ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
“ข่าวร้ายทางเศรษฐกิจ” ที่ส่งตรงมาจากสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน กำลังเขย่าขวัญสังคมไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย
ท่ามกลางสภาวะผันผวนป่วนปั่นและยังไม่มีทางออกชัดเจนเช่นนี้ ขออนุญาตนำเสนอเนื้อหาบางส่วนจากงานสัมมนาประชาชาติธุรกิจ “NEXT MOVE Thailand 2025 ตามหาโอกาส โลกป่วน เกมเปลี่ยน” เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถทำความเข้าใจนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ดียิ่งขึ้น
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย
“ทรัมป์ 2.0 ไม่ได้เป็นการทำซ้ำของทรัมป์ 1.0 แต่มาด้วยการเตรียมพร้อมกว่าเยอะ โปรเจ็กต์ 2025 คอนเซอร์เวทีฟของสหรัฐมีทฤษฎีอะไรเต็มไปหมดเลย ก่อนหน้านี้ คนก็บอกว่าไม่ทำจริงหรอก เพราะเว่อร์ไป แต่วันนี้เราเริ่มเห็นแต่ละบท แต่ละความเคลื่อนไหวของทรัมป์ เริ่มจะมีการวางแผน
“แต่สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกตกใจกับทรัมป์ประเด็นหนึ่ง ก็คือ ทรัมป์พร้อมที่จะมาพร้อมคำขู่ และพร้อมที่จะเอามีดกรีดแขนตัวเอง แล้วก็ตบหัวเพื่อน เพื่อที่จะทำให้คำขู่ของเขา
น่าเชื่อถือมากที่สุด
“เพราะฉะนั้น ความไม่แน่นอนตรงนี้มันกำลังทำให้โลกตกใจว่า เขากล้าขนาดนี้ เขากล้าที่จะทำหลายนโยบาย
ซึ่งอาจจะไม่เป็นประโยชน์กับคนสหรัฐเองด้วย”
ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร
“สหรัฐคิดว่าถ้าเขาทำแบบเดิมๆ ทำแบบ conventional กระแสหลักแบบเดิม สุดท้ายน่าจะแพ้จีน เพราะฉะนั้น วันนี้เขาก็เลยมาเล่นท่าพิสดาร เขย่าโลก เพราะเขามองว่าทำแบบเขายังมีทางไป เขายังมีความหวัง ยังมีวันช็อตที่จะหยุดจีนได้
“วันนี้ภาพคืออเมริกาคิดว่า ใช่ ทุกคนจนลงหมด ทุกคนเจ็บหมด แต่อเมริกาเจ็บน้อยสุด แล้วจีนก็อาจจะคิดในใจตอนนี้ว่า จีนก็พยายามทนให้ได้นานสุด ก็เป็นการแข่งขันกันระหว่างสองยักษ์
“อเมริกาตอนนี้กำลังบริหารโดยใคร? สามตัวเลือก นักการเมือง หรือนักวิชาการ-เทคโนแครต หรือนักธุรกิจ ผมคิดว่าตอนนี้เขาบริหารโดยนักธุรกิจ แล้วก็เป็นนักธุรกิจที่ส่วนใหญ่จะ unconventional หน่อยๆ ไม่ได้ใช้ท่าปกติ”
ดร.สันติธาร เสถียรไทย
“กำแพงภาษีไม่ได้มีไว้ขู่ หลายคนเชื่อว่าตอนแรกมันเอาไว้ต่อรองเท่านั้น แต่วันนี้ เรารู้แล้วว่ามันไม่ใช่แค่ขู่เท่านั้น ไม่ใช่แค่ต่อรองเท่านั้น ไม่ใช่ว่าคุณต่อรองแล้วฉันจะไม่ทำกำแพงภาษี กำแพงภาษีเป็นกระสุนเป็นเครื่องมือที่ทรัมป์ชอบใช้มาก และมันมีหลายจุดหมาย
“มันต้องการจะลดการเกินดุลการค้าของประเทศอื่นกับอเมริกาจริงๆ ต้องการจะดึงอุตสาหกรรมกลับมาจริงๆ ต้องการปกป้องคนบางกลุ่มจริงๆ
“กำแพงภาษีมันแยกเป็นสามชั้น ชั้นที่หนึ่งคือการใช้ยิงกราดกับทุกคนหมดเลย อันหนึ่งอาจจะเป็นภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) เธอทำอะไรกับฉัน ฉันทำอะไรกับเธอ
“อีกประเด็นที่น่ากลัวเหมือนกันก็คือ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ดูแค่ว่ากำแพงภาษีคุณใส่ฉันเท่าไหร่ ฉันจะดูด้วยว่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณเก็บ บวกเข้าไปด้วยไหม กฎกติกาที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร เช่น อย. อาจจะบวกเข้าไปด้วยอีก
“กำแพงภาษียังมีรายอุตสาหกรรมที่เขาคิดว่าสำคัญอีก ยา เหล็ก-อะลูมิเนียม ชิป และที่สำคัญยานยนต์ กำลังจะมาและกระทบไทยแน่นอน
“แล้วยังมีอันที่สาม คือคนที่เขาไม่ชอบหน้า จะโดนบวกเพิ่มไปอีก เพราะฉะนั้น ทั้งหมดจะเป็นสามชั้นที่เขานำมาใช้รวมกัน เราต้องดูทุกอัน”
ปราปต์ บุนปาน