ไม่ว่าการออกมาพูดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ว่าการออกมาพูดของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เกี่ยวกับ”ร่าง”รัฐธรรมนูญ
ให้ “ความแจ่มชัด”
แม้ไม่ถึงกับแสดงออกผ่าน “แถลงการณ์” อย่างคมเข้ม เฉียบขาด แบบเดียวกับที่ “พรรคเพื่อไทย” แสดงออก
แต่ก็เริ่มเห็น “ทิศทาง”
แน่นอนแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีการออก “แถลงการณ์” ด้วยเหตุผลอย่างน้อยก็ 2 ประการ
1 เพราะไม่สามารถ “ประชุม” ได้
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งได้รับการเน้นอย่างหนักแน่นและจริงจังเป็นพิเศษในช่วงหลังเป็นเพราะ พรรคเพื่อไทยและนปช.
สัมผัสได้จากแถลงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“การที่พรรคเพื่อไทยและนปช.เอาประชามติมาเป็นเงื่อนไขเรียกร้องให้คสช.ต้องลาออกก็ยิ่งทำให้การแสดงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องระวังมากขึ้น เพราะ เราไม่อยากเห็นความวุ่นวายในบ้านเมือง
“หากจะคัดค้านเนื้อหาความเป็นประชาธิปไตยก็อย่าลากไปเป็นเงื่อนไขทางการเมือง”
บทสรุปก็คือ จะไม่มี “แถลงการณ์”
แล้วพรรคภูมิใจไทยอันมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคเล่ามีท่าทีอย่างไรต่อ “ร่าง” รัฐธรรมนูญ
เบื้องหน้า “คำถาม” นี้จาก “นักข่าว”
“พรรคฟังเสียงประชาชน ไม่ว่าประชามติจะออกมาอย่างไร ไม่ว่าจะเห็นหรือไม่เห็นชอบ
“พวกเราในพรรคได้คุยกันแล้วว่าพร้อมปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทุกประการ และเราพร้อมในทุกสถานการณ์ เราเป็นนักกีฬา เราไม่ได้เป็นคนเขียนกติกา เมื่อมีกติกาออกมาแล้วก็เป็นหน้าที่เราปฏิบัติตามกติกา
“ไม่เช่นนั้น ก็แข่งกันไม่ได้ ถ้าใครไม่พร้อมแข่งก็ไม่ต้องลง ถ้าใครพร้อมแข่งก็เสนอตัว”
เหมือนกับจะ”ชัด” แต่ก็ยัง “ไม่ชัด”
ชัดในที่นี้ก็คือ 1 พรรคฟังเสียงประชาชน ไม่ว่าประชามติจะออกมาอย่างไร ไม่ว่าจะเห็นหรือไม่เห็นชอบ
ชัดในที่นี้ก็คือ 1 พวกเราในพรรคได้คุยกันแล้ว พร้อมปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทุกประการ และเราพร้อมในทุกสถานการณ์ เราเป็นนักกีฬาเราไม่ได้เป็นคนเขียนกติกา
เป็น”ความชัด” แต่ก็เป็นความชัดในการ”ยอมรับ”
“เมื่อมีกติกาออกมาแล้วก็เป็นหน้าที่เราปฏิบัติตามกติกา ไม่เช่นนั้นก็แข่งกันไม่ได้ ถ้าใครไม่พร้อมแข่งก็ไม่ต้องลง ถ้าใครพร้อมแข่งก็เสนอตัว”
พรรคภูมิใจไทยจึงไปไกล
ไม่เพียงแต่ไกลมากกว่าพรรคเพื่อไทย หากแต่ยังไกลมากยิ่งกว่าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยซ้ำ
เท่ากับคิดไปตาม “โรดแมป” แล้วอย่างเต็มที่
เท่ากับแสดงความพร้อมอย่างเปี่ยมล้นที่จะเข้าสู่สนาม “เลือกตั้ง”ในเดือนกรกฎาคม 2560
เท่ากับมิได้คิดในเรื่อง “ร่าง” รัฐธรรมนูญ “ไม่ผ่าน” ประชามติ
หากมองอย่างเปรียบเทียบระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย
พรรคภูมิใจไม่ “กั๊ก” ปล่อยหมดชุด
พรรคประชาธิปัตย์ ยัง “กั๊ก” เหมือนกับยังไม่เห็นด้วย แต่ก็มิใช่ไม่เห็นด้วยในแบบพรรคเพื่อไทย
ท่าทีของ 2 พรรคนี้น่าจะเข้าตา “คสช.”