บทนำ : ได้เวลาเปิดประเทศ

ทิศทางการเปิดประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น จากคำให้สัมภาษณ์ของ นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. กล่าวเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ก่อน ศบค.เห็นชอบให้เปิดประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป โดย นพ.อุดมเผยว่า ก่อนหน้านี้คาดว่ายอดผู้ป่วยจะสูงขึ้นหลังสงกรานต์ ปรากฏว่าประชาชนร่วมมือดีมาก ตัวเลขต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ผ่านมา 1 สัปดาห์หลังสงกรานต์แนวโน้มโควิดอยู่ในช่วงขาลง ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากจะให้แน่นอนต้องรอสิ้น เม.ย.ต้น พ.ค.เพื่อทราบตัวเลขที่ชัดเจน แต่คิดว่าไม่น่าจะเพิ่มสูงแล้ว

ที่ปรึกษา ศบค.ระบุว่า เมื่อโควิดขาลงต้องมานึกถึงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจของเราตอนนี้ฟื้นช้ากว่าประเทศอื่น หากช้าไปอีก 1-2 เดือน ถือว่าเสียโอกาส ประกอบกับคนไทยรู้จักระมัดระวังตัวเอง จึงคิดว่าทุกอย่างต้องผ่อนคลาย เดิมตั้งใจว่าจะผ่อนคลายเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคม แต่เริ่ม 1 พ.ค. อยากให้ตรวจ ATK สัก 1 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมงเมื่อเดินทางเข้าประเทศ สามารถทำได้เองไม่ยุ่งยาก อีกทั้งผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมีอัตราการติดเชื้อน้อย และแนวโน้มหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการหมดแล้ว

นพ.อุดมกล่าวด้วยว่า ยังกังวลช่วงเปิดเทอมในเดือน พ.ค. แต่การฉีดวัคซีนในเด็กทำได้เพียงครึ่งหนึ่ง ขอให้ผู้ปกครองพาเด็กไปฉีดวัคซีน และโรงเรียนต้องทำ COVID-Free Setting ให้ดีที่สุด ส่วนคนที่จะเจ็บป่วยรุนแรงตอนนี้มียาตัวใหม่ที่ได้ผลจริง คือโมลนูพิราเวียร์และแพกซ์โลวิด กำลังกระตุ้นให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งนำเข้ามาให้ได้โดยเร็ว เพราะช่วยกลุ่ม 608 ดีกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ขณะนี้อนุมัติหลักการไปแล้วแต่กระบวนการช้า

ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำอธิบายต่อคำสั่ง ศบค.ที่ให้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ที่ดำเนินมา 2 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของประเทศอื่นๆ ที่เปิดประเทศเป็นส่วนมาก และเพื่อรองรับความต้องการเดินทางของต่างชาติมาสู่ประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาแม้มีการผ่อนคลายแต่เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ ยังใช้ความเข้มงวดเหมือนช่วงโควิดระบาดหนักจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เฉพาะหน้านี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ควรประชุมหารือขอทราบปัญหาจากภาคเอกชน จะทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image