กรณีเกิดการพลิกโผ ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง จากนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. เป็น นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พรรคประชาธิปัตย์ นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ว่า ความจริงคนที่เข้ามาเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณากฎหมายลูกนั้น มีประสบการณ์ตอนเป็นคณะ กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม และมีความเห็นว่า นายไพบูลย์ ไม่ค่อยฟังคนใน กมธ. จึงมีความไม่พอใจวิธีการทำงานตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเราต้องให้โอกาสคนที่เป็น กมธ.ได้อธิบายและพูดให้หมดประเด็นจะได้บันทึก ส่วนมติเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่ได้มีการติดใจอะไร เท่าที่ตนทราบเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นพอเห็นจะมาเป็นประธาน กมธ.วิสามัญกฎหมายลูกชุดนี้ ก็เกิดความกังวลเขาจึงไม่อยากได้ นี่คือเนื้อแท้ที่ กมธ.วิสามัญฯชุดนี้บ่นกัน
นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.และนักการเมืองอีกหลายคนที่แสดงความคิดเห็นสนับสนุนนายสาธิต นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) และเป็น กมธ.ด้วย ระบุว่าส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรกับนายไพบูลย์ เป็นเรื่องของหลักการทำงานที่ไม่ตรงกันมากกว่า เพราะ กมธ.หลายๆ ท่านได้สัมผัสการทำงานร่วมกันมาแล้ว ตั้งแต่เป็นประธาน กมธ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จากการพูดคุยกันตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นว่า กระแสไม่ยอมรับในซีกของรัฐบาลมีอยู่ และมีแนวโน้มอาจจะลงแข่ง มีการเอ่ยชื่อมาหลายคน
โดยสรุป การพลิกโผ มีสาเหตุจากเรื่องของตัวบุคคล ประกอบกับพรรคพลังประชารัฐเอง อาจจะมีระบบการตัดสินใจที่เป็นปัญหา และยังมีปัญหาความแตกร้าวภายในอยู่ก่อนแล้ว ทำให้การผลักดันชื่อนายไพบูลย์เกิดเป็นปัญหาขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ กมธ.ชุดนี้ ควรยอมรับมติที่ประชุม และเดินหน้าปรับปรุงร่าง พ.ร.ป.ให้เป็นกฎกติกาที่มีความเป็นธรรม สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนที่มาลงคะแนนเลือกตั้ง แทนที่จะเป็นเครื่องมือของกลุ่มอำนาจ ทำให้กฎหมายกลายเป็นกลไกของเฉพาะกลุ่มคน ดังที่เกิดขึ้นกับรัฐธรรมนูญที่พูดกันว่า “ดีไซน์เพื่อพวกเรา” และสร้างปัญหาให้การเมืองไทยมาตลอด
