สุรชาติ บำรุงสุข : ผมเชื่อว่าคนในกองทัพเรือรู้ เกิดอะไรขึ้นกับเรือหลวงสุโขทัย

สุรชาติ บำรุงสุข : ผมเชื่อว่าคนในกองทัพเรือรู้ เกิดอะไรขึ้นกับเรือหลวงสุโขทัย

พิธีกรคู่หู เอ็กซ์-อ๊อก สัมภาษณ์ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านเพจ The Politics ข่าวบ้านการเมือง เครือมติชน หลังเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงชั้นเรือคอร์เวตอัปปางลงกลางอ่าวไทย

“มติชนออนไลน์” ขอนำมาเรียบเรียงใหม่ แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์ แต่สิ่งที่ ดร.สุรชาติ สะท้อน ยังเป็นคำถามใหญ่ที่น่าสนใจ

อ.สุรชาติ รับว่า แม้จะไม่มีข้อมูลลึกพอจะพูดได้ว่าเกิดอะไรกับเรือหลวงสุโขทัย แต่ตนคิดว่าเรื่องนี้มีเครื่องหมายคำถามเยอะ จนคิดว่า นับจากนี้เสียงเรียกร้องในการปฏิรูปกองทัพมาถึงจุดสำคัญ แม้ว่า จะไม่อยากไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับ “องค์กรที่ติดอาวุธ” อย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่กองทัพบก เหตุกราดยิงที่โคราช คือภาพสะท้อนของสิ่งที่เราเรียกในทางทฤษฎีคือ เสนาพาณิชย์นิยม ซึ่งไทยเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมาก พูดง่ายๆคือการแสวงประโยชน์ภายในกองทัพ

Advertisement

“กองทัพอากาศ” จากเหตุเครื่องบินรบกว่าจะขึ้น เหมือนสตาร์ทเครื่องไม่ติดซักที จนเครื่องบินพม่าบินเข้ามาแล้วก็บินกลับ

เรื่องนี้สำคัญ เพราะเครื่องบินของเราไม่ได้ขึ้นช้า 5 – 10 นาทีอย่างที่กองทัพอากาศแถลง แต่ขึ้นช้าเป็นตัวเลขนาที 2 หลัก ซึ่งส่วนตัวไม่อยากระบุตัวเลขออกมา แต่บอกได้เลยว่า ช้ามาก

“ตำรวจ” เราเห็นเหตุร้ายที่หนองบัวลำภู

Advertisement

ส่วนกระแสใน “กองทัพเรือ” คงมีมาก่อนแล้ว ตั้งแต่การซื้อเรือดำน้ำ เพราะกองทัพเรือกลายเป็นเป้าหมายของการล้อเลียนทางการเมือง น้ำท่วมทีไรก็จะมีการเอารูปเรือดำน้ำขึ้นมาทุกทีเพื่อแซวว่า น้ำท่วมแล้ว เรือดำน้ำอยู่ไหนมาช่วยรับน้ำหน่อย เป็นต้น

สิ่งที่เกิดขึ้นมันสร้างความรู้สึกในใจของคนในสังคมไทยว่า เราไม่ได้อยากไม่มีกองทัพ เราไม่ได้ต่อต้านทหาร แต่เราอยากเห็นกองทัพที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ แม้เรื่องนี้จะเป็นนามอธรรม แต่มันเป็นการเปิดเรื่องที่ดีก่อนจะพูดถึงเรื่องเรือดำน้ำ เรื่องซื้ออาวุธกัน

  • ย้อนเส้นทาง 35 ปี “ปฏิรูปกองทัพ” ไม่เคยไปถึงไหน 

สุรชาติ ย้อนว่า เรื่องการปฏิรูปกองทัพนั้น ได้เขียนบทความครั้งแรกลงมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อประมาณปี 2529 แต่จนวันนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น ทั้งๆที่หลังพฤษภาคม 2535 หลังจบสงครามคอมมิวนิสต์ มีความพยายามใหญ่ มีนายทหารหลายคนเข้าร่วม ในเงื่อนไขของการสร้างเวทีปฏิรูปกองทัพ มีข้อคิดข้อเขียนหลายอย่าง

พูดได้เลยว่า สิ่งที่วันนี้พรรคการเมืองไทยเรียกร้องทุกเรื่องทุกประเด็น ช่วงหลังสงครามคอมมิวนิสต์ในไทยจบ ประเด็นพวกนั้นถูกทำขึ้นเวทีหมด และมีคำตอบหมดแล้ว เอกสารบางส่วนอยู่ในวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และวิทยาลัยเหล่าทัพทั้งหลาย เพราะทุกเหล่าทัพสนใจมากตอนนั้น

เพราะรู้ว่า กระแสปฏิรูปกองทัพมากับการสิ้นสุดของสงคราม และมาอีกเงื่อนไขหนึ่งกับสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2534 เพราะกองทัพทั่วโลก แม้แต่กองทัพจีนก็ยังตัดสินใจปฏิรูปกองทัพ

จุดเริ่มต้นของกองทัพจีนที่เราเห็นวันนี้มาจากจุดเริ่มต้นใหญ่ที่สุดคือ การเห็นที่กองทัพอเมริกัน และกองทัพตะวันตกรบในสงครามอ่าวเปอร์เซีย จีนรู้ได้เลยว่า รบอย่างเก่าไม่มีทางชนะ เอาคนเยอะๆไว้ในกองทัพอย่างเก่าไม่มีประโยชน์ รวมทั้งต้องพัฒนาระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ของตัวเอง

ตอนนั้นเรามีความหวังว่า สงครามเย็นจบ สงครามคอมมิวนิสต์ในบ้านก็จบ สงครามอ่าวเปอร์เซียมาแล้ว เป็นมิติใหม่ๆ คนในกองทัพไทยหลายส่วนตรงกันอยู่พอสมควรว่าต้องทำ แต่ในระดับบน ผมคิดว่ามันทำไม่ได้ พอขยับไม่ได้ข้อเสนอหลายอย่างก็ถูกผลักออกมา

อ.สุรชาติ บอกว่า ตอนนั้นมีข้อเสนอถึงขนาดให้ยุบกองทัพน้อย ของกองทัพบก เพราะไม่มีความจำเป็น แต่ก็ยุบไม่ได้ จนกระแสเหล่านี้มันถูกกลืนหายไปกับเงื่อนไขทางการเมือง หรือกลืนไปกลับยุทธศาสตรที่ใหญ่ที่สุดของรัฐไทย ในการปฏิรูป ก็คือการไม่ปฏิรูป

พอมีการลากไป กระแสมันก็ตก คนรุ่นหลังๆที่เป็นนายทหารในกองทัพก็เริ่มไม่สนใจโจทย์พวกนี้ เพราะว่าโจทย์มันเปลี่ยน

กระทั่งมาสู่เงื่อนไขใหญ่ที่สุดคือ “การรัฐประหาร” จากนั้นก็ตามมาด้วยการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ถ้ามองตามทฤษฎีนี่คือส่วนหนึ่งของ “ลัทธิเสนาพาณิชย์นิยม”  

พอโจทย์ของการปฏิรูปกองทัพมันมากับเรื่องรัฐประหาร มันคือรายการนาทีทอง เปิดรายการสั่งซื้อแบบไม่อั้น ซื้อนั่นซื้อนี่เต็มไปหมด จนผมคิดว่า คนในสังคมมีความรู้สึกมาก แล้วพอเกิดโควิดหลายคนรู้สึกลดงบทหารได้ไหม แม้ว่าเขาลดจริง แต่มันไม่ไปลดงบจัดซื้ออาวูธยุทธโธปกรณ์เลย

“เรามักได้ยินส.ส.บ่นว่า งบทหารเวลาส่งเอกสารเป็นเอกสารลับหมดเลย เปิดมาก็มีแต่ลับๆ ในยุคเก่ารุ่นผม หมวดพวกนี้เขาจัดไว้ในหมวดเดียว เงินราชการลับ ก็แปลว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องลับ ไม่เปิดเผยก็คือไม่รู้นั่นเอง” อ.สุรชาติ ระบุ

  • ปฏิรูป ≠ การจัดซื้อ / บัญชีอาวุธหลังรปห. ไม่ตอบโจทย์การรบ 

ถามว่า โอกาสมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ? อ.สุรชาติ ตอบว่า แม้เรื่องนี้ จะไม่เดินไปไหนเลย ทั้งๆที่ผมก็เสนอแล้วเสนออีก แต่ส่วนตัวยังมีความหวังว่า ถึงจุดหนึ่งคนในกองทัพไม่ใช่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านของพวกเขา

ผมเชื่อว่า วันนี้คนในกองทัพเรือส่วนหนึ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือหลวงสุโขทัย

ข้อที่ผู้ใหญ่พูดออกหน้าทีวีจริงไม่จริงเป็นข้อถกเถียงได้ แต่สาเหตุหลักๆมีข้อถกเถียงใหญ่อยู่พอสมควร เป็นแต่เพียงการถกเถียงพวกนี้มันมีเงื่อนไขจำกัด อาจจะยังรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดประเด็นในเวทีสาธารณะ แต่หากมองจากกระแสรอบบ้าน ถามว่าเขาเรียกร้องสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ผมว่า ใช่นะ

เพราะสงครามยูเครนเป็นโรงเรียนทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าเทียบสงครามยูเครนกันสงครามอ่าวเปอร์เซีย มันอาจมีบริบทคล้ายกันบางส่วน

นั่นคือมันเป็นแรงกดดันให้ทหารต้องคิดใหม่ โดยเฉพาะ นายทหารระดับรุ่นกลางๆ ที่ไม่ยึดติดอยู่กับเรื่องอำนาจมองเห็นเหมือนกันว่า กองทัพไทยมีปัญหา หรือในอีกมุมหนึ่งมีสถานะที่ถูกท้าทายว่า

ถ้ากองทัพไทยต้องเข้าสงครามจะรบยังไงกับสงครามที่มีตัวแบบจากยูเครน ?

อ.สุรชาติ เล่าว่า ในปี 2534 คำถามนี้เคยถูกถามอย่างท้าทาย แต่เผชิญตอนนั้นมันมีเงื่อนไขที่สงครามคอมมิวนิสต์เพิ่งจบในบ้าน เราก็รู้สึกว่าสงครามในบ้านไม่มีแล้วหละ หรือสงครามเพื่อนบ้าน อย่างในกรณีสงครามกลางเมืองในกัมพูชา ก็เริ่มคล้ายตัวลงพอสมวร

แต่คิดในมุมที่เราเป็นนักเรียนทหาร หรือคิดในมุมของพวกผมที่สนใจวิชาการทหาร มันแทบจะเปลี่ยนวิธีคิดพอสมควร เพราะการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยไม่ตอบโจทย์แล้ว

จำนวนยุทโธปกรณ์หลายอย่างในบัญชีที่ถูกเปิดเผยออกมาหลังรัฐประหารหลายอย่าง ส่วนตัวคิดว่า ไม่สอดรับกับสงคราม ถ้าเราเชื่อว่า สงครามยูเครนเป็นตัวแบบของสงครามสมัยใหม่ และเป็นชุดที่ใหม่ที่สุดในรูปแบบขอสงครามที่เราเห็น

“ผมยืนยันมาตลอด เรือดำน้ำ ไม่มีประโยชน์มาตลอด ผมไม่ใช่ไม่ซื้อนะ ถ้าผมซื้อ ผมอยากได้เรือฟริเกต กับเรือคอร์เวตที่เป็นเรือรบบนผิวน้ำ เพราะผมเชื่อว่านั่นเป็นคำตอบ สำหรับกองทัพเรือไทย และเป็นคำตอบของความมั่นคงทางทะเลของไทยด้วย แต่ที่ผ่านมากองทัพเรือไทยถูกหลอกตัววาทกรรมที่ประดิษฐ์กันเองอยู่ในกองทัพเรือ นั่นคือ ผลประโยชน์ทางทะเล ผมเรียกสิ่งนี้ว่า วาทกรรมเฟกนิวส์ในกองทัพเรือ

“เพราะตราบที่คุณยังตอบผลประโยชน์แห่งชาติไม่ได้ คุณตอบผลประโยชน์ทางทะเลของคุณไม่ได้หรอก แต่พอคุณสร้างวาทธรรมเฟกนิวส์อยู่ในกองทัพเรือเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลที่คุณคิดเองกำหนดเอง แล้วก็ตอบเอง เมื่อไรที่เป็นแบบนี้ คำตอบมีอย่างเดียวเสมอนั่นคือ การซื้ออาวุธใหม่”

เพราะฉะนั้นในมุม อ.สุรชาติ ต้องระวังการปฏิรูปกองทัพไทย ไม่ใช่การออกใบรายการการสั่งซื้อใหม่ๆ

ไม่เช่นนั้นการปฏิรูปจะอยู่ในสำนักคิดเดียว คือสำนักซื้ออาวุธ หรือลัทธิอาวุธนิยมในกองทัพ

  • ยกเคสเรือล่ม เพราะงบซ่อมบำรุงถูกดึง เพื่อลงทุนเรือดำน้ำ ?

อ.สุรชาติ ชี้ว่า ที่ผ่านมากองทัพเรือลงทุนขนาดใหญ่ แล้วทุ่มทุนอย่างมากไปกับเรื่องดำน้ำ

ได้เรือดำน้ำ 1 ลำ ก็จะซื้อลำที่ 2 แล้วนอกจากลำที่ 2 ยังพ่วงเรื่องพี่เลี้ยง มันพ่วงอู่แห้ง ซึ่งเป็นมูลค่าอีกมหาศาล

เรื่องนี้สะท้อนว่า กองทัพเรือไทยเน้นอย่างเดียว กองทัพเรือไทยจะเป็นกองทัพเรือดำน้ำ และอยู่กับเรือดำน้ำ

ปรากฏการณ์อย่างนี้แปลกไหม ไม่แปลก เพราะเนื้องานงบด้านการทหารมีความจำกัด เพราะฉะนั้นแต่ละกองทัพซื้อระบบยุทโธปกรณ์หรือระบบอาวุธสมัยใหม่ที่มูลค่าสูง มันจะถูกไปด้านใดด้านหนึ่ง ในการกองทัพอากาศก็เคยเกิดขึ้น

ล่าสุด มีความพยายามจะซื้อเครื่องบินรบ F35 ด้วยการ ไปกดดันเอาเงินมาจากสภาทั้งๆที่คำอนุมติจากรัฐสภาอเมริกันยังไม่มา ผมคิดว่าเรื่องนี้ น่าเกียจมาก รัฐสภาไทยไม่เคยหยุดการซื้อาวุธของกองทัพได้ คนของรอบหน้าก็ได้รอบหน้า ทหารอากาศเอาเงินไปก่อนเพื่ออะไร หรือเพียงเพื่อแสดงว่า ทหารใหญ่กว่าพลเรือน หรือแสดงว่าทหารใหญ่กว่าสังคม ทหารอยากได้อะไรก็ต้องได้ ทั้งๆที่คำอนุมัติขายจากรัฐสหาอเมริกายังไม่มา

ฉะนั้น ในสภาวะอย่างนี้ เราเห็น 2 เหล่าทัพที่ทุ่มเงินกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่มูลค่ามหาศาล

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ภาวะของการดึงงบประมาณ ซึ่งผมเชื่อว่า มีคนโพสต์แล้วว่า การดึงงบประมาณทำให้เกิดการจำกัดในการการจัดซ่อมบำรุงระบบอาวุธ รักษาเรือไม่เต็มร้อยหรือเปล่า

แน่นอนวันนี้ยังเป็นคำถามที่ตอบไม่ได้ เราไม่ใช้คนวงใน แต่โจทย์พวกนี้ถือเป็นโจทย์ที่ใหญ่มาก

  •  ชี้ทร.ต้องใส่ใจชีวิตกำลังพล คำขอโทษไม่ใช่ความอ่อนแอ

อ.สุรชาติ รับว่า นั่งดูเรือรบหลวงสุโขทัย เห็นลูกเรือแล้วมีความรู้สึกมากว่า การปฏิรูปกองทัพในอนาคตต้องดูแลชีวิตของคนในกองทัพ ทั้งสัญญาบัตร ชั้นประทวน และทหารเกณฏ์ด้วย

ต้องมีหลักประกันความมั่นคงที่เขาจะอยู่รอดได้ เช่น เสื้อชูชีพ

เรื่องนี้เป็นอะไรที่คนสังคมไทยฟังแล้วรู้สึกหดหู่

ส่วนตัวอยากฝากไปถึงผู้ใหญ่ในกองทัพเรือคิดถึงหัวใจญาติของผู้เสียชีวิตบ้าง คิดถึงหัวใจญาติที่ปรากฎเป็นภาพข่าวที่คุณแม่จุดธุปปักที่ชายฝั่ง แฟนสาวจุดธุปปักทีชายฝั่ง ของให้แฟนตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัย เพราะยังไม่พบ คำตอบอย่างนี้กองทัพเรือตอบแล้ว ผมเชื่อว่า ญาติหลายคนหัวใจสลาย

อยากฝากกองทัพเรือขอให้มีความละเอียดรอบครอบในการตอบคำถามในเวทีสาธารณะ อย่าตอบคำถามที่คิดว่า นายทหารชั้นผู้ใหญ่ตอบอะไรแล้วต้องฟัง วันนี้ไม่จริง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ไม่มีความหมาย ถ้าคุณตอบผิดก็คือคุณตอบผิด แล้วเมื่อคุณตอบผิดสังคมก็ต้องมีสิทธิทักท้วงด้วย ความถูกต้องที่กองทัพเรือต้องตอบกับสังคม คือ เกิดอะไรกับชีวิตของลูกเรือไทย

วันนี้เราเห็นข่าวที่น่าสลดใจอีกชิ้นหนึ่ง กองทัพเรือสหรัฐ กองทัพเรืองอังกฤษ รวมทั้งกองทัพเรือมาเลเซีย ยื่นข้อเสนอให้ความช่วยเหลือ แต่กองทัพเรือไม่เอา เราจะทำของเราเอง

ตอนเรือดำน้ำรัสเซียเจอวิกฤตแล้วจมลง เผชิญเป็นเรือน้ำนิวเคลียร์ โลกตะวันตกพยายามยื่นมือเขาไปช่วยเหลือ รัสเซียไม่ตอบรับ แต่เราเข้าใจ เพราะนั่นต้องลงไปกู้เรือดำน้ำรัสเซีย แน่นอนต้องมีความลับ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่การกู้เรือ แต่เป็นเรื่องการกู้ชีวิตของลูกเรือเราเอง เรื่องนี้ผมคิดว่า กองทัพต้องใส่ใจ ในการพิทักษ์ชีวิตกำลังพล ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในทางสันติและในยามสงคราม

ถามว่า สิ่งหนึ่งที่ญาติตั้งคำถามวิกฤตนี้ ยังไม่เห็นการออกมาขอโทษของกองทัพเรือเลย?

อ.สุรชาติ ตอบทันทีว่า เอาอย่างนี้ เราทำข่าวการมานาน หลายเรื่องที่เป็นปัญหา ถามกันตรงๆ กองทัพเคยขอโทษเรื่องอะไรบ้างกับสังคม เราเห็นอะไรบ้างที่เขาออกมาขอโทษ แต่อีกประเด็นคู่ขนานในการสืบสวนของเท็จจริงก็ไม่เคยเกิด หรือเกิดก็ไม่สามารถพูดได้

ที่ผ่านมาผมเคยเห็นเพียงชิ้นเดียว คือการสอบสวนเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ฉบับย่อ ได้รับอนุญาตให้อ่าน อ่านเสร็จแล้วก็ปิดไปถามว่าวันนี้มีใครได้อ่านหรือรับรู้บ้าง เพราะกองทัพตัดสินใจปิดคดี ไม่ต้องพูด 14 ตุลา 6 ตุลาเลย เอาเพียงแค่คนยุคหลัง ปี 2535 เราก็ไม่เห็น แม้ไม่ใช่เรื่องการเมืองโดยตรงแล้วก็ไม่เห็น

“ผมนั่งดูแล้วมีความหดหู่ใจกับชีวิตทหารเกณฑ์ในกองทัพ เราเห็นการเสียชีวิตโดยไม่มีคำตอบเลย แล้วเราก็ไม่รู้อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตลูกหลานที่วันหนึ่งพ่อแม่มีความหวังเอาลูกเขามาฝากไว้ในกองทัพ หวังอย่างน้อยกองทัพได้สร้างลูกเขาในเชิงระเบียบวินัย ให้เดินเข้าสู่กองทัพด้วยความภาคภูมิใจ”

“เราจะไม่พูดเรื่องการใช้ทหารเกณฑ์ผิดภารกิจ แต่ประเด็นที่อยากหยิบขึ้นมา นั่นคือ การที่ทหารเกณฑ์เสียชีวิต เราไม่เคยเห็นผลการสอบสวนในการคดีว่า ตกลงเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ค้างคาใจญาติ”

“การขอโทษไม่ได้บอกว่ากองทัพอ่อนแอ แต่การขอโทษอย่างน้อย จำเป็นต้องขอโทษ หรืออย่างน้อย ถ้าจำเป็นต้องพูดว่า มันเป็นเหตุสุดวิสัย แต่พอกองทัพเรือพูดว่าไม่มีชูชีพ ก็ไม่ตาย มันเกิดปัญหาทันที เพราะมันนำมาสู่คำถามว่า ถ้าลูกเขาที่ไม่มีชูชีพเสียชีวิต แล้วกองทัพเรือจะตอบครอบครัวและสังคมไทยอย่างไร โจทย์ชุดนี้ มันจึงยิ่งนำไปสู่เสียงเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปกองทัพ” อ.สุรชาติ ระบุ

  • เอาทหารออกจากการเมือง สู่การปฏิรูปการบริหารในกองทัพ  

เพราะฉะนั้น วันนี้ผมนั่งดูพรรคการเมือง อยากถามใจ พรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้งพรรคที่มีอดีตทหาร จะรับข้อเสนอการปฏิรูปกองทัพไหม

แต่ผมเชื่อว่า ข้อเสนอนี้จากปีกพรรคฝ่ายค้านเกิดแน่ เพราะคนเรียกร้องวันนี้นักการเมืองถ้าเล่นกับกระแสเรื่องนี้มาแน่ๆ แต่คำถามที่ผมมีกับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลส่วนหนึ่ง แล้วกับพรรคที่มีผู้นำทหารเอง เป็นหัวโต๊ะ

พูดกันตรงๆ พรรคลุงตู่ลงป้อม จะเปิดประเด็นการปฏิรูปกองทัพไหม เพราะเราก็รู้ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่พปชร. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่รวมไทยสร้างชาติ พรรคทหาร 1 กับ พรรคทหาร 2 นี้ จะเสนอเงื่อนไขการปฎิรูปกองทัพไหม พรรคภูมิใจไทยอาจไม่แตะ เพราะยุ่งอยู่กับกัญชา ไม่มีมิติอื่น ดีไม่ดี

พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอดีตก็เคยพูดเรื่องนี้ ก็นั่งดูผู้นำรุ่นใหม่อย่าง หัวหน้าจุรินทร์ จะเปิดประเด็นเรื่องนี้อีกครั้งไหม เพราะหลังเหตุการณ์พฤษภา 35 ประชาธิปัตย์ก็เคยพูด แล้วต้องไม่ลืม ยุคหนึ่ง ท่านนายกฯชวนนั่งเป็นรมว.กลาโหมด้วย เราต้องไม่ลืม อดีตรมต.ขื่อ “ชวน หลักภัย” เหมือนกัน

ต้องยอมรับว่า หลังรัฐประหารปี 2549 และ 2557 จากข้อเสนอปฏิรูปกองทัพบนฐานคิดเรื่องของการปฏิรูปในมิติทางการเมือง คือการพากองทัพออกจากการเมือง แต่วันนี้ สุรชาติ ชี้ว่า มันได้นำสู่อีกเรื่องหนึ่งแล้ว

นั่นคือ ข้อเรียกร้องการปฏิรูปกองทัพในมิติของการบริหารกองทัพกันแล้วละ 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image