| ที่มา | มติชนออนไลน์ |
|---|---|
| ผู้เขียน | ทีมข่าวการเมือง |
| เผยแพร่ |
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มาตรการชัตดาวน์ปิดประเทศ เพื่อปฏิรูป ภายใต้คำสั่ง “รัฎฐาธิปัตย์” ของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส.ถูกนำใช้เพื่อยกระดับการชุมนุม
หน่วยงานราชการกระทรวง ทบวงกรม ต่างๆ ล้วนขานรับปิดสถานที่ทำการแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นกระทั่ง กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก
มีเพียง สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม หน่วยงานเดียวเท่านั้น ที่ยังยืนหยัดทำงานตามเดิม ไม่ตอบรับข้อเสนอของ นายสุเทพ
กระทั่งวันที่ 9 เมษายน 2557 หรือวันนี้เมื่อ 4 ปีก่อน ม็อบ กปปส. ที่ปักหลักชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นำโดยมี นายสุเทพ พร้อมเหล่าแกนนำ อาทิ “ตั๊น” จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี สกลธี ภัททิยกุล เป็นต้น ได้ตัดสินใจนำทัพมวลมหาประชาชนบุกปิดล้อมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ถือเป็นการเผชิญหน้าของม็อบกปปส.กับหน่วยงานที่เป็นต้นสังกัดของทหาร 3 เหล่าทัพท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบางเป็นอย่างยิ่ง
เพราะ เมื่อ “บิ๊กแป๊ะ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงฯ ขณะนั้นทราบความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม ซึ่งอยู่ระหว่างที่ประชุมประเมินผลงานหน่วย ครบ 6 เดือนอยู่พอดี จึงรายงานให้ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้บังคับชาในขณะนั้นทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และได้สั่งปลัดกระทรวงฯว่า ขอให้พยายามช่วยประคับประคองสถานการณ์ให้ดี และป้องกันไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น
ทำให้ พล.อ.นิพัทธ์ ได้สั่งเลิกประชุม และเรียกให้นายสุเทพ เข้ามาพูดคุยทันที
บรรยากาศในวันนั้นเมื่อ 4 ปีก่อนเป็นสิ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะ ปลัดฯแป๊ะ ได้เปิดห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า กองยามรักษาการ รับรอง นายสุเทพ ด้วยการจงใจ
นับเป็นสัญญาณบ่งบอกนัยยะถึงการให้เกียรติ ต้อนรับแกนนำปิดหน่วยงานราชการเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้น บทสนทนาจึงบังเกิดขึ้น โดยปลัดกระทรวงฯ ได้ถามว่า ที่มาบุกกระทรวงต้องการอะไร?
นายสุเทพ ตอบ ว่า “ตอนนี้ทุกหน่วยงานราชการล้วนปิดกันหมดแล้ว เหลือเพียงที่นี่แห่งเดียวที่ยังไม่ปิด จึงอยากให้หยุดทำงาน เพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศเสียก่อน”
เมื่อทราบถึงเจตนารมณ์แล้ว ปลัดฯกลาโหม จึงแสดงจุดยืนไปว่า “ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และขอตำหนิพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะทำให้ประเทศเสียหาย และท่านนายกฯก็เห็นด้วยกับการปฏิรูป แต่ไม่ควรใช้วิธีการปิดประเทศแบบนี้
“ประเทศบอบช้ำมามากแล้ว ขนาดสนามรบเขายังสั่งหยุดรบได้เลย แล้วทำไมจะหยุดชุมนุมบ้างไม่ได้ ทั้งกปปส. ทหาร ต่างก็อ่อนล้าแล้ว ขอให้พักช่วงสงกรานต์บ้างได้ไหม จากนั้นค่อยมาหาทางออกให้ประเทศด้วยกันว่าจะเป็นไปในแนวทางใด แต่ก็ไม่ได้เสียงตอบรับจากกปปส.”
ภายหลังการหารือ ก็ได้เปิดโอกาสให้นักข่าวทุกสำนักเข้าทำข่าวเหตุการณ์ครั้งนี้
เว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานเหตุการณ์ในวันนั้นว่า เวลาประมาณ 13.30 น. พล.อ.นิพัทธ์ และ นายสุเทพ ได้ร่วมแถลงข่าว นายสุเทพ ระบุว่า การมาในวันนี้ไม่ได้ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่สู้เพื่อให้มีการปฏิรูปโดยทันที ซึ่งการปฏิรูปประเทศนั้นกระทรวงกลาโหมนับว่าเป็นหลักสำคัญ เพราะมีกองกำลังทั้งสามเหล่าทัพที่จำเป็นจะต้องเข้าใจและร่วมมือกันทำเพื่อชาติ ซึ่งต้องขอขอบคุณที่ได้ให้โอกาส เข้ามาพูดคุยเจรจาเเละชี้แจงในเรื่องต่างๆ
ส่วนเรื่องรัฏฐาธิปัตย์ที่ได้สร้างความเคลือบแคลงใจแก่ข้าราชการหลายฝ่าย และสร้างปัญหาให้แก่ปลัดกระทรวงกลาโหมต้องตอบคำถาม อยากจะขอชี้แจงว่าการพูดในลักษณะนี้เป็นเพราะเมื่อถึงวันที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อไป อำนาจอธิปไตยก็จะกลับคืนสู่ประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 โดยประชาชนจะกลายเป็นรัฏฐาธิปัตย์ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ตนเองเพียงผู้เดียว โดยตนเป็นเพียงตัวแทนของประชาชนเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้น
ด้าน พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมเป็นของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ การพูดคุยกับนายสุเทพ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถตอบหรือเจรจาได้ทั้งหมดด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย แต่เชื่อว่าการที่นายสุเทพมาพูดคุยในวันนี้มาด้วยความหวังดีต่อประเทศ ซึ่งตนพร้อมที่จะเผยแพร่สิ่งที่เจรจากับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนเพื่อที่จะรับฟังและปรึกษาหารือว่าจะทำเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงกลาโหม ก็ไม่ได้ปิดตาม คำสั่งของ “รัฎฐาธิปัตย์” ยังคงยืนหยัดทำงานตามเดิม โดยปลัดกระทรวงก็ไม่ได้กลับบ้านแต่เลือกที่จะนอนในกระทรวง ร่วมกับกำลังพล ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายเกิดขึ้น
ส่วนนายสุเทพ ก็ได้ประกาศหยุดเคลื่อนไหวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 12-15 เมษายน จากนั้นก็ไม่ได้บุกมาที่กระทรวงอีกเลย
ขณะที่ มาตรการชัตดาวน์ปิดประเทศเพื่อปฏิรูป ของนายสุเทพ กลายเป็นเงื่อนไข นำไปสู่การรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ล้มอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สังคมไทยได้บทเรียนอย่างไรจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น นายสุเทพยังจำภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้หรือไม่ ประกอบกับการรัฐประหาร แล้วได้มาซึ่งรัฐบาล คสช.เข้ามาบริหารประเทศ กระทั่งปัจจุบันกำลังจะครบเทอม เหมือนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สังคมไทยได้บรรลุถึงการปฏิรูปที่แท้จริงหรือยัง ??
สังคมคงทราบคำตอบเป็นอย่างดี…
