‘ปรีชาพล พงษ์พานิช’ ชูเทคโนโลยี พรรคน้องใหม่ “ทษช.”สู้เลือกตั้ง

หมายเหตุ – ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ให้สัมภาษณ์ มติชน เนื่องในโอกาส 42 ปี มติชน ถึงทิศทางการเมืองหลังการเลือกตั้งปี 2562

•สิ่งที่พรรค ทษช.จะทำในการเลือกตั้งปี 2562 มีอะไรบ้าง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกตั้งคือ ประชาชน ฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำคือเราต้องหาวิธีการในการที่จะไปพบปะ ไปสื่อสารกับประชาชนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการไปสื่อสารปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ฯลฯ เพราะกฎระเบียบต่างๆ ที่ไม่เอื้อต่อการทำการเมืองที่ผ่านมา วัฒนธรรมการเมืองจะเปลี่ยนไปมาก นอกจากนี้ เราอยากให้การทำงานขององค์กรอิสระที่ดูแลในเรื่องของการเลือกตั้งเป็นไปโดยเสรี และเป็นธรรม ผู้มีอำนาจไม่สมควรเข้าไปแทรกแซง หรือก้าวก่าย ทำให้กระบวนการเหล่านี้เกิดความพิกลพิการ ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย

•นโยบายที่จะใช้เพื่อให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

Advertisement

สิ่งที่ตั้งใจแน่นอนคือ การพยายามสื่อสารกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด การสื่อสารนั้นก็ทำได้หลายช่องทาง ช่องทางดั้งเดิมคือ การเดินไปพบปะกับพี่น้องประชาชน ไปเจอกับผู้สนับสนุนของเรา ไปพูดคุยนำเสนอนโยบาย แนวความคิด สิ่งที่เราจะทำ และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ให้เขาเห็นภาพว่าถ้าเลือก ทษช.แล้ว เขาจะได้อะไร และประเทศชาติจะเป็นอย่างไรภายใต้การบริหารของ ทษช. และพรรคที่สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย อีกช่องทางหนึ่งคือการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีอานุภาพสูง การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสื่อสารได้ ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ใช่ไปบิดเบือนหรือใส่ร้ายป้ายสี
สิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการตรวจสอบ การที่คุณไปกดไว้ทำให้ธรรมชาติของการหาเสียงหดหายไป ทั้งที่สิ่งเหล่านี้เป็นเสน่ห์ ผมเป็นผู้แทนมา3 สมัย ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งผมจะไม่นิยมการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ แต่สิ่งที่ผมทำอยู่ตลอดคือการเดินเข้าไปพบกับประชาชนที่อยู่ในหมู่บ้าน เจอมากแค่ไหนก็พูดคุยกัน ถ้ามากก็ตั้งเป็นเวทีปราศรัยย่อยๆ พูดคุยสื่อสารกัน เพราะนอกจากจะได้เล่าเรื่องราวให้เขาฟังแล้ว ยังจะได้รับความเห็นกลับคืนมาด้วย ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นวัฒนธรรมการหาเสียงที่งดงาม แต่อาจจะไม่ได้เห็นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เบื้องต้นสิ่งเหล่านี้คือช่องทางที่คิดและวางแผนไว้ แต่ด้วยข้อจำกัดที่อาจจะเกิดขึ้นก็ต้องเตรียมตัวที่จะปรับเปลี่ยนแผนตามสภาพและข้อจำกัดที่มี

ส่วนนโยบายยังไม่สามารถที่จะประกาศออกไปได้ แต่ขอให้ทุกคนสบายใจว่า นโยบายของ ทษช.ที่แม้จะเป็นพรรคเล็ก แต่เป็นพรรคที่มีการรวมตัวกันของคนที่มีประสบการณ์ ดังนั้น นโยบายที่จะออกมาจะต้องครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมือง ทุกอย่าง เพื่อที่จะรองรับและดูแลพี่น้องประชาชน หลายคนที่เข้ามาอยู่ในพรรค เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ ทษช. เมื่อก่อนก็เคยเป็นประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย (พท.) ด้วยซ้ำ ดังนั้น แนวนโยบายที่จะออกมาขอให้มั่นใจว่าจะครอบคลุมในทุกด้าน เพียงแต่สิ่งที่จะเน้นคือการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ นี่คือจุดแข็งและจุดเด่น

เพราะพูดมาอยู่เสมอว่า ทษช.เป็นพรรคสมัยใหม่ที่เข้าใจโลกยุคใหม่ และประชาชน รวมถึงเข้าใจปัญหาของประเทศ เพราะการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ เปิดโอกาส และช่องทางในการทำมาหากินให้แก่ประชาชน

ดังนั้นจะทำให้ประชาชนเห็นว่าเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องยาก อย่าไปกลัว จะเป็นผู้สนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสได้ใช้เทคโนโลยีในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน จะสร้างแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อรองรับการใช้งานในการประกอบอาชีพของประชาชน และในการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพขึ้นของประชาชน

•ทษช.เป็นพรรคน้องใหม่ที่เปิดมาก่อนที่จะมีการเลือกตั้งไม่กี่เดือน ในระยะเวลาอันสั้นจะทำอย่างไรให้ประชาชนรู้จัก ทษช.จนไปถึงจุดที่ได้รับชัยชนะได้

ทษช.เพิ่งจะเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็มีความกังวลอยู่ว่าจะทำให้ประชาชนรับรู้เกี่ยวกับพรรคได้ทันต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่พรรคคำนึงอยู่ตลอด ขณะนี้กำลังวางแผนกันอยู่ว่าจะเดินอย่างไรให้ถูกต้องตามกรอบที่สามารถทำได้ เพราะขณะนี้ช่องทางการสื่อสารก็มีไม่มากด้วยระยะเวลาที่จำกัด
ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจจะต้องเปิดกว้างให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้ได้มากที่สุด และเสรีที่สุด ที่ไม่ได้ใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นจะต้องสื่อสารกับประชาชนให้มากที่สุดเพื่อให้เขาเห็นถึงความสำคัญ และไม่เกิดความสับสน บอกให้รู้ว่า ทษช.เป็นพรรคที่ยึดแนวทางอะไร และมีแนวทางอะไรเสนอให้กับพี่น้องประชาชน

•เชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะกลับมาหรือไม่

ผมเชื่อ เชื่อว่าประชาธิปไตยจะได้รับการยอมรับและได้รับการสนับสนุน จากการลงพื้นที่ประชาชนไม่น้อยที่เดินเข้ามาหาและบอกว่าเขาเคยเป็นคนที่เป่านกหวีดไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แล้ววันนี้รู้แล้วว่าได้ทำในสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ดังนั้นเราไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดกัน พร้อมที่จะรับฟังความเห็นต่างของคนอื่น นี่คือสิ่งที่อยากให้คนไทยยอมรับ

สิ่งสำคัญสำหรับการเมืองไทยคือต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นจากกติกา ต้องรู้จักคำว่าแพ้ ชนะ และอภัย เมื่อกติกาออกมาแบบนี้แล้วผู้ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากที่สุดควรจะได้รับโอกาส เพราะที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยคือผู้ที่ชนะมักจะถูกผู้แพ้ตีรวน และหากลไก หรือข้ออ้างต่างๆ มาทำให้กระบวนการ เกิดการตัดตอน และทำให้ประชาธิปไตยไม่เติบโต ดังนั้นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่บนความเห็นที่แตกต่างกัน ต้องสร้างวัฒนธรรมการรักษากติกาให้เกิดขึ้นในสังคม ระบอบประชาธิปไตยอาจจะไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุด แต่ผมเชื่อว่าเป็นระบอบที่เลวร้ายน้อยที่สุดเพราะยึดโยงกับประชาชน และมีกระบวนการของมันเอง ระบอบประชาธิปไตยเมื่อเกิดปัญหาอย่าไปคิดแทน หรือไปตัดตอน ปล่อยให้ปรับตัวแล้วเค้าจะปรับตัวไปถึงจุดจุดหนึ่งที่สามารถสร้างความสมดุลได้ ประชาธิปไตยจะมีทางออกของตัวเอง อย่างน้อยในหนึ่งเทอมหากฝ่ายการเมืองหรือพรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตยทำสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง เขาจะถูกลงโทษเองโดยการเลือกตั้ง ผู้ที่ลงโทษเขาก็คือประชาชนแต่หากทำดีก็จะได้รับการสนับสนุน และสามารถทำงานต่อไปได้

•คิดว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะได้รับชัยชนะจนสามารถตั้งรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตยได้

ผมเชื่อว่าจะได้รับชัยชนะ และสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจากฝ่ายประชาธิปไตยได้ แต่วันนี้ขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจดำเนินการจัดการเลือกตั้งที่โปร่งใสและยุติธรรมที่สุด เพราะไม่อยากเห็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง เพราะมีข้อครหากันในเรื่องของการเอารัดเอาเปรียบกัน หรือการทุจริตการเลือกตั้ง

•ถ้าหากผู้มีอำนาจในปัจจุบันเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้ง

จะเห็นการบริหารงานแบบที่เห็นอยู่นี้ แบบ 4-5 ที่ผ่านมา ต้องให้ประชาชนถามตัวเองว่า 4-5 ปีที่ผ่านมานี้มีความสุขไหม ตอนนี้ล้าหลังตามคนอื่นไม่ทันแล้ว เป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวโดยที่ประเทศชาติขาดโอกาสที่จะเป็นฝ่ายรุกทำให้บ้านเมืองไม่ไปไหน ก็อยากให้ช่วยกันทุกคน ผมเชื่อว่าทุกคนรักประเทศ แต่ด้วยความรู้ ความสามารถ และด้วยวิสัยทัศน์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักการในการคิดก็ไม่เหมือนกัน ความคิดของข้าราชการก็เป็นแบบหนึ่ง ความคิดของนักการเมืองก็เป็นแบบหนึ่ง ความคิดของทหารก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ความคิดของนักธุรกิจก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

ดังนั้นการคำนึงถึงเป้าหมายของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นประเทศชาติดี แต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา ขนาดอยู่ท่ามกลางกฎกติกา อำนาจพิเศษ และบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำงานของเขา เห็นถึงความสามารถที่เขามี ผมเชื่อเขาทำได้เพียงเท่านี้ ดังนั้นหากประชาชนสนับสนุนฝ่ายที่สืบทอดอำนาจ ผมเชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น ภาพที่เห็นตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ประเทศก็จะอยู่ในวังวนแบบเดิมนี้ แต่ครั้งนี้อาจจะไม่ใช่แค่ 4-5 ปี เพราะเขาได้วางขุมกำลังไว้เพื่อให้สามารถสืบทอดอำนาจต่อไปได้อีก อาจจะเป็น 10-20 ปีด้วยซ้ำ ดังนั้น เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องคำนึงให้มากในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้

•ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาแต่ไม่สามารถบริหารงานได้แต่มีอำนาจในมือ คนก็กังวลว่าจะเกิดเป็นความขัดแย้งรอบใหม่

ไม่ปรารถนาให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น เพราะอยู่ในความขัดแย้งมานานแล้ว และทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศ วันนี้คุณจะเห็นแก่ตัวหรือคุณจะเห็นแก่ส่วนรวม ถ้าคุณจะเห็นแก่ตัวคุณก็บอกมาเลยว่าอำนาจอยู่กับคุณ ประชาชนก็ต้องฟังผมว่าผมมีอำนาจ ก็ถามว่าถ้าแบบนี้ประเทศชาติจะเดินไปได้อย่างไร ความรุนแรงสามารถหลีกเลี่ยงได้หากทุกคนยอมรับกติกา หลีกเลี่ยงได้หากคุณไม่เอาอำนาจเข้าไปแทรกแซง ทุกอย่างถูกจัดการภายใต้กระบวนการของรัฐสภา ทุกคนในประเทศต้องช่วยกันเพราะเราคือทีมประเทศไทยซึ่งเราทิ้งใครไว้ข้างหลังไม่ได้

•เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะหยุดการรัฐประหารในอนาคตได้หรือไม่

ผมหวังว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก นี่คือความหวัง แต่ด้วยกฎกติการัฐธรรมนูญแบบนี้ เขียนไว้เพื่อให้มีการรัฐประหาร เพราะมันแก้ไม่ได้ เมื่อแก้ไขไม่ได้ก็จะนำไปสู่ความวุ่นวายและนำไปสู่การรัฐประหาร ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่อัปลักษณ์ที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญที่แย่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมี และเมื่อมีปัญหาขึ้นมาจะมีพวกมาคิดแผนว่าเมื่อเกิดความวุ่นวายตัวเองจะต้องเสียสละเข้ามาฉีกรัฐธรรมนูญ แต่เราช่วยกันได้ แม้พรรคการเมืองหลายพรรคมีแนวคิดที่ไม่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากประชาชนทุกคนร่วมกันไปบอกว่าเห็นถึงปัญหาและอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผมเชื่อว่าถ้าเขายังอยากเป็นพรรคการเมือง เขาต้องฟังประชาชน ผมไม่อยากส่งต่อวงจรอุบาทว์ไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image