ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : อะไรใน‘กอด’
“กอด” เชื่อมโยงไปสู่ “การเมือง” อย่างน่าสนใจในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
กอดแรก คงเป็นการกอด ระหว่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับนายจตุพร พรหมพันธุ์
ทั้งสองเคยเป็น “อริ” ต่อกัน อันสืบเนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร
โดยนายสนธิ เป็นฝ่ายต้าน ส่วนนายจตุพร เป็นฝ่ายหนุน ต่อสู้ขับเคี่ยวรุนแรงถึงขนาดไม่เผาผี
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน
ในวันนี้ ทั้งคู่ไหลรวมมาเป็นฝ่ายต่อต้านนายทักษิณ
จึงนำไปสู่ปรากฏการณ์ “กอด” อย่างที่แลเห็น
ยังไม่รู้ว่า การกอดดังกล่าวจะแปรไปสู่การขับเคลื่อนต่อต้านนายทักษิณ อันหมายรวมไปถึงพรรคเพื่อไทย ขนาดไหน
และจะดึงแนวร่วมต้านทักษิณ ซึ่งมีหลายเฉด เข้ามารวมกันให้เป็น “เอกภาพ” หรือไม่
ตอนนี้ อยู่ในขั้น “บ่มเพาะ” และ “สะสม” เงื่อนไข ที่ดูเหมือนมีหลายประเด็นเอื้อให้เกิด การ กอดที่ “กลมเกลียว” ของฝ่ายตรงข้ามทักษิณ อยู่มากทีเดียว
แน่นอนหนึ่งในเงื่อนไขที่ร้อนฉ่าอยู่ในตอนนี้ ก็คงเป็นกรณี “ชั้น 14”
ที่แม้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะไม่ได้สวมกอดนายทักษิณโชว์อย่างนายสนธิกอดนายจตุพร
แต่ การที่นายสมศักดิ์ ตัดสินใจวีโต้ มติแพทยสภา กรณีลงโทษ 3 นายแพทย์ที่เกี่ยวพันกับ “ชั้น 14”
ก็เสมือนการโอบกอดนายทักษิณ เอาไว้ในอ้อมแขน ดีๆ นั่นเอง
แน่นอน ย่อมเกิดแรงกระแทกเข้าใส่นายสมศักดิ์ อย่างหนัก ทั้งแรงกระแทกจากฝ่ายกลุ่มแพทย์ที่มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบนายทักษิณ ทั้งฝ่ายมวลชนที่ไม่เอาทักษิณ รวมถึงนายสนธิ นายจตุพร ด้วย
ซึ่งก็ต้องจับตาว่า นายสมศักดิ์ ที่ตัดสินใจกอดนายทักษิณ จะใช้ความเชี่ยวกรำทางการเมือง ที่ไม่เคยตกขบวน “อำนาจ” มาแก้เกมร้อนนี้อย่างไร
โดยเฉพาะในวันที่ 13 มิถุนายน ที่ศาลฎีกานักการเมือง จะเริ่มไต่สวนในกรณีชั้น 14 ซึ่งต้องดู มติแพทยสภา และการวีโต้ของนายสมศักดิ์ จะเป็นประเด็นสำคัญที่เข้าไปมีส่วนในการไต่สวนหรือไม่
ถือเป็นความระทึกใจ ที่ต้องเฝ้ามอง
เฝ้ามอง เช่นเดียวกับ การกอด อีกกอดหนึ่ง
นั่นก็คือ การที่ นายทักษิณ โอบแขนกอด นายอนุทิน ชาญวีรกูล โชว์สื่อ เพื่อแสดงว่า ไม่มีปัญหากับพรรคภูมิใจไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อ “โชว์กอด” ดังกล่าวแล้ว แวดวงการเมืองเชื่อว่า นายทักษิณ พรรคเพื่อไทย นายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย หมดสิ้นแล้วซึ่งความ “ขัดแย้ง” หรือไม่
ดูเหมือนในแวดวงการเมืองจะเทน้ำหนัก ไปในทางไม่เชื่อ มากกว่าเชื่อ
เพราะหลักฉาก การกอดนั้น การฟาดฟันในปมประเด็นร้อนๆ อย่างเรื่อง “ฮั้ว ส.ว.” ก็ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ถึงขนาดมีการร้องเรียนให้ยุบพรรคภูมิใจไทย
ขณะเดียวกันหลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ผ่านสภาในวาระที่ 1 กระแสการปรับคณะรัฐมนตรี ก็เริ่มกระหึ่ม
แน่นอนในความกระหึ่ม มีการพูดถึงการที่พรรคเพื่อไทย อยากจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาดูแล
และนายทักษิณ ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณค่อนข้างชัดแล้ว
อันเท่ากับทุบกล่องดวงใจนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทยโดยตรง
สะท้อนภาพถึงความไม่นิ่งทางการเมือง
ทำให้แม้แกนนำทั้งในและนอกพรรคของเพื่อไทยและภูมิใจไทยจะบอกกล่าวและแสดงออกผ่านท่าทีกลมเกลียว ด้วยการ “กอด”
แต่อีกด้าน มีการโยนหิน หยั่งท่าที กันตลอด
จึงไม่อาจยุติข่าวความขัดแย้งได้
และเสาะหา “อะไร” ที่ซ่อนอยู่ในอ้อมกอด อย่างหวาดระแวงกันและกัน ตลอดเวลา