‘หมอธี’ ชน ‘บิ๊กป้อม’ ชนวนร้าวรัฐบาล?

หมายเหตุ – นักการเมือง นักวิชาการ วิเคราะห์สภาพรอยร้าวรัฐบาลจากกรณี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้ นพ.ธีระเกียรติได้ออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทพร้อมได้กล่าวขอโทษ พล.อ.ประวิตร


 

วิรัตน์ กัลยาศิริ
หัวหน้าคณะกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)

มองเรื่องนี้ปมสอบนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีการตรวจสอบและถ่วงดุลตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งปกติรัฐบาลประชาธิปไตยจะมีการตรวจสอบถ่วงดุลตามเนื้อหาแห่งข้อหา เช่น การตั้งกฎญัตติอภิปราย หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ในกรณีนี้เมื่อไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล ก็เป็นเรื่องปกติวิสัยของมนุษย์ที่อาจจะลืมตัวได้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่ประการใด สำหรับวิธีการที่ปิดห้องคุยที่ พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้เคลียร์ปัญหากับ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ถือเป็นคนในคณะรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องที่ใช้อยู่ในประเทศไทยและในนานาประเทศ เมื่อเป็นเรื่องสำคัญนายกรัฐมนตรีก็จะต้องเรียกเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องมาพูดคุย ส่วนปัญหาว่า สังคมรับได้หรือไม่ คนเชื่อถือเรื่องนี้หรือไม่ หรือเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลมากน้อยเพียงใด เป็นเรื่องที่สังคมออกมาวิจารณ์อยู่แล้ว

Advertisement

อย่างไรก็ตาม มองว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ ยิ่งเล่นบทปิดๆ บังๆ ไปเรื่อย ไม่เป็นผลดี ที่จริงง่ายสุดคือ การพูดเรื่องจริง เอาความจริงมาบอกสังคม หากเล่นบทปิดหูปิดตาไปเรื่อยๆ จะลดความเชื่อมั่นของรัฐบาลนี้ ทั้งๆ ที่คนส่วนหนึ่งยังชื่นชมความสงบ แต่เริ่มบ่นเรื่องความไม่โปร่งใสในหลายเรื่อง นายกฯทราบดี ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะเลือกเอาพวกพ้อง หรือประชาชน แต่ขอนิดเดียว อย่าประเมินพลังประชาชนต่ำไป อย่าคิดว่าประชาชนโง่ คนคิดแบบนี้ไม่มีแผ่นดินอยู่มาหลายคนแล้ว


 

แฟ้มภาพ

ชัยเกษม นิติสิริ
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

นพ.ธีระเกียรติไม่นึกว่าจะออกสื่อถึงได้พูดออกมา แต่ว่าก็เป็นการพูดจากใจ นพ.ธีระเกียรตินั่นแหละว่า อะไรคือความถูกต้อง อะไรคือความเหมาะสม อะไรคือความสมควรที่จะทำ หรือไม่ควรทำ ทั้งนี้ เมื่อ นพ.ธีระเกียรติไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดออกสื่อ และคนพูดก็ได้ขอโทษแล้ว คนที่เสียหายก็ไม่ได้ติดใจอะไร อาจเป็นเพราะนายกฯไม่อยากให้ลาออก เพราะหากต้องปรับ ครม.จะกระเทือนไปหมด และอาจจะเกิดเป็นข้อเรียกร้องว่าทำไมคนที่พูดเรื่องจริง เรื่องที่เหมาะสม และสมควรลาออก แต่คนที่เป็นต้นเหตุยังคงอยู่ จะมีปัญหาตามมาอีกมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงแค่จะหมางๆ กันไป คงไม่ถึงกับร้าวอะไร ต้องอยู่กันไปเพราะคนที่เป็นนายกฯยังเห็นว่า ครม.อยู่ทั้ง 2 คน ก็คงจะไม่มีใครกล้าไปคัดค้านอะไร แต่ถ้าให้พูดถึงความเหมาะสม ต่อให้ไม่พูดก็ควรจะไปอยู่แล้วในเรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ กรณี พล.อ.ประวิตรจะกลายเป็นมีดที่เฉือนรัฐบาลตัวเองหรือไม่นั้น ผมมองว่าก็เฉือนอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ถือว่าไม่มีใครทำอะไรได้ และเป็นคนที่เป็นกำลังสำคัญถึงขนาดที่มีคนบอกว่า หัวหน้าคณะปฏิวัติจริงๆ ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์หรอก ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นท่านจะทำอะไรก็คงไม่แปลก

Advertisement

ในส่วนที่ นพ.ธีระเกียรติออกมากลืนน้ำลายตัวเองโดยการขอโทษทั้งที่หลายคนมองว่าการวิจารณ์เป็นไปอย่างถูกต้อง แบบนี้สะท้อนอะไรนั้น ผมไม่รู้ว่าจริงอย่างที่ท่านพูดหรือไม่ที่ท่านบอกว่าเป็นการซุบซิบกันเฉยๆ ไม่คิดว่าจะออกสื่อแบบนี้ จึงพูดไป แต่เมื่อพูดไปแล้วกลายเป็นประเด็นในสังคม นายกฯก็ไม่อยากให้ออก คงจะไกล่เกลี่ยขอร้องกันไว้ได้ แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับรัฐบาลปกติก็คงยืนอยู่ไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ผมฟังคลิปข่าวจากบีบีซี นพ.ธีระเกียรติท่านใช้คำว่า ‘conscience’ หรือ ควมรู้สึกผิดชอบชั่วดี การที่ท่านได้ขอโทษแล้วนายกฯไม่ให้ออก ท่านเลยไม่ออก แบบนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ conscience ของตัวท่านเองด้วยหรือไม่


 

โอฬาร ถิ่นบางเตียว

โอฬาร ถิ่นบางเตียว
รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ตามหลักแล้วในเมื่อจุดยืนทางการเมืองในการร่วมรัฐบาลไม่ไปด้วยกันและมีการแสดงความเห็นลักษณะนี้ โดยสปิริตทางการเมือง รมว.ศึกษาธิการต้องลาออก เพื่อแสดงว่ามีอุดมการณ์ในการทำงานต่างกัน และเพื่อสร้างบรรทัดฐานในรัฐบาล แต่ปรากฏว่าไม่ลาออก เมื่อไม่ลาออกก็ทำให้น่าคิดว่าในการขับเคลื่อนต่อไปของรัฐบาลจะมีปัญหาแน่นอน มันสะท้อนให้เห็นว่าคนใน ครม.คิดไม่ตรงกัน มีจุดยืนทางการเมืองไม่ตรงกัน

นอกจากนี้ ทำให้เราวิเคราะห์ตีความไปได้อีกว่า กลุ่มต่างๆ ใน คสช.น่าจะไม่ใช่แค่ คสช. แต่อาจจะมีกลุ่มอื่นๆ ที่เข้ามาอยู่เบื้องหลังรัฐมนตรีแต่ละคน ในเมื่อแต่ละคนแสดงออกมาด้วยความไม่ค่อยกลัวใคร เพราะถือว่าตัวเองมีลูกพี่ พูดง่ายๆ ว่าก่อนหน้านี้สังคมสันนิษฐานว่า พล.อ.ประวิตรคือคนที่ใหญ่สุดใน ครม. แต่กรณีการแสดงออกของ นพ.ธีระเกียรติทำให้สามารถตีความได้ว่า นพ.ธีระเกียรติต้องมีคนหนุนหลังที่อาจจะใหญ่กว่า หรือพอๆ กับ พล.อ.ประวิตรที่ทำให้เขาสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้

หากจะคิดว่า รมว.ศึกษาธิการไม่ประสีประสาทางการเมืองก็คงไม่ใช่ เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว การจะพูดอะไรออกมาย่อมมีวิจารณญาณ

เหตุการณ์นี้เป็นการซ้ำรอยแผลเดิม เรื่องที่กำลังจะจบโดยมีข่าวนายเปรมชัย กรรณสูต กรณีเสือดำมาแทนที่ พอเกิดเรื่องนี้ก็จุดกระแสขึ้นมาอีกว่าขนาดคนใน ครม.เดียวกันยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์ขนาดนี้ ถึงแม้จะขอโทษขอโพยกัน แต่ก็เป็นการสะกิดแผลให้สังคมวิจารณ์อีกครั้ง

ครั้งนี้ทำให้เห็นชัดว่ามีกลุ่มการเมืองมากกว่า พล.อ.ประวิตรที่มีอิทธิพลในรัฐบาลชุดนี้ คิดว่ามีหลายกลุ่มแน่นอน อาจจะเป็นกลุ่มทุน หรืออำนาจนอกระบบ กรณีนี้สะท้อนว่าระยะหลังรัฐบาลคงมีตัวแปรหรือกลุ่มอำนาจอื่นๆ เข้ามา คงไม่ได้มีเอกภาพเหมือนเมื่อก่อน ต่อไปในการทำงานของรัฐบาล ครม.จะมีท่าทีที่มีความเป็นตัวเองมากขึ้นในระดับหนึ่ง เมื่อก่อนตอนที่บิ๊กป้อมมีอำนาจ ทุกคนก็ต้องคล้อยตาม แต่ตอนนี้อำนาจเริ่มกระจัดกระจายแล้ว


 

ชำนาญ จันทร์เรือง
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์

การที่ นพ.ธีระเกียรติกลับลำออกมาขอโทษคงถูกบีบและนายกฯ คงยังไม่อยากตัดขาด เพราะหาก นพ.ธีระเกียรติลาออกคงทำให้สถานภาพรัฐบาลสั่นคลอน และต้องดูลึกๆ เช่นว่าเขามาจากสายไหน นพ.ธีระเกียรติลาออก ท่านนายกฯอาจไม่พอใจเหมือนกัน

ส่วนเรื่องการพูดทำไม นพ.ธีระเกียรติจะไม่รู้ ในเมื่อผู้สื่อข่าวก็อยู่ ถ้าจะไม่ให้ผู้สื่อข่าวถ่ายทอดก็บอกให้ off record และ นพ.ธีระเกียรติก็ไม่ได้ห้ามด้วย จริงๆ เขาต้องบอกว่าไม่ให้ออก แต่นี่เขาไม่ได้ห้าม แสดงว่าต้องการให้เห็น แต่สถานการณ์คงเปลี่ยนหลังจากเขาพูดออกไปแล้ว 1-2 วัน หากมองเรื่องการทำงานของสื่อที่นำคลิปเสียงมาเผยแพร่ สำนักอื่นแรงกว่านี้อีก เช่น ศาลชั้นต้นสั่ง The New York Times กับผู้เกี่ยวข้องไม่ให้เผยแพร่เลย แต่ The Washington Post รู้ว่าเป็นแหล่งข่าวเดียวกัน เขายังยืนยันว่าแม้จะผิดกฎหมาย แต่เพื่อประเทศชาติ เพื่อจรรยาบรรณ เพื่อมาตรฐานและอุดมการณ์ของการเป็นสื่อก็ต้องเผยแพร่ออกไป แต่ในที่สุดก็ไม่ผิด เมื่อศาลสูงเขากลับมา อันนี้ผมว่าศาลทำถูกแล้ว ผมว่าบีบีซีไม่ต้องชี้แจงหรืออธิบายก็ได้ แต่นี่ยังมาอธิบาย ถือเป็นการตอกหน้าไป งานนี้เสียทั้งหมด ไม่มีใครได้ ที่สำคัญคือ นพ.ธีระเกียรติไม่ได้บอกเลยว่าที่พูดทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง เขาบอกว่าได้ขอโทษแล้ว และ พล.อ.ประวิตรพยักหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าพยักหน้าได้ยิน หรือพยักหน้าให้อภัย นี่คือแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นแล้ว

ผมเข้าใจว่า นพ.ธีระเกียรติคงดูสัญญาณผิด หรือดูถูกแล้ว แต่มากลับลำทีหลัง ในความเห็นของผม ยิ่ง พล.อ.ประวิตรหรือ นพ.ธีระเกียรติอยู่ต่อก็ยิ่งพัง ถ้าออกไปหน้าตาของรัฐบาลอาจดูดีกว่านี้ แต่จริงๆ ควรเป็นไปตามโรดแมปมากกว่า เพราะโดยพื้นฐานผมไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารอยู่แล้ว

เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า ทั้งหมดที่ผ่านมาคนที่เป็นผู้มีอำนาจตัวจริง คนที่เป็นนายกฯตัวจริงคือ พล.อ.ประวิตร แต่คนออกหน้าคือ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ตอนนี้บารมี พล.อ.ประวิตรเริ่มหมด ทำอะไรแล้วถูกซ้ำมาตลอด ทั้งกรณีฮาวาย หรือครั้งนี้ที่ นพ.ธีระเกียรติออกมาซ้ำอีกแผลหนึ่ง ตอนนี้เป็นสภาวะที่อยู่หลังเสือ คือเขาไม่ลงแน่ เพราะกลัวเสือกัด หลังจากนี้คงยุ่งอยู่แล้ว เพราะมาโดยไม่ชอบธรรมตั้งแต่ต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image