‘อุ๊งอิ๊ง’ ไมเนอร์เชนจ์เพื่อไทย ‘อาวุธใหม่’ สู้ศึกเลือกตั้ง ?

‘อุ๊งอิ๊ง’ไมเนอร์เชนจ์เพื่อไทย ‘อาวุธใหม่’สู้ศึกเลือกตั้ง?
(แฟ้มภาพ)

‘อุ๊งอิ๊ง’ ไมเนอร์เชนจ์เพื่อไทย ‘อาวุธใหม่’ สู้ศึกเลือกตั้ง ?

หมายเหตุ ความเห็นนักวิชาการถึงการเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) รับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าพรรคพร้อมคณะกรรมการบริหารชุดใหม่


  • โอฬาร ถิ่นบางเตียว
    นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์
    คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี

มองว่าพรรคเพื่อไทยรีบร้อนเกินไปในการเปิดตัวคุณอุ๊งอิ๊ง แต่อาจจะมีเหตุผลประกอบเพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ตอบโจทย์กระแสสังคม

ประเด็นต่อมาถือเป็นตัวแทนที่ชัดเจนของนายทักษิณ ชินวัตร ถูกมองว่ากลายเป็นดาบสองคม ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปจี้จุดอ่อนว่าถึงที่สุดพรรคเพื่อไทยก็ก้าวข้ามไม่พ้นนายทักษิณ

ล่าสุดคุณอุ๊งอิ๊งก็โดนวิจารณ์ จากการเข้าเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา มีกรณีข้อสอบรั่ว ทำให้เห็นว่าการเปิดตัวทำให้มีผลในภาพลบของพรรคเพื่อไทยต้องรอตอบคำถาม

Advertisement

แม้ว่าพรรคมีจินตนาการที่ดีต้องการขายความฝันของคนรุ่นใหม่ แต่ปมที่เป็นปัญหาจากคนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตร ตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อเนื่องถึงครั้งนี้ ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายทักษิณ ก็ยังคงเป็นประเด็นทางสังคม

โดยเฉพาะการที่คุณอุ๊งอิ๊งพูดชัดเจนว่าจะพาพ่อกลับบ้าน พรรคก็คงประเมินแล้วจากการคงนโยบายแบบเดิม การสรรหาคนรุ่นใหม่มาทำงาน และพรรคจะต้องยึดโยงกับนายทักษิณเพราะเชื่อว่ายังมีคะแนนนิยมในกลุ่มของประชาชนภาคอีสาน ภาคเหนือ

ดังนั้นก็ไม่แปลกที่คุณอุ๊งอิ๊งจะพูดเพื่อเอาใจฐานคะแนนนิยมที่สนับสนุนพรรค และประเมินว่าฝ่ายตรงข้ามก็ต้องขุดประเด็นนี้มาเป็นความขัดแย้งทางการเมืองอีกครั้ง

Advertisement

แต่ถ้ามองขณะนี้ทั้ง กปปส.แตกออกเป็นหลายขั้วหลายกลุ่ม พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีเอกภาพเหมือนเดิม รวมทั้งมวลชนหลายกลุ่มที่แตกออกไป

ทีมงานพรรคเพื่อไทยคงประเมินจากการใช้หลักการทำโพลมีข้อมูลแล้วว่าคงมีคนเห็นต่างอยู่บ้าง แต่ในความเป็นจริงยังมีฐานมวลชนจำนวนมากกว่าที่คล้อยตามไปกับนายทักษิณ

แต่ถึงที่สุดพรรคเพื่อไทยจะต้องตอบโจทย์หรือชี้แจงอย่างไรว่านายทักษิณไม่ได้มีพฤติกรรมครอบงำพรรค นอกจากนั้นต้องออกมาชี้แจงต่อสังคมกรณีการเปิดโปงภูมิหลังของคุณอุ๊งอิ๊ง ทั้งนักวิชาการในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นายทักษิณก็ต้องออกมาพูดเรื่องนี้ให้จบ พรรคเพื่อไทยก็ทราบดีว่าตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคของคุณอุ๊งอิ๊งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของพรรค

หากฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผลเช่นเดียวกับกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยไปแล้ว แต่ กปปส.นำไปจุดติดปลุกกระแสมวลชนเป็นม็อบใหญ่ เชื่อว่าเรื่องส่วนตัวของคุณอุ๊งอิ๊งที่จุฬาฯจะถูกนำไปขยายผลมากกว่าวาทกรรมพาพ่อกลับบ้าน เพราะเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่หรือคนชั้นกลางไม่สามารถยอมรับได้

การโชว์ภาพคนรุ่นใหม่ในพรรคเพื่อไทยเพื่อทำงานการเมืองในอนาคต หากนำไปเทียบกับคนรุ่นใหม่ในพรรคก้าวไกล ถ้าเทียบระหว่างวัย ช่วงอายุของ 2 พรรคก็คล้ายกัน แต่พรรคก้าวไกลจะมีความคิดที่เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเองมากกว่า กล้าที่จะชูปัญหาในเชิงประเด็นโครงสร้างอย่างตรงไปตรงมา

ส่วนพรรคเพื่อไทยมีคุณลักษณะของนักการเมืองที่มีคุณภาพสูง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายในพรรค ถูกครอบงำโดยนักการเมืองรุ่นเก่า ขณะที่คนรุ่นใหม่ก็คือลูกหลานของนักการเมืองรุ่นเก่าในพรรค อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่จำแลง ถือเป็นจุดอ่อนที่แก้ไม่ตก เช่นเดียวกับการโยนคุณอุ๊งอิ๊งเข้าทำงานแทนนายทักษิณ หลายฝ่ายเชื่อว่าคนหนุ่มสาวอาจจะให้ความสนใจถล่มทลาย แต่ปรากฏว่าเรื่องการศึกษามีผลสะท้อนกลับไปถึงพรรคพอสมควร ผู้ที่วางยุทธศาสตร์อาจจะคาดไม่ถึง เพราะเวลาผ่านไปนาน 17 ปีคิดว่าเรื่องคงเงียบไปแล้ว

สำหรับ นพ.ชลน่านหัวหน้าพรรคคนใหม่ ถือว่ามีความสามารถ มีเครือข่ายกว้างขวาง มีความรู้ด้านกฎหมาย เป็นกันเองกับทุกคน หากพรรคปล่อยให้ นพ.ชลน่านไปสังกัดพรรคอื่นก็เป็นการสูญเสียทรัพยากรสำคัญอย่างน่าเสียดาย และเชื่อว่าบุคคลในตระกูล
ชินวัตรยังพูดคุยสื่อสารกับ นพ.ชลน่านได้ดีกว่าและไว้ใจได้มากกว่าบุคคลอื่น

แต่จุดอ่อนคือการนำ นพ.สุรพงษ์ มานั่ง ผอ.พรรค คงต้องการเชื่อมร้อยนโยบายของพรรคจากประสบการณ์ที่ผ่านมา และพรรคจะทำเมนูนโยบายที่ตอบโจทย์คนไทยทุกกลุ่ม มีความหลากหลาย

แต่ นพ.สุรพงษ์จะโดนคนรุ่นใหม่ตั้งคำถามในฐานะคนเดือนตุลา จะมีนโยบายการปฏิรูปบางเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนหรือไม่ หรือจะชำระประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519 อย่างไรในฐานะผู้ร่วมเหตุการณ์ ส่วนตัวเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่กล้าตอบ เรื่องนี้ประเมินว่าอาจทำให้มวลชนคนกลุ่มรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่ง คิดว่าพรรคเพื่อไทยสุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีอะไรใหม่มากกว่าที่ผ่านมา

  • สิริพรรณ นกสวน สวัสดี
    นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การนำคุณอุ๊งอิ๊งเข้ามาทำงานการเมืองในพรรคเพื่อไทย ก็คงเป็นการโยนหินถามทางว่าในอนาคตหากจะปรับจากที่ปรึกษามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีสังคมจะมีความเห็นอย่างไร แต่มองโดยภาพรวมเชื่อว่าการปรับโครงสร้างพรรคครั้งนี้คงคิดมาแล้วอย่างละเอียด รอบคอบ วางหมากไว้หลายระดับ

โดยมีประเด็นสำคัญเป้าหมายหลักให้คุณอุ๊งอิ๊ง หากมองเป็นร่างทรงก็ไม่เหมาะ แต่ให้คุณอุ๊งอิ๊งเป็นปากเสียงแทนนายทักษิณได้ตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัย ป้องกันอันตรายเป็นปัญหาการครอบงำพรรคจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์

ก่อนหน้านี้มีกระแสมาตลอดว่าตระกูลชินวัตรจะนำบุคคลอื่นมาทำงานในพรรค แต่เมื่อเป็นคุณอุ๊งอิ๊ง ส่วนตัวไม่ได้ประหลาดใจเพราะเชื่อว่าจะต้องเป็นบุคคลในครอบครัว และในบรรดาบุตร 3 คนของนายทักษิณ ก็คงไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าคุณอุ๊งอิ๊ง

แต่หลังการประกาศตัวทำงานการเมืองไม่กี่ชั่วโมงมีอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ก็พูดถึงการสอบเข้าเรียน หลายฝ่ายสรุปว่ามีข้อสอบรั่ว แต่ต่อมามีกรรมการสอบสวนก็ยังไม่มีข้อสรุป ไม่สามารถโยงได้ชัดเจน

ส่วนตัวเคยสอนอุ๊งอิ๊งในปี 2547 ก็เห็นว่าน่าจะต้านกระแสแรงเสียดทานเหล่านี้ได้ คุณอุ๊งอิ๊งก็คงไม่แปลกใจเพราะในสังคมนี้ใครก็ตามที่ขาวสะอาด เมื่อลงการเมืองก็จะถูกขุดคุ้ย

เรื่องการสอบเข้าไม่น่ามีปัญหา และคุณอุ๊งอิ๊งอายุเพียง 35 ปี คงไม่ด่างพร้อยอะไรมากนัก แต่ประเด็นหลักเป็นประโยคที่พูดบนเวทีเปิดตัวว่าคุณพ่ออยากกลับมาเมืองไทย เรื่องนี้ต่างหากที่กลายเป็นจุดตาย เพราะการนำนายทักษิณกลับบ้านโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมก็น่าจะสร้างความไม่พอใจ เป็นการปลุกผีทักษิณกลับมาอีก หลายฝ่ายเชื่อเป็นสาเหตุที่ต้องนำคุณอุ๊งอิ๊ง
เข้ามาในตำแหน่งปัจจุบันหรืออาจจะมีตำแหน่งสำคัญในอนาคต เชื่อว่าผู้ที่วางแผนเรื่องนี้ไม่ได้คำนึงถึงผลเสีย ทั้งที่โพลสำรวจความนิยมพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำเหนือพรรคอื่น

แต่ความเชื่อมโยงของฐานคะแนนนิยมที่มีต่อพรรคเพื่อไทย มองว่าเป็นความสำเร็จในเชิงนโยบายมากกว่าความสำเร็จในตัวบุคคล แต่ยอมรับว่ายังมีผู้ที่ชื่นชอบนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่บางส่วนของบุคคลเหล่านี้ต้องการก้าวผ่านนายทักษิณ ต้องการให้พรรคนำความสามารถในการคิดนโยบายมาใช้ ไม่ได้ต้องการให้นายทักษิณกลับบ้าน พรรคเพื่อไทยจึงควรระวัง ส่วนนายทักษิณก็ควรเลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว ไม่ควรเอามาเป็นจุดขาย อาจจะมีผลเสียมากกว่าคะแนนนิยมที่ได้รับ

ที่สำคัญคนรุ่นใหม่ไม่ได้สนใจเรื่องนายทักษิณกลับบ้าน แล้วอาจจะไปปลุกกระแสความไม่พอใจของกลุ่มอนุรักษนิยม ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่ากลุ่มนี้สามารถทำอะไรก็ได้ที่ประชาชนทั่วไปคาดไม่ถึง

การวางตัวคุณอุ๊งอิ๊งที่มีตำแหน่งที่ปรึกษาในด้านการมีส่วนร่วม จุดหมายก็ต้องการดึงกระแสคนรุ่นใหม่เพื่อแข่งกับพรรคก้าวไกล แต่คนรุ่นใหม่จะมองนายทักษิณในฐานะอดีตผู้นำที่ประสบความสำเร็จจากความคิดสร้างสรรค์ โดยขีดเส้นใต้เอาไว้

แต่คนรุ่นใหม่ไม่ได้ต้องการให้นายทักษิณกลับมา เพราะไม่จำเป็น ดังนั้นอะไรที่เป็นข้อบกพร่อง หรือจุดอ่อนยังมีโอกาสปรับปรุงแก้ไข เพราะมีการวางตัวบุคคลในพรรคได้ค่อนข้างดี แต่ต้องดูว่าอำนาจการตัดสินใจที่แท้จริงในพรรคเพื่อไทยอยู่ที่คนกลุ่มไหน และคงอีกนานกว่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงกลางปีหน้า

เมื่อโฟกัสการเข้าสู่การเมืองคุณอุ๊งอิ๊ง สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิงห์ขาว รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เชื่อว่ามีความแตกต่างอย่างแน่นอน เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยใช้เวลาเพียง 49 วัน แต่คุณอุ๊งอิ๊งเข้ามาเพื่อทดสอบกระแสคลื่นลมว่ารุนแรงมากน้อยแค่ไหน ก่อนจะมีการเลือกตั้ง ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองเพราะมาจากภาคธุรกิจ

ส่วนคุณอุ๊งอิ๊งเคยบอกว่าชอบการเมืองมาตั้งแต่เด็ก เป็นสายเลือดของบิดาอย่างชัดเจน ดังนั้นคิดว่าความสนใจทางการเมืองน่าจะโดดเด่นมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์

แต่ทั้งหมดยังบอกไม่ได้ว่าโอกาสข้างหน้าจะประสบสำเร็จได้จริงหรือไม่ เพราะอยู่ที่เทคนิคและสไตล์ส่วนบุคคลที่จะแสดงออกหลังจากนี้

  • ชำนาญ จันทร์เรือง
    นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์

การปรับโครงสร้างของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ต้องการแข่งขันกับพรรคพลังประชารัฐโดยตรง แต่ต้องการแข่งขันในสนามเลือกตั้งกับพรรคก้าวไกลที่ชูประเด็นการทำงานการเมืองของคนรุ่นใหม่ มีความหลากหลายในนโยบาย
ขณะที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แม้ว่าปัจจุบันอายุ 60 ปีแล้ว ส่วนการนำคุณอุ๊งอิ๊งมานั่งเป็นที่ปรึกษาก็เหมือนโยนหินถามทาง คงเอาบุคคลที่ไว้ใจในครอบครัวมาทำงาน เพราะเดิมนายทักษิณก็นำคนใกล้ชิดหลายคนมาทำงานการเมือง

แต่เชื่อว่าประชาชนทั่วไปคงคิดได้ว่าในทางการเมืองใครก็ตามที่อาสาเข้ามาทำงานการเมือง หากมีความสามารถ พรรคให้การยอมรับ กระแสสังคมให้การสนับสนุนก็คงไม่มีปัญหา

ล่าสุดทราบว่าคุณอุ๊งอิ๊งถูกโจมตีเรื่องเก่าในอดีต แต่เชื่อว่านายทักษิณคงปักหลักสู้ไม่ถอย เพราะการเมืองเข้าสู่สายเลือดและคิดว่าตัวเองถูกรังแก ทำให้ไปอยู่ประเทศอื่น เมื่อครอบครัวมีความพร้อม ก็ต้องมีเป้าหมายเพื่อเอาชนะทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ

ส่วนการนำนายทักษิณกลับบ้านก็น่าจะสร้างปัญหาพอสมควร หากจะกลับจริงก็ต้องแก้ไขกฎหมายในสภา และพรรคเพื่อไทยควรดูบทเรียนจากการเมืองนอกสภาเหมือนการเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่ง ซึ่งพรรคมั่นใจว่าจะผ่านด้วยเสียงข้างมาก แต่ถูกล้มด้วยมวลชนของ กปปส.

การพูดเพื่อนำพ่อกลับบ้านของคุณอุ๊งอิ๊ง มีการวางยุทธศาสตร์ มีเป้าหมาย เพื่อต้องการเอาชนะทางการเมือง หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในครั้งหน้านายทักษิณอาจจะไม่ได้กลับมาจริง เพราะโลกปัจจุบันอยู่ที่ไหนก็สื่อสารถึงกันได้หมด แต่ต้องพูดให้ประชาชนที่ชื่นชอบพรรครู้ว่า พรรคนี้นโยบายส่วนหนึ่งยังมาจากนายทักษิณ

แต่ที่น่าเป็นห่วง เพราะการพูดจะพานายทักษิณกลับบ้านเหมือนไปปลุกกระแสยักษ์หลับในฝ่ายอนุรักษนิยมให้ตื่นขึ้นต่อต้าน เป็นผลเสียกับคะแนนนิยมกับพรรคเพื่อไทย

หรือคนบางกลุ่มจะมีทัศนคติต้องการพรรคการเมืองควรเป็นสถาบันทางการเมือง ไม่ควรเป็นพรรคการเมืองประจำวงศ์ตระกูล อาจทำให้คนส่วนหนึ่งที่ชื่นชอบอาจจะถอย แต่ผู้ที่ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย ก็ต้องฝากความหวังไว้กับคุณอุ๊งอิ๊งที่ถูกวางตัวไว้ล่วงหน้านานแล้ว จะต้องเป็นบุคคลมีความสามารถ อดทน มีบารมี ทำให้ประชาชนทั่วประเทศยอมรับจากการทำงาน แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าเชื่อว่ายังไม่ถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเนื่องจากอายุยังน้อย

  • ผศ.ดร.วีระ หวังสัจจะโชค
    คณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร

จากการเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยถือเป็นหมุดหมายที่บอกว่า พร้อมจะลุยจริงๆ เวลาเราทำความเข้าใจพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ในช่วงการเลือกตั้งปี 2562 กระแสหลายครั้ง จะพบว่าพรรคเพื่อไทยเหมือนไม่ได้มีพลังที่จะออกมาสู้ มีลักษณะของการหมอบ ยอมอีกฝ่าย ไม่ได้มีลักษณะเปิดเกมสู้เหมือนสมัยปี 2554 ที่ส่งคุณยิ่งลักษณ์มา ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่า เพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เลือดข้นกว่าน้องสาว คือลูกสาว ส่งคุณอุ๊งอิ๊งมา มีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก็มีสัญญาณบางอย่างเช่นกัน แต่การเอาคุณอุ๊งอิ๊งเข้ามา คืออาวุธใหม่ทางการเมือง ของพรรคเพื่อไทย

จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เห็นอะไร

1.ในเชิงรูปแบบ นี่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยที่มานั่งประชุมกัน แล้วเอากรรมการบริหารพรรคมานั่งฟังบนโต๊ะยาวๆ แต่นี่คือการประชุมที่มีลักษณะเอาแนวทางแบบ TED Talks มาใช้ การพูดโดยไม่มีโพเดียม หรือมีแค่บางคน มีการทำเวทีให้รู้สึกถึงความโมเดิร์น สมัยใหม่มากยิ่งขึ้น

ในเชิงรูปแบบ เราจะพบว่านี่คือความพยายามที่จะ “เปลี่ยน” ของพรรคเพื่อไทย มุ่งไปหากลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยไม่ทิ้งกลุ่มเป้าหมายเดิม เช่น การจัดการประชุมที่ จ.ขอนแก่น สะท้อนภาพว่าให้ความสำคัญกับภูมิภาค แต่รูปแบบการจัดงาน สะท้อนว่า นี่คือพรรคเพื่อไทยที่พร้อมจะเดินไปกับคนรุ่นใหม่ ในที่นี้คืออนาคต

คือสิ่งที่เพื่อไทยพยายามจะขาย ซึ่งขายพร้อมกับในทวิตเตอร์เช่นกัน ผ่านแฮชแท็ก #พรุ่งนี้เพื่อไทย คือรูปแบบและภาพ ที่พยายามจะฉายออกไปว่า นี่คืออนาคต ซึ่งแตกต่างจากพลังประชารัฐ ที่ประชุมพรรคเหมือนกัน แต่เราจะเห็นบรรยากาศที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

2.ในเชิงเนื้อหา เราพบว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้นำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นประชานิยมอย่างเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้เวลานึกถึงเพื่อไทย จะนึกถึงนโยบายลด แลก แจก แถม

แต่ครั้งนี้เราเห็นสิ่งที่แปลกใหม่กว่าเดิม เราเห็นการชูนโยบายเรื่อง “สิทธิเสรีภาพ” ของกลุ่มเฉพาะ อย่าง LGBT ซึ่งก่อนหน้านี้การพูดถึงประเด็นเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในเพื่อไทย แต่เป็นอเจนด้าของพรรคอื่น อย่างอนาคตใหม่

นอกจากนี้ มีพูดถึงเรื่องของโสเภณีถูกกฎหมาย หยิบยกเรื่องการศึกษาตลอดชีวิต โดยเอาหน่วยกิตไปอยู่ในคลาวด์ (Cloud) พบว่า มีการขายไอเดียใหม่ๆ ซึ่งลักษณะดังกล่าว ต้องยอมรับว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ชาวบ้าน

ถ้าพูดถึงฐานเสียง ชาวบ้านธรรมดา หาเช้ากินค่ำ เขาต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุน ก็ย่อมอยากรู้ว่าพรรคมีนโยบาบอะไรให้บ้าง แต่การชูอเจนด้าใหม่ๆ อย่างเรื่องสิทธิ กลุ่มเฉพาะ และการศึกษา นี่คือการพยายามที่จะขยายฐานชนชั้นกลางด้วย

ด้วยเหตุนี้ ในเชิงคอนเทนต์ หลังจากเปิดตัวเมื่อวาน (วันที่ 28 ต.ค.) แทบจะไม่มีการพูดถึงนโยบายประชานิยม อย่างจำนำข้าว ราคาสินค้าเกษตร ไม่ได้พูดถึงการให้เงินสนับสนุนเหมือนเดิม แต่พูดถึงการพัฒนาเทคโนโลยี มีอะไรใหม่ๆ ในเชิงเนื้อหาคือส่วนที่สำคัญมาก

เป้าที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ พยายามจะชูว่าเป็นทางเลือกเดียว ในการต่อสู้กับฝ่ายพลังประชารัฐ เพราะเพื่อไทยได้เอาอเจนด้าของอนาคตใหม่มาใช้ ซึ่งต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา ถามว่าก๊อบปี้หรือไม่ ก็ไม่ เพราะอเจนด้าเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในสังคมอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้อนาคตใหม่หยิบมาใช้ ครั้งนี้เพื่อไทยหยิบมาใช้บ้าง และเรื่องการขายคนรุ่นใหม่ ทั้งการเอาคุณอุ๊งอิ๊งมารวมถึงกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่เป็นคนค่อนข้างเปิดกว้างมากขึ้น เราจะเห็นได้ว่าเป็นการพยายามกลบภาพของพรรคอื่นๆ รวมถึงพรรคไทยสร้างไทยด้วย

ถ้าเทียบพรรคเพื่อไทยกับตลาดหุ้น ตอนนี้คือหุ้นขึ้นเป็นสีเขียวหมด แย่งตลาดคนอื่นมาหมด ซึ่งก็มีความจริงบางส่วน เพราะเมื่อเช้าผมเช็กข่าว แทบทุกสำนักพูดถึงพรรคเพื่อไทยค่อนข้างในทางบวก จุดนี้ทำให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้อาจดูเหมือนเพื่อสู้กับพลังประชารัฐ หรือพรรคอื่นๆ แต่แท้จริงแล้ว นี่คือการพยายามรวมกลุ่มย่อยๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ของฝั่งประชาธิปไตยว่าพร้อมจะกลับมารวมกัน หรือเราเป็นทางเลือกเดียวที่จะพร้อมสู้กับอีกฝั่งหนึ่งได้

ในส่วนของการเปิดตัวคุณอุ๊งอิ๊ง ส่วนตัวไม่ค่อยเซอร์ไพรส์เท่าไหร่ ถ้าตามการเมืองมาสักระยะจะทราบว่า เพื่อไทยกับตระกูลชินวัตร มีความใกล้ชิดกัน และหลายครั้งคุณโทนี่ (ทักษิณ ชินวัตร) พูดชัดเจนว่า เขาจะกลับมาให้ได้ ไม่ใช่ลักษณะออกไปนอกประเทศแล้วทำให้เรื่องเงียบ แต่พยายามจะสู้เพื่อกลับเข้ามาเสมอ อย่างไรก็ดี คุณทักษิณมีลักษณะคล้าย พล.อ.ประยุทธ์อยู่อย่างหนึ่ง คือความไม่ไว้วางใจคนที่ตัวเองไม่ใกล้ชิด หรือคนที่ไม่ใช่สายเลือดตัวเอง สูงพอๆ กัน

เพื่อไทยยังไม่เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ เพราะยังเลือกคนที่เขาไว้ใจไม่ได้ ทั้งที่มีหลายชื่อโยนมาแล้ว แสดงว่าการส่งลูกมาครั้งนี้เพื่อเป็นการพูดในเชิงที่ว่าพรรคเพื่อไทยก็ยังผูกกับทักษิณซึ่งไม่เซอร์ไพรส์

แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์จริงๆ คือการส่งลูกสาวคนเล็กออกมามากกว่า คุณอุ๊งอิ๊งอายุ 35 ปีพอดี ทำให้คนเอาไปคิดได้ว่า อ๋อ! อายุ 35 ตรงกับเงื่อนไขขั้นต่ำในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ พอดี แบบนี้จะเอาคุณอุ๊งอิ๊งเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยหรือไม่

เหมือนเป็นสัญญาณบางอย่าง ผมคาดการณ์ว่านี่น่าจะเป็นเฮือกสุดท้ายของคุณทักษิณ เพราะตอนนี้อายุ 70 กว่าปีแล้ว และการส่งลูกสาวคนเล็กลงมาในสนามการเมือง แม้ว่าคุณอุ๊งอิ๊งจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่นักการเมือง มาเป็นที่ปรึกษา แต่นี่คืออาวุธทางการเมืองที่สำคัญมาก

หลังจากนี้ คุณทักษิณต้องประเมินแล้วว่าส่งลูกลงมาตรงนี้ จะโดนสังคมโจมตีจากทุกฝ่ายแน่นอน เรื่องเก่าๆ ในอดีต ตั้งแต่สมัยเอ็นทรานซ์ เรื่องคะแนนสอบ หรือเรื่องอื่นๆ ก็จะถูกเอามาใช้โจมตีทางการเมือง ซึ่งคนที่เข้าการเมืองคงจะปฏิเสธไม่ได้ การส่งลูกสาวน่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้าย ตอนนี้ไม่น่าจะเหลือใครให้พอไว้ใจส่งมาอีกแล้ว เพราะภรรยาก็ไม่เล่น น้องสาวส่งมาแล้ว พี่เขยส่งมาแล้ว น่าจะหมดหน้าตักคนที่ไว้ใจ หลังจากนี้คงจะเป็นคนที่ไม่ใช่สายเลือด ซึ่งก็อยู่รายรอบพรรคเพื่อไทย

สู้สุดแรงอีกครั้งเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ถ้ากระแสมาอย่างนี้ ผมเห็นว่าปีหน้าถ้าแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ คงจะได้เห็นการยุบสภา และเลือกตั้งอย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image