นใบหน้า หรือลำตัว
เป็นความเข้มในการสกัด “มอเตอร์ไซค์”
ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่ามาตรการเข้มข้น แข็งกร้าวที่ปรากฏในห้วง 2 วันมานี้จะส่งผล
อย่างไรต่อการเคลื่อนไหว
ลดทอน “ปริมาณ” ลงได้หรือไม่
หรือจะยิ่งสร้างความเดือดแค้น
ไม่พอใจ และกลับกลายเป็นเหมือน “แม่เหล็ก” ดูดดึงบรรดาเยาวรุ่นมากหลายให้รวมตัวกันมา “ทะลุแก๊ซ”
จำเป็นต้องรอคอยด้วยความระทึกต่อไป