พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ถอดบทเรียน4ปีรบ.-คสช.

หมายเหตุ – พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “มติชน” ถึงภาพรวมการบริหารประเทศครบ 4 ปีของรัฐบาลและ คสช.

-เวลา 4 ปีที่ผ่านมา อะไรเป็นผลงานสำเร็จของรัฐบาล คสช.

ช่วงเวลาแรก รัฐบาล คสช.เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดและลดความขัดแย้งทางการเมือง เร่งปราบปรามผู้มีอิทธิพล จับกุมยาเสพติด กวาดล้างอาวุธสงคราม จนสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลงโดยเร็ว 4 ปีที่ผ่านมาเราเห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าบ้านเมืองเราเกิดความเป็นปกติสุข ร่มเย็น มีการใช้กฎหมายอย่างถูกต้องเป็นธรรม ภายใต้ขอบเขต อำนาจหน้าที่ เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย และมีธรรมาภิบาล ขณะที่ คสช.และกองทัพก็สนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล แม้ว่าจะไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ตาม แต่เราก็พยายามช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ค้างคามานาน ให้สำเร็จ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกำหนด

ที่ผ่านมา รัฐบาล คสช.พยายามดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และสนับสนุนการบริหารราชการรัฐบาลให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน พร้อมวางรากฐานประเทศการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้อนาคตประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

Advertisement

-แต่ปี 4 ที่ผ่านมาทำไมการปฏิรูปประเทศจึงไม่สำเร็จ

บางเรื่องบางอย่าง รัฐบาล คสช.พยายามบริหารราชการและแก้ไขปัญหาให้ประเทศ ยังมีเรื่องที่ทำไม่เสร็จอีกมาก เพราะปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวาน แต่เกิดขึ้นมานาน และไม่ได้รับการแก้ไข จึงเป็นปัญหาที่สะสมมา ขณะที่งานบางอย่างใช้เวลาสั้นเราก็ทำเสร็จ เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า จัดระเบียบแม่น้ำลำคลอง การกำจัดผู้มีอิทธิพล กวาดล้างอาวุธสงคราม ยาเสพติด ฯลฯ แต่ว่าบางอย่างต้องใช้เวลา ตามกฎหมาย

-แล้วจะทำอย่างไรให้ปฏิรูปเสร็จตามเจตนารมณ์

Advertisement

ต้องเข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศหลายเรื่องก็ดำเนินการเรียบร้อย แต่หลายเรื่องยังมีความค้างคาใจว่าอะไรที่ยังปฏิรูปไม่สำเร็จ การปฏิรูปไม่ใช่จะทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ต้องปฏิรูปหลายอย่าง ทั้งปฏิรูปด้านศึกษา ปฏิรูปด้านสาธารณสุข ปฏิรูปตำรวจ ทุกอย่างได้เริ่มขึ้นแล้ว และต้องทำต่อไป บางเรื่องบางอย่างต้องขอชี้แจงให้ทราบว่ามันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับตัวบทกฎหมาย และเป็นปัญหาสลับซับซ้อน ดังนั้นการปฏิรูปประเทศต้องใช้เวลา มีทั้งเสร็จและยังไม่เสร็จ และกำลังดำเนินการ เราสามารถติดตามได้ตามที่เผยแพร่ในกระทรวง ทบวง กรม

-การที่พรรคเพื่อไทยแถลงวิจารณ์ผลงาน 4 ปีของ คสช.ล้มเหลวทั้ง 7 ด้าน

คงจะมีโอกาสชี้แจงเป็นรายละเอียดในแต่ละเรื่องต่อไป แต่เวลานี้รัฐบาล คสช.จะไม่ไปโต้ตอบทันทีทันใดหรอก ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าในสังคมปัจจุบันสื่อออนไลน์มีความรวดเร็ว พี่น้องประชาชนสามารถติดตามข้อเท็จจริงได้อยู่แล้ว ถ้าเราไปโต้ตอบจะกลายเป็นการแก้ตัว อย่างไรก็ตามผลงานรัฐบาล คสช. 4 ปีที่ผ่านมาได้ปรากฏ และเผยแพร่เป็นเอกสารบนสื่อออนไลน์หมดแล้ว พี่น้องประชาชนที่สนใจการเมืองสามารถติดตามได้ตลอด บางทีอาจจะมีคำตอบจากประชาชนที่จะพูดแทนรัฐบาล คสช.แทนให้ด้วยซ้ำ

-ประเมิน 4 ปีที่ผ่านมาผลงานรัฐบาล คสช.เป็นอย่างไร

ต้องให้พี่น้องประชาชนเป็นคนวิเคราะห์วิจารณ์มากว่าว่าผลงานเราเป็นอย่างไร ถ้าให้ คสช.ประเมินเองเกรงว่าจะเป็นการพูดเข้าข้างตนเองมากไป

-แต่ผลงานด้านหนึ่งของรัฐบาล คสช. พบว่า 4 ปีมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้เห็นต่างได้ ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน

รัฐบาล คสช.ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใครใดๆ ทั้งสิ้น เราเข้ามาระงับยุติปัญหาความขัดแย้ง แต่มีผู้เห็นต่างจำนวนหนึ่งกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังนั้นเราต้องทำความเข้าใจว่าเราพยายามทำให้ประเทศชาติ มั่นคง มั่นคง ยั่งยืน และขอให้ติดตามดูการปฏิบัติที่ผ่านมาได้เลยว่าแต่ละกรณี เราละเมิดสิทธิมนุษยชนตรงไหน เราปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย อำนาจหน้าที่ และก็ต้องระมัดระวังในเรื่องการปฏิบัติตนเช่นเดียวกัน ดังนั้นการกล่าวหาว่ารัฐบาล คสช.ละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมจึงอยากให้ดูว่าทุกวันนี้กลุ่มผู้เห็นต่างสามารถดำเนินกิจกรรมได้ไหม เราเพียงแค่ขอความร่วมมือ และอธิบายผลที่จะตามว่าเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานหากมีภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี ก็จะแก้ไข ปรับปรุง เพื่ออำนวยความสะดวกเรียบร้อย ป้องกันมือที่สามไม่ให้มาก่อเหตุ กิจกรรมต่างๆ ก็ดำเนินได้เรียบร้อย

นี่คือสิ่งที่รัฐบาล คสช.พยายามจะประคองสถานการณ์ให้ได้ และย้ำว่าไม่ได้ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนใคร แต่ใครจะไปวิเคราะห์วิจารณ์เราก็ยอมรับ และพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง

-แต่ประเด็นนี้ นานาประเทศและองค์กรระหว่างประเทศกดดันมาก

เป็นการขอความร่วมมือ ถ้าเราคิดว่ามีมูลความจริงเราก็รับฟัง เช่น การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย การแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน การแก้ไขแรงงานผิดกฎหมาย เมื่อเขาชี้ว่าการแก้ไขปัญหาเหล่าต้องเป็นมาตรฐานสากล เราก็ให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกันนานาประเทศเข้าใจบริบทประเทศไทยมากขึ้น จะเห็นได้ว่างานการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การทหาร การค้าขาย ต่างๆ มีพัฒนาการในทางที่ดีมากขึ้น

-เมื่อคิดว่านานาประเทศเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น แล้วพอจะชี้แจงอะไรได้บ้างในสถานการณ์ปัจจุบัน จนไปถึงการเลือกตั้ง

ในสภาวะสังคมปัจจุบันที่จะเดินหน้าไปสู่โรดแมปที่วางไว้ บ้านเมืองต้องการความสงบสุขร่มเย็น กิจกรรมทางการเมืองต่างๆ ต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมายและคำสั่ง คสช.ที่กำหนดไว้ว่าพรรคการเมืองทั้งใหม่และเก่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยนักการเมือง พรรคการเมือง ทราบดีอยู่แล้วว่าช่วงเวลานี้ประเทศชาติต้องการอะไร ประเทศชาติต้องการความสงบ มีความปลอดภัย ไม่ถูกปลุกเร้าให้เกิดความเกลียดชังต่อกันอีก ตลอดจนมีการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แก้ไขปัญหาตรงจุด นี่คือสิ่งที่ประเทศชาติต้องการ และเมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง พรรคการเมือง นักการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมได้เหมาะสม พอมีรัฐบาลใหม่เข้ามา รัฐบาล คสช.จะส่งผ่านอำนาจนั้นให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารแทน นี่คือผลประโยชน์ร่วมของชาติที่เราต้องการให้เกิดขึ้น

-แต่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน เพราะที่ผ่านมามักเลื่อนโรดแมปเสมอ

ในเวลานี้ทุกคนทราบกันดี ผมเองไม่สามารถพูดเป็นอย่างอื่นๆ ได้ นอกจากการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ณ เวลานี้

-แต่กระบวนการและปรากฏการณ์ต่างๆ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พยายามจะสืบทอดอำนาจตนเอง บทบาท คสช.และกองทัพจะวางตนอย่างไร

คสช.และกองทัพยังคงสนับสนุน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนอำนาจไปสู่รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันอีกที ตามหลักกฎหมายรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งอยู่ที่ดุลพินิจของพี่น้องประชาชน ทุกเสียงของพี่น้องประชาชนจะเป็นคนตกลงใจเองว่ามอบความไว้วางใจใครให้เข้ามาบริหารประเทศต่อไป ขณะที่ คสช.ก็จะหมดบทบาทหน้าที่ตามกรอบกฎหมาย ทหารก็กลับเข้ากรม กอง

-หาก พล.อ.ประยุทธ์ลงเล่นการเมืองจริงในอนาคต บทบาท คสช.และกองทัพจะสนับสนุน

กระบวนการของ คสช.และกองทัพจะหมดลง และยุติบทบาทตามกรอบกฎหมาย ท่านใดจะมาเป็นผู้นำประเทศต่อไปในอนาคต เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนตัดสินใจ ผมคงตอบไม่ได้ว่าท่านใดจะมาเป็นผู้นำประเทศ แต่ย้ำว่าบทบาท คสช. ตั้งแต่เวลานี้ไปจนถึงเวลานั้น บ้านเมืองต้องสงบสุข คสช.และกองทัพเองมีบทบาทสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ แต่เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง เราก็จะหมดบทบาททันที และจะไม่มีบทบาทใดๆ ทั้งสิ้น

-ในเมื่อยืนยันว่าบทบาทกองทัพและ คสช.จะยุติลงหลังมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ขอถามว่าอะไรเป็นสิ่งรับประกันการประคองสถานการณ์ให้มีเสถียรภาพ มีความมั่นคงในอนาคต

รัฐบาลใหม่จะเป็นผู้คำประกันในเรื่องนี้ เพราะคนไทยผ่านความยากลำบาก ผ่านขัดแย้ง ความแตกแยก ผ่านแตกความสามัคคี ความรุนแรง มามากแล้ว ถ้าจะเป็นได้รัฐบาลต้องพยายามบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องเป็นธรรม เสมอภาค มีธรรมาภิบาล แก้ไขปัญหาให้ประชาชน ส่วนปัญหาการเมือง นักการเมืองผู้เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตามในภาวะความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร ทั้งเรื่องจริงเรืองเท็จ ท้ายที่สุดเรื่องจริงจะเป็นสิ่งที่ปรากฏ ประชาชนจะตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ เองในที่สุด

-หากว่าอนาคตเกิดความวุ่นวายอีก บทบาทกองทัพจะทำอย่างไร

หากทุกคนเคารพและปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย สิ่งเหล่านั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น

-แสดงว่ากองทัพจะไม่ทำรัฐประหารอีกแล้วในอนาคต

ถ้าทำทุกอย่างอยู่ในกรอบและเคารพกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ก็จะไม่มีสถานการณ์วุ่นวาย จลาจล ไม่มีความขัดแย้ง ไม่ใช้อาวุธสงครามมาเข่นฆ่ากัน จึงไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องรัฐประหาร

ผมคิดว่าสังคมไทยพี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ และเป็นหลักประกันที่จะไม่เกิดรัฐประหารในอนาคต รัฐบาลต้องบริหารประเทศให้มีความสงบสุขร่มเย็น ณ เวลานี้ถ้าลองถามใครว่าอยากให้เกิดภาพความรุนแรงในอดีต เช่น เผาบ้านเผาเมือง ใช้อาวุธมาทำร้ายกัน ถามว่าในสังคมนี้จะมีใครยินดีอยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกหรือ ผมเชื่อว่าใครที่อยากให้เป็นเช่นนั้นคงไม่มีหรอก

-อยากให้ทิ้งท้าย 4 ปีที่ผ่านมาในสิ่งที่รัฐบาล คสช.ทำและวางอนาคตของประเทศ

ผมขอความร่วมมือร่วมใจคนไทยทั้งประเทศ ทั้งที่อยู่ในไทยและต่างประเทศ ได้รับทราบความเป็นมาและเป็นไปว่า ในฐานะที่เป็นคนไทยต้องมีความรักชาติ รักแผ่นดินถิ่นกำเนิด และต้องรู้ว่าในเวลานี้บ้านเมืองต้องการความสงบ ต้องการให้รัฐบาลบริหารประเทศ และวางรากฐานให้บ้านเมือง เพื่อให้ผ่านวิกฤตที่เราประสบมาให้ได้ เราไม่ต้องการย้อนไปสู่ความบอบช้ำ ความขัดแย้งแบบในอดีตที่ผ่านมาอีก ดังนั้นจึงเป็นเจตจำนงของสังคมร่วมกัน

4 ปีในการบริหารงานรัฐบาล คสช. พยายามทุกอย่างดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และมองถึงไปลูกหลานในอนาคต ถ้าเข้าใจและร่วมมือกัน จึงเป็นสาระสำคัญที่สุดในเวลานี้ เพื่อให้ทุกคนเดินไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือมีการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ และมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างที่ทุกคนพูดถึงและต้องการในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image