“ผมมีกระสุนแห่งความดี” เผดิมชัย สะสมทรัพย์ เปิดปฎิบัติการบ้านใหญ่ ขอคืนพื้นที่นครปฐม

“ผมต้องขออภัยที่ผมมีกระสุนแห่งความดีที่ทำมากว่า 30 ปี”

“เสี่ยเตี้ย” เผดิมชัย สะสมทรัพย์ เป็นว่าที่ ส.ส.นครปฐม จากการเลือกตั้งซ่อม เขต 5

เป็นเขต 5 อำเภอสามพรานที่การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ “บ้านใหญ่สะสมทรัพย์” พ่ายให้กับ ส.ส.หน้าใหม่ จากพรรคอนาคตใหม่ ไปอย่างขาดลอย

จากทีมที่เคยคว้าส.ส.ถึง 4 จาก 5 คนในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ย้ายมาสวมเสื้อชาติไทยพัฒนาหนนี้ มีเพียง “เดอะโหน่ง” ภานุวัฒน์ ลูกชาย “น้าอ้อน” ไชยา สะสมทรัพย์ คนเดียวของตระกูลเท่านั้นที่สามารถเก็บชัยชนะเข้าสภาฯได้

Advertisement

ทิ้งช่วงเก็บตัวไม่นาน โอกาสเลือกตั้งซ่อมมาถึง หลัง “จุมพิตา จันทรขจร” จากอนาคตใหม่ขอลาออก ด้วยสาเหตุป่วย ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ จึงส่งสามี “ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร” ลงสนามแทน

ชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมของ “เสี่ยเตี้ย” นอกจากทวงคืนฐานเสียงเก่าได้แล้ว เมื่อกกต.รับรองผล จะทำให้ชาติไทยพัฒนา มีส.ส.เพิ่มเป็น 11 คนทันที

ท่ามกลางการแสดงความยินดีจากแกนนำรัฐบาล เพราะเพิ่มแต้มให้กับสภาฯเสียงปริ่มน้ำ

Advertisement

“มติชนออนไลน์” บุกเปิดใจ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ ถึงสำนักงานปั๊มน้ำมันปตท.ประเสริฐชัย อ.นครชัยศรี

โดยเฉพาะ กลยุทธ์เบี้องหลังปฏิบัติการ เอาชนะคู่แข่งในศึกขอคืนพื้นที่หนนี้

“เราใช้ยุทธศาสตร์เดินเข้าหา เพราะเรามองว่า การจะให้คนมากๆมาฟังที่เวทีวันเดียว แล้วตัดสินใจเรา เข้าใจเรา มันก็ไม่ต่างจากนักเรียนที่อ่านหนังสือทุกวัน กับนักเรียนที่อ่านหนังสือวันเดียวใกล้สอบ แล้วอะไรมันจะได้ผลมากกว่ากัน สองพรรคเขาปราศรัยใหญ่ ชทพ.ไม่ปราศรัย แต่ได้คะแนนนำมามากมาย ก็นี่ไง จริงแล้วหลังจากรู้วันและได้เบอร์ ชทพ.ต่างหากที่จะวางแผนปราศรัยในวันที่ 20 ตุลาคมไม่ใช่เราไม่มีแผน แต่รู้ตัวว่า ชทพ.เรามีนักพูดน้อยกว่า เราพูดไม่เก่ง เลยปรับแผนมาเน้นที่ผลงาน ตลอด 30 ปีที่เป็นส.ส. และอดีตรัฐมนตรี เราทำคุณูปการอะไรไว้บ้างให้กับคนนครปฐม เราไม่ได้ขายฝัน หรืออ้างว่าจะให้ เพราะสิ่งต่างๆที่ผ่านมา ไม่ว่าจะสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนในพื้นที่ เราทั้งนั้นผลักดันต่อสู้กันในสภาฯ เพื่อดึงงบประมาณมาพัฒนานครปฐม เพียงแต่เราไม่เคยพูด เราเลยใช้จุดแข็งที่ผลงานต่างๆที่ผม และส.ส.ตระกูลสะสมทรัพย์ ทำไว้เหล่านี้มานำเสนอทุกวันที่ขึ้นท้ายรถกะบะตระเวนไปด้วยกัน”

ทั้งหมดข้างต้น เผดิมชัย สะสมทรัพย์ ชี้ว่า “นี่แหละคือกระสุนของผม”

“ที่มีการเที่ยวกล่าวหาว่า คนนั้นใช้เงิน กระแสสู้กระสุนไม่ได้ ผมบอกให้เลยว่า กระสุนของผมคือความดีประสบการณ์ และผลงาน ผมต้องขออภัยที่ผมมีกระสุนแห่งความดีที่ทำมากว่า 30 ปี พวกที่ชอบใช้คำคมให้การเมืองดูไม่ดี นักการเมืองดูไม่ดีนั้น ผมอยากให้คนเหล่านั้นลงมาเล่นการเมือง มาเป็นนักการเมืองดูบ้าง บางคนพูดเก่ง แต่สอบตก เพราะไม่มีประสบการณ์ ไม่มีผลงานที่ปรากฎชัดเจน หรือเรียกว่า ไม่เคยสะสมกระสุนความดี เหมือนนักเรียนไม่อ่านหนังสือทุกวันๆ จะมาอ่านวันเดียวใกล้สอบก็ตกทุกรายไป เหล่านี้ต่างหากที่อยากบอก”

“เราทำงานมาตลอด แม้ว่าที่ผ่านมาหลังเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เราไม่ได้เป็นส.ส. เราก็ทำแบบเดิม คือพบปะผู้คน ไปมาหาสู่ มีการทำอคาเดมี่กับสโมสรนครปฐมยูไนเต็ด กับส.ส.พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ หลานชาย และกิจกรรมสังคมต่างๆมาเป็นปกติต่อเนื่อง ไม่ว่า งานแต่ง งานบวช งานศพ โดยไม่รู้ว่า จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ เราก็ไม่รู้กระทั่งมีการลาออก จึงทำให้ประชาชนสัมผัสได้ว่า ใครที่ใกล้ชิดกับเขา ตลอดระยะเวลา ตรงนี้แหละที่เรานำไปบอกชาวบ้านทุกวันว่า เรามีความจริงใจ ชาวบ้านเขาเห็นเรามาร่วมเขาทั้งที่สอบตก ชาวบ้านเขาก็พูดต่อๆกันไป นี่แหละคือกระสุนของความดี ประกอบกับเรามีทีมทำการบ้าน สำรวจเสียงตำบลไหน จุดไหนเสียงเราอ่อน ผมก็รีบเข้าไปบอกเขาให้เข้าใจ”

“แม้สะสมทรัพย์ย้ายมาสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา แต่เราไม่เคยให้พรรคมาเหนื่อยกับเรา เพราะ เราเชื่อว่า รับมือไหว เราเอาตัวบุคคลคือตัวตนที่แท้จริงอย่างเราลงมาเล่นชัดเจน ส่วนปชป.เขาใช้นักพูดเก่งๆระดมเข้ามาเยอะแยะ ขายนโยบายพรรค เลยกลบตัวบุคคล ยิ่งไม่เคยมีผลงานระดับประเทศอย่างเรา แล้วเราจะไปเปิดเวทีปราศรัยอย่างเขา เราก็เสียเปรียบ เราใช้วิธีเปิดตัว เดินไปหาเรามีผลงานตั้งเยอะแยะ เด็กพวกนั้นไม่มีเลย นี่คือการเมือง และสิ่งต่างๆที่ปรากฎนั้น คือสิ่งที่ผมทำไปแล้ว ไม่ใช่จะทำ และเราไม่ใช่มาเริ่มนับหนึ่ง เรานับมาตั้ง 30 แล้ว รู้เรื่องในสภา 70-80% ยอมเดินคนเดียว ไปสร้างกลุ่มย่อย ดีกว่าเกณฑ์คนมานั่งฟัง แล้วก็มาแย่งกันพูดในเวลาจำกัด”

ถาม รู้สึกอย่างไรกับวลีกระแสกับกระสุน นายเผดิมชัย ชี้ว่า “พวกที่พูดแบบนี้ต่างหากที่เหยียดหยาม”

“นี่คือพวกนักวิชาการ เหยียดหยามการเมือง และสร้างประเด็นให้แก่ชาวบ้านสร้างการเมืองให้ดูเลวร้าย จะมีจริง หรือไม่มีจริง คุณไม่รู้ คุณอย่าไปพูด คุณไม่รู้ความยากลำบากของนักการเมือง คุณลองมาเดินดู มาเดินหาเสียงไปทุกบ้านวันละหลายสิบกิโลเมตร ตากแดดขึ้นรถลงรถ คุณน่าจะมาดูวิธีการ ส่วนเรื่องของวันเลือกตั้งทำให้ผู้ใช้แรงงานออกมาใช้สิทธิน้อยเลยเสียเปรียบนั้น อยากถามกลับว่า ผมต่างหากที่เสียเปรียบ ผมเป็นอดีตรัฐมนตรีแรงงาน บรรดาแรงงานต่างหากที่ชื่นชอบผมกับการขึ้นค่าแรงในอดีต ผมก็มีความดีกับกลุ่มผู้ใช้แรงงานเหล่านี้ แสดงว่า คะแนนของพี่น้องผู้ใช้แรงงานของผมก็หายไปด้วย ฉะนั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาอ้าง”

เป็นคำทิ้งท้ายของ “พี่ใหญ่”​ ของ “บ้านใหญ่” สะสมทรัพย์  

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image