ที่มา | สถานีคิดเลขที่ 12 มติชน 7 เมษายน 2561 |
---|---|
ผู้เขียน | จำลอง ดอกปิก |
สูตรพิสดารตั้งรัฐบาล
เลือกตั้งยังไกลอีกร่วมปี แต่โดยที่แนวรบภายใต้รหัสการเปลี่ยนผ่าน ครั้งแรกนับแต่รัฐประหาร-ยาวนาน
เป็นการสู้ชิงอำนาจในบริบทที่กว้าง ลึก ซับซ้อนกว่าการเลือกตั้งธรรมดา
การคืนอำนาจในลักษณะพิเศษยิ่งกว่าครั้งใดๆ ส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ
มองทะลุถึงโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ สูตรรัฐบาลผสมหลังเลือกตั้ง
พรรคประชาธิปัตย์หงายไพ่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม่ทัพใหญ่ ล็อกเสียง ส.ส.-สมาชิกห้ามแตกแถว ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคเท่านั้น
พูดถูกต้องในเชิงหลักการเป็นที่ยิ่ง
หากสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชูใครก็ตามเป็นนายกฯ ก็ต้องออกไป ย้ายอยู่พรรคอื่น
พรรคอื่นที่มีอยู่ดาษดื่น
ทั้งพรรคการเมืองในสารบบเดิม กลุ่มการเมือง-พรรคการเมืองใหม่ ที่ประกาศชูบิ๊กตู่คัมแบ๊ก กลับมาสืบทอดเก้าอี้นายกฯอีกครั้ง
พรรคมากด้วยกำลังภายนอก-กำลังภายใน
พรรคพลังประชารัฐ พรรคที่สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นกำลังสำคัญผลักดันก่อร่าง มีอุตตม สาวนายน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นแกนนำ
มีให้เลือกมากพรรค
พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนระดับหนึ่ง ถึงมองย้อนหลัง ปมตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร หรือการเคลื่อนไหวชัตดาวน์ จะสวนทาง เสียรังวัด
แต่วันนี้ท่าที-จุดยืนชัด
อภิสิทธิ์-ประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนเผด็จการ
ส่วนเพื่อไทยนั้น ไม่ต้องพูดถึงน้ำกับน้ำมัน คลิกเข้ากันไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง กับพรรคแนวร่วม คสช. ที่มีอุดมการณ์ไม่เสียของ เนื่องจากเป้าหมายมุ่งเอาชนะ รื้อทำลายเพื่อไทยให้พังพาบราบคาบ
อย่างไรก็ตาม ความที่การเลือกตั้งนั้น ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
มองจากตัวเลขสถิติฐานเสียงเดิม เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ยังยิ่งใหญ่ เป็นพรรคมือวางอันดับ 1, 2
มองเทียบจากเนื้อหาการบริหารประเทศ ฝีมือประชาธิปัตย์มิได้เป็นรองรัฐบาล คสช.
เพื่อไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึง การชนะเลือกตั้งทุกครั้งเป็นคำตอบได้อย่างดี
ฉะนั้นแม้พรรคใกล้ชิดของกลุ่มขั้วอำนาจได้เปรียบบางประการ
แต่ผู้กำหนด ตัดสินแพ้-ชนะคือประชาชน
อิทธิพล-อำนาจอาจช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นมีนัยสำคัญ ล็อกผลเลือกตั้งได้
ที่น่าสนใจ จับตาก็คือว่า หาก 2 พรรคนี้ กวาด ส.ส.รวมกันเกินครึ่ง ของเก้าอี้เลือกตั้ง 500 ที่นั่ง
ตามธรรมเนียม ความชอบธรรมของการเป็นแกนนำรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ต้องอยู่ที่พรรคชนะเลือกตั้งอันดับ 1
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หากพรรคเพื่อไทยมาที่ 1 (เลือกตั้งล่าสุดปี 2554 ในระดับ 265 เสียง ประชาธิปัตย์อันดับสอง 159 เสียง) แต่รู้ข้อจำกัด อุปสรรคการรวบรวมเสียง ให้เกินกึ่งหนึ่งหรือ 375 เสียงของสมาชิกรัฐสภา (รวม ส.ว.ลากตั้ง 250 คน)
หากเพื่อไทยถอย เปิดทางพรรคอันดับ 2
สนับสนุน “อภิสิทธิ์” เป็นนายกฯ
ประชาธิปัตย์จะตัดสินใจทุกขลาภนี้อย่างไร
ในเมื่อประกาศจุดยืนไม่สังฆกรรมเผด็จการ ในเมื่อสมาชิกบางส่วนเห็นว่า หากจะให้จับมือเพื่อไทย ขอหันหลังให้ กลับไปสนับสนุนบิ๊กตู่ดีกว่า
ประชาธิปัตย์ลงตกอยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อ ตัดสินใจลำบาก
ขยับซ้าย-ขยับขวา มีผลดี-ผลเสียด้วยกันทั้งสิ้น
ถ้าเอียงขวา เสียง ส.ส.ในระดับ 125 อัพ (ตัวเลขปี 2554) บวก 250 ส.ว.มากพอ หนุนส่งบิ๊กตู่คัมแบ๊ก
แต่ปัญหาคือจุดยืนค้ำคอ
แต่หากเอียงซ้าย แม้ในเชิงหลักการ ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ไม่ขอรับการสนับสนุนจาก ส.ส.จากพรรคการเมืองที่ประชาชนไว้วางใจ เลือกเป็นตัวแทน แต่อาจต้องมีคำอธิบายสมาชิก แฟนคลับให้เข้าใจ
ทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องสมมุติ สูตรตั้งรัฐบาลผสมหลังเลือกตั้ง
แค่สมมุติ ทางที่จะเป็นไปได้ก็ชวนให้ติดตามการเลือกตั้งเป็นอย่างยิ่ง
การเลือกตั้งเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของไทย
ที่ไม่เพียงแต่ “เพื่อไทย” เจอโจทย์หิน ฝ่าด่านคัมแบ๊กยาก หากแต่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ-พรรคแนวร่วม คสช.ต่างก็เผชิญวิบากกรรม
มีข้อได้เปรียบ แต่ก็มีข้อเสียเปรียบ คนละอย่างสองอย่าง
รวบหัวรวบหาง สืบทอดอำนาจไม่ง่าย