สถานีคิดเลขที่ 12 : ตอนต่อไป-แยกไหว

สถานีคิดเลขที่ 12 : ตอนต่อไป-แยกไหว

“ศึกซักฟอก” จบไปแล้ว

แต่คงเป็นการ “จบตอน” มากกว่าเป็นการขึ้นตัวหนังสือใหญ่ๆ บนจอ ว่า “อวสาน”

ดังนั้น เมื่อเป็นการจบตอน ที่มิใช่ จบบริบูรณ์

ADVERTISMENT

คำกล่าวที่เราคุ้นเคยกับหนังมนุษย์จอมพลังอย่าง “ไอ้มดแดง” ทำนอง “สู้กันต่อไปนะทาเคชิ”

ก็คงถูกกล่าวขานต่อไป

ADVERTISMENT

กล่าวขาน เพื่อตอกย้ำ ว่า “ไอ้มดแดง” คงต้องเผชิญศึกกับสัตว์ประหลาดแปลงร่างและเหล่าสมุน “กีกี้” อีกหลายๆ ตอน

ดังตัวละครสำคัญบนเวทีการเมือง อย่าง “เท้ง-ป้อม-อิ๊งค์” ที่คงต้อง “สู้กัน” ต่อไปเช่นกัน

สู้กันอย่างไร น่าสนใจ

กล่าวถึง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก่อน

การตัดสินใจ ใช้เวลา 10 นาที ลุกขึ้นซักฟอกด้วยตนเอง ถือว่า “คุ้ม” ไม่น้อย

แม้ว่าจะเจอ “มุข” ย้อนศรจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทำนองว่าเป็นการพูด 10 นาที ที่ “ไม่เป็นความจริง”

แต่กระนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดของ พล.อ.ประวิตร เท่าที่จะทำได้ตอนนี้แล้ว

เพราะอย่างน้อยก็ยังเป็นการยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ยังเป็นผู้นำ ที่จะสู้ทางการเมืองต่อไป

ไม่ล้มหายตายจากไปง่ายๆ แถมยังโชว์พลังที่พอมี “แรง” อยู่บ้างในการประคองพรรคพลังประชารัฐ ให้ขับเคลื่อนต่อเนื่อง

จากเดิมมีผู้พยายามด้อยค่าว่าพรรคนี้จะเหลือ พล.อ.ประวิตรคนเดียว

แต่เมื่อพิจารณาผลโหวตซักฟอก ปรากฏว่ามี “งูเห่า” เจ้าเก่าเลื้อยหนีบิ๊กป้อมไปเพียง 1 คน

ที่เหลือ (อย่างน้อยก็ตอนนี้) ยังอยู่กับ “บิ๊กป้อม” ซึ่งคงเป็นกำลังใจให้ “สู้ต่อไปนะบิ๊กป้อม” อีกระยะ

เช่นเดียวกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร ก็คง “สู้กัน” ต่อไป

และเป็นการ “สู้กัน” ที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะความเป็นไปในอนาคต ว่าจะเป็นอย่างไร

ต้องยอมรับว่า การที่ซักฟอกคราวนี้ พรรคประชาชน พุ่งเป้าไปที่ น.ส.แพทองธาร คนเดียว

ทำให้ พรรคประชาชน และเพื่อไทย ที่เคยมี “จุดร่วม” กันอยู่ไม่น้อย มีระยะ “ห่าง” ต่อกันมากขึ้น

ซึ่งยังไม่รู้ ในอนาคต จะเพิ่มระยะห่าง ขึ้นไปจนถึงขนาด เป็นคนละขั้ว กันเลยหรือไม่

เพราะอย่างที่เราเห็น พรรคเพื่อไทยกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยต่างขั้วนั้น หลังซักฟอก แนบแน่นและ “อวย” กันเองมากขึ้น

ซึ่งอาจจะพัฒนาไปเป็นการ “ผูกแน่น” กันต่อไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าเลยหรือไม่ ก็ดูน่าจับตา

เพราะท่าที ที่ น.ส.แพทองธาร แสดงออกระหว่างลุกขึ้นตอบโต้พรรคประชาชนระหว่างซักฟอกนั้น มีคำพูด ที่สะท้อนถึงความ “ห่าง” อย่างน่าพิจารณา ไม่ว่า

“…เราเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรค ต้องมีความอดทน มีเหตุผลและต้องมีความจริงใจด้วย ดังนั้น สิ่งที่ดีที่ดิฉันยึดถือและมองเห็นว่าผลสำเร็จจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าจะให้ดิฉันไม่เป็นผู้นำในลักษณะนี้ ดันทุรังแต่พังทุกรอบก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ดิฉันเชื่อว่าดันทุรังแบบนั้นจะไม่เกิดผลดีกับรัฐบาลของดิฉัน”

แน่นอนภาวะ “ดันทุรังแต่พังทุกรอบ” ย่อมหมายถึงพรรคสีส้ม อย่างไม่น่าสงสัย

แถม น.ส.แพทองธาร ยังท้าทาย ว่า

“เพื่อความชัดเจนและสร้างแนวการเมืองแบบใหม่ ท่านควรจะประกาศให้ชัดไปเลยว่าสมัยหน้าท่านจะร่วมหรือไม่ ร่วมกับใคร พูดให้ชัดตั้งแต่วันนี้ ประชาชนจะได้เกิดความสบายใจ”

นี่คือปรากฏการณ์ ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้ม “ระยะห่าง” ของ 2 พรรคชัดเจน

“ห่าง” ดังแผ่นดินไหว ที่เขย่าแรงจนทำให้ 2 พรรค แยกจากกัน จนไม่อาจเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกันได้อีก

จริงหรือไม่ ต้อง ติดตาม “ตอนต่อไป”

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image