‘สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’ ผู้นำฝ่ายค้าน บทบาท-ทิศทางการเมืองปี’63

หมายเหตุ – นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ถึงสถานการณ์ทางการเมือง และบทบาทการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในปี 2563


ภาพรวมการเมืองในปี 2562 ประเมินแล้วเป็นอย่างไร

การประเมินผลงานปี 62 ผมอยากให้พรรคร่วมฝ่ายค้านทำออกมาในรูปแบบของการแถลงผลงาน โดยเราจะมีการแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมาแบบเจาะลึก หากพูดตอนนี้ไปเดี๋ยวจะซ้ำกัน เพราะผมอยากให้เขาพูดออกมาสดๆ เนื่องจากเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ในรอบปีที่ผ่านมาฝ่ายค้านเราได้ทำงานหลายอย่าง เช่น การเปิดอภิปรายมาตรา 152 ก็ดี การตรวจสอบรัฐบาลที่ทำผิดรัฐธรรมนูญ ทั้งการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ และการแถลงนโยบายที่ไม่บอกที่มาของรายได้ก็ดี ซึ่งเรื่องต่างๆ ที่เราทำมานี้ เราไม่เคยได้รับคำตอบ หรือคำอธิบายใดๆ จากรัฐบาลเลยแม้แต่ข้อเดียว ส่วนเรื่องเศรษฐกิจที่เราถามไป นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ก็มาตอบ แต่ตอบเพียงแนวทางคร่าวๆ ซึ่งเราก็อยากถามต่อไปว่า หากแนวทางที่ท่านว่ามานั้นถูกต้อง เหตุใดตลอด 5 ปีที่ผ่านมาท่านจึงไม่ทำ ทำไมถึงมาบอกเอาตอนที่เราอภิปราย ส่วนผลงานนอกสภาของฝ่ายค้าน อาจกล่าวได้ว่าที่ผ่านมาเราพยายามอย่างยิ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราไปทุกภาคทั่วประเทศ เพื่ออธิบายให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่า ความจำเป็นในการที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญมีอะไรบ้าง รวมถึงชี้แจงให้พี่น้องประชาชนรู้ถึงที่มาของนายกฯที่มาจากรัฐธรรมนูญที่ท่านร่างขึ้นมาเอง และตั้งคนของท่านขึ้นมาทำงานต่อ รัฐธรรมนูญที่ออกมาไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่เอื้อให้เกิดความสามัคคี หรือสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง แต่กลับเป็นรัฐธรรมนูญที่ต้องการสืบทอดอำนาจ ดังนั้น หลังการเลือกตั้งเราจึงต้องตีแผ่ และทำให้ถูกต้อง

คิดว่าผลงานของฝ่ายค้านตลอดปีที่ผ่านมาเข้าตาประชาชนหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านเองก็เพิ่งมีงูเห่าไป ทำให้ประชาชนรู้สึกผิดหวังอยู่พอสมควร

เรื่องงูเห่าก็เป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาให้เป็นอย่างนี้ เมื่อก่อนพรรคการเมืองจะควบคุมให้ ส.ส.ของพรรคไม่ออกนอกมติ เพราะหากออกนอกมติจะมีการขับออกจากพรรค แล้วมีการเลือกตั้งซ่อมใหม่ แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่เปิดโอกาสให้สามารถหาพรรคอื่นๆ ได้ภายใน 30 วัน ทำให้พรรคการเมืองลำบาก เพราะคนที่คิดจะเป็นงูเห่าไม่ค่อยกลัว และพอมีรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ รัฐบาลก็ใช้ “Money Politics” เสนอโน่นเสนอนี่ให้ และยังมีประเด็นอื่นๆ อีก เช่น การใช้คดีความต่างๆ มาบีบ แต่เชื่อว่าประชาชนรู้ และตัวคนที่เป็นงูเห่าเองก็คงรู้ตัวแล้วว่าผลพวงจะเป็นอย่างไร ดังนั้น เราไม่ควรไปโทษที่งูเห่ามากนักแต่ควรโทษที่ต้นตอที่ทำให้เกิดงูเห่าดีกว่า

ถ้าอย่างนั้นในปี 2563 นี้ ฝ่ายค้านจะเดินกันไปอย่างไร

เราก็มีการวางแผนการดำเนินงานของเรา ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากปีที่ผ่านมาหน่อย คือ เราจะทำงานในสภาควบคู่ไปกับการทำงานนอกสภา เพราะในสภาเราคงทำอะไรได้ยากมาก เนื่องจากกรอบการควบคุมของทางรัฐบาล ซึ่งแม้รัฐบาลจะเห็นด้วยกับการตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญขึ้นมาศึกษาแนวทางการแก้ไข แต่ก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังในการแก้ สังเกตได้จากตัวบุคคลที่มาเป็น กมธ. ที่มีความชื่นชมในรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้ทางรัฐบาลยังไม่ให้ความสำคัญกับ ส.ส.มีการดิสเครดิต ส.ส.อยู่ตลอด ฝ่ายค้านเราต้องทำงานของเราต่อเนื่อง เราจะมีการรณรงค์ที่มุ่งไปที่องค์กรนักศึกษาด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญของกลุ่มฝ่ายค้านเพื่อประชาชน โดยการทำงานนอกสภาของ 7 พรรคฝ่ายค้านนี้เราทำมาต่อเนื่อง และได้รับผลตอบรับที่ดีจากพี่น้องประชาชน นักศึกษา ภาคประชาชน องค์กรต่างๆ ล้วนเห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ เห็นด้วยที่จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

Advertisement

เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้หรือไม่ จะสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ไหม

ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดมา แก้ยากมาก ดังนั้น เราหวังใจอย่างยิ่งว่า เราจะรณรงค์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้พี่น้องประชาชนได้ส่งเสียงออกมาบ้าง พี่น้องประชาชนคนไทยไม่ต้องการให้มีความวุ่นวาย เป็นคนที่อดทน 5 ปีที่ผ่านมานี้หากเป็นประเทศอื่นคงออกมาเดินกันหมดแล้ว แต่เราอดทน ดังนั้น พี่น้องประชาชนต้องคอยดูว่ารัฐบาลจะใจกว้างพอหรือไม่ รัฐบาลจะทำประชามติสอบถามความเห็นจากประชาชนก็ได้ เพื่อจะได้รู้ความต้องการของประชาชน เสียงจากประชาชนจะทำให้ท่านได้เข้าใจ วันนี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อน

วันนี้ทาง ส.ว.ดูเหมือนจะส่งสัญญาณปิดช่องการแก้มาตรา 256 อาจจะไม่มีโอกาสได้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ดังนั้น ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราฝ่ายค้านรับได้หรือไม่

เรามุ่งเน้นที่จะแก้มาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้ง ส.ส.ร. แล้วทุกอย่างเดินหน้าไปได้ แต่หากเขาปิดโอกาสตรงนี้พี่น้องประชาชนก็จะเริ่มเข้าใจบทบาทของทางรัฐบาล ที่เสริมด้วย ส.ว. ซึ่งส่วนตัวผมยังเชื่อว่าการทำประชามติ ยังคงเป็นช่องทางที่แฟร์ที่สุด เพราะทุกฝ่ายจะได้เห็นชัดๆ ทั้งนี้ ฝ่านค้านไม่เคยพูดจาสร้างความวุ่นวาย

แปลว่าทางที่ฝ่ายค้านเลือกเดินคือ การปลุกประชาชนให้ออกมากดดันรัฐบาลเพื่อให้เกิดการแก้ไขอย่างนั้นหรือไม่

จะเรียกว่าปลุกก็คงไม่ได้ เราทำได้เพียงอธิบาย และทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน แล้วให้เขาคิดเองว่าเป็นอย่างที่เราพูดไหม ซึ่งตอนนี้เขาเข้าใจ โดยสังเกตได้จากเวลาที่เราลงไปสัญจร ฝ่ายค้านพบประชาชนบ่อยๆ จำนวนประชาชนที่มาร่วมฟังจะมากขึ้น เราก็ชื่นชมที่ประชาชนรับรู้ ซึ่งโอกาสในการสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน

Advertisement

อยากให้ท่านประเมินทิศทางการเมืองในปี 2563 ว่าศักราชใหม่ การเมืองจะเดินไปในทิศทางไหน

ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านคงเอาแนวทางเดิมเข้าไปทำงาน แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์บ้าง ผมเชื่อว่าความอ่อนแอที่รัฐบาลกำลังประสบ รวมไปถึงการดำเนินการอะไรต่างๆ จะมีผลพวง 2 อย่างในต้นปีหน้านั้นคือ 1.เรื่องงบประมาณ ซึ่งเราพอสืบทราบได้ว่ามีการทำที่ไม่ค่อยถูกกฎหมายค่อนข้างมาก ลองติดตามที่หน้าห้องประชุมงบประมาณดูจะได้ยินว่ามีการพูดกันอย่างรุนแรงอยู่ และ 2.การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นราวๆ ปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยทั้ง 2 ข้อนี้ เราจะชี้ให้ประชาชนได้เห็น แต่ต้องขอให้รัฐบาลใจกว้าง และให้เวลาเรามากหน่อยเพื่อที่เราจะสามารถชี้แจงได้ เพราะที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลบีบเรามากเกินไป สมัยก่อน อภิปรายกัน 5 วัน 5 คืนยังมี

คิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่ค่อยๆ รุนแรงขึ้นในปีนี้ จะต่อยอดไปเป็นม็อบในปี 2563 หรือไม่

ผมไม่อยากจะกล่าวในประเด็นนี้ เพราะผมเรียนเสมอว่า ผมอยากไปในแนวทางที่ไม่รุนแรง ซึ่งผมคิดว่า เหตุการณ์สำหรับปีหน้า การที่เราจะดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ เรื่องงบประมาณกับเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ผมมั่นใจว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในรัฐบาล อาจจะเป็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งคิดว่าต้องมีแน่ๆ หรืออาจจะยุบสภาเลยก็ได้ แล้วแต่ท่าน และมีข่าวอีกเหมือนกันว่าจะมีการรัฐประหารขึ้นมาอีก แต่ผมไม่ค่อยเชื่อ ผมไม่เชื่อว่าทหารในปัจจุบันจะคิดอย่างนั้น เพราะผลพวงจากการรัฐประหาร 5 ปีที่ผ่านมาได้เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร ต่างประเทศเขาไม่ยอมรับ เมื่อเขาไม่ยอมรับ การค้าขายกับต่างประเทศก็สะดุด แต่วันนี้เมื่อเราเป็นประชาธิปไตยแล้ว เรากลับแฝงเอาสิ่งที่เขาไม่ยอมรับไว้ในรัฐธรรมนูญของเรา ต่างชาติเขาก็รู้ ดังนั้น ตั้งแต่เราเป็นประชาธิปไตยมา 7 เดือน เขายังไม่มาพูดกับเราเลย เพราะรัฐธรรมนูญเราเอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชน ลิดรอนสิทธิมนุษยชนผมไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญเราต้องสมบูรณ์แบบ 100% เอาแบบไทยๆ เรานี่แหละ แต่ต้องเป็นไทยที่สมบูรณ์ ต้องให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ไม่แฝงอะไรหลายๆ อย่างเอาไว้

รัฐบาลมองว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านกำลังทำ ผนวกกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ ราวกับเป็นการปลุกประชาชนไปเดินถนน

ผมไม่ตอบในประเด็นนี้ แต่รัฐบาลควรปรับ และหาทางแก้ไขในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทำเรื่องเศรษฐกิจให้ดี ที่พี่น้องประชาชนเขารู้สึกว่าเขาต้องออกมา เพราะเขากำลังจะอดตาย เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำมาหากินอย่างไร ค้าขายก็ไม่ดี เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยกำลังจะชูเรื่องนี้อยู่ จะมีคนพูดอยู่

บทบาทของฝ่ายค้านในสภาปี 2563 จะมีการปรับบทบาทให้เข้มข้นหรือไม่ เพราะในปีที่ผ่านมา ฝ่ายค้านเดินเกมในสภาแบบนุ่มนวลมาโดยตลอด จะต้องให้ดุดันขึ้นหรือไม่

ก็ต้องมี เพราะผลพวงจากการที่ฝ่ายค้านเดินแบบนุ่มนวลมาตลอด เราอาจจะพูดได้ว่า เราถูกเอารัดเอาเปรียบก็ได้ ผมเคยพูดกับประธานวิปรัฐบาลมาเสมอว่าสมัยประชุมครั้งที่ผ่านมาเราเคยทำอะไรที่ทำให้สภายุ่งเหยิงหรือไม่ เราไม่เคยทำ ถ้าทางรัฐบาลมีเหตุ มีผล เราก็รับฟัง แต่พอฝ่ายค้านชนะโหวตบ้างเรื่องการตั้ง กมธ. ศึกษาผลกระทบจากคำสั่ง คสช. และมาตรา 44 ปรากฏว่ารัฐบาลกลับเกเรเรา ตอนครั้งเลือกตั้งรองประธานสภาคนที่ 1 รัฐบาลชนะฝ่ายค้านแค่ 2 คะแนน เราก็ไม่ได้ขอให้มีการนับคะแนนใหม่ เราไม่เห็นต้องมาทำให้ปวดหัวโดยการขอโหวตกันใหม่ นี่คือแนวทางที่เราตั้งไว้ ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านที่ดี จะไม่ตีรวน แต่ในเมื่อรัฐบาลเริ่มกับเราอย่างนี้ ครั้งหน้า เราก็ต้องมาดูกัน เราอาจจะมีเทคนิคต่างๆ ที่แปลกๆ มาทำกัน

แปลว่าปีหน้าฝ่ายค้านมีเทคนิคที่จะเอามาแก้เกมในสภาคืนจากฟากรัฐบาลด้วยเหมือนกัน

เราต้องทำงานในสภาอย่างเต็มที่ ส่วนนอกสภา เราจะอภิปรายนอกสภากันด้วย เราจะขุด เราจะชี้แจงถึงสิ่งที่รัฐบาลทำไป

ฝ่ายค้านมีของขวัญปีใหม่อะไรจะให้รัฐบาล และมีของขวัญอะไรจะให้ประชาชน

ในส่วนของรัฐบาลคงไม่ต้องพูดถึง เพราะรัฐบาลคงได้รับของขวัญมากมายอยู่แล้ว แต่พี่น้องประชาชนนี่สิ คือคนที่ผมอยากจะมอบของขวัญให้ สิ่งแรกคือ อยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจต่องานในสภา เราทำเพื่อท่าน และเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ เสียงของพี่น้องประชาชนคือเสียงที่เรารับฟัง เราออกไปสัมผัสกับชาวบ้าน เสียงที่ท่านส่งมาเราจะทำตามนั้น พี่น้องประชาชนมีปัญหาความเดือดร้อนอะไรขอให้บอกผู้แทนของเรามา ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านก็เป็นจุดหนึ่งที่พี่น้องประชาชนสามารถส่งเรื่อง หรือส่งหนังสือมาร้องเรียนได้

เราจะทำหน้าที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารัฐบาล นอกจากนี้ เรายังมี กมธ.อีกถึง 35 คณะด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image