สถานีคิดเลขที่ 12 : ปรับ ครม.แล้วไงต่อ โดย นฤตย์ เสกธีระ

วันนี้ข่าวคราวการปรับ ครม.เริ่มเข้าเค้า ทั้งเพราะการแสดง “ความอยาก” ของ นายทักษิณ ชินวัตร และการตอบคำถามของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแนวโน้มว่าจะปรับก่อนหน้านี้กระแสข่าวการปรับ ครม.เกิดขึ้นมาตลอด แต่ปฏิกิริยาของ น.ส.แพทองธารนั้น ออกมาปฏิเสธอย่างรวดเร็วฉับไว

กระทั่งการกระจายข่าวปรับ ครม.ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธารเริ่มบอกว่า “ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง” คล้ายกับการส่งสัญญาณให้รับทราบ

ประเมินกันว่าจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นเร็วๆ นี้

และเร็วๆ นี้ดังกล่าวกำลังมาถึง คาดการณ์กันว่าจะเกิดกันในเดือนมิถุนายนนี้หรือไม่ก็กรกฎาคม

ตำแหน่งเบื้องต้นพุ่งไปที่กระทรวงมหาดไทยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส่วนตำแหน่งอื่นๆ อาจจะสลับกันไปมา

ADVERTISMENT

เบื้องต้นมีกระแสข่าวว่ามีข้อเสนอแลกกระทรวงระดับเอในสัดส่วน 1 ต่อ 2

นั่นคือ กระทรวงมหาดไทย 1 กระทรวง แลกกับกระทรวงใหญ่ของพรรคเพื่อไทย 2 กระทรวง

แต่ไม่ทราบว่าจะตอบรับกันขนาดไหนอย่างไรก็ตาม การปรับ ครม.นั้นถือเป็นกลไกการบริหารของ
นายกฯ ที่กฎหมายกำหนดให้ปรับปรุงเพื่อให้การทำงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อเป็นกลไกของนายกฯ จึงให้อำนาจนายกฯ และคำนิยมของคำว่าประสิทธิภาพ หรือไม่มีประสิทธิภาพ ก็คงหนีไม่พ้นนายกฯที่เป็นผู้ประเมินอีกเช่นกัน

สรุปว่าการปรับ ครม.แต่ละครั้งก็หวังว่าจะทำให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้น

แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน แม้จะปรับ ครม.จริง ก็ไม่ทราบว่า ปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศจะคลี่คลายลงไหม

เพราะหลายปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นหลายอย่างเป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

หากไม่แก้ตรงต้นเหตุของปัญหา ปัญหาที่เป็นอยู่ก็จะเป็นปัญหากันต่อไป

แม้จะเปลี่ยนรัฐมนตรี เปลี่ยนสมาชิกวุฒิสภา หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนรัฐบาล แต่ทุกอย่างก็จะติดกับดักต่างๆ ตามกลไกของรัฐธรรมนูญ

หลายปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่า รัฐธรรมนูญมีผลต่อการเมือง และการเมืองก็มีผลต่อประเทศ

เมื่อการเมืองอ่อนแอ รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ การจะไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาสังคมย่อมทำได้ยาก

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม. การเปลี่ยนแปลง ส.ส. การเปลี่ยนแปลง ส.ว. อาจช่วยได้แค่บรรเทาอาการของประเทศ

แต่หากจะแก้ปัญหาใหญ่ของประเทศได้ คงต้องยอมรับว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แม้ปัจจุบันมีกลุ่มคนผู้พยายามโหยหาการปฏิวัติรัฐประหารแต่นับสิบปีที่ผ่านมาก็มีข้อพิสูจน์ในเรื่องรัฐประหาร

เดิมประเทศไทยมีการยึดอำนาจกันมาแล้ว ผลที่ตามมาคือการสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น

เพียงแต่ว่า กลไกของรัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดกฎเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเข้มงวด

ถ้าไม่ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไข หนทางสู่การแก้ไขก็ตีบตัน

การดองการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกดองด้วยบทบัญญัติของกฎหมายประชามติเป็นข้อพิสูจน์ให้แลเห็น

ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกดอง กระบวนการทำลายกันเองของคนในแวดวงการเมืองก็ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง

คนรุ่นใหม่ในวงการการเมืองถูกเขี่ยตกเวที คนรุ่นเก่าก็นำพาประเทศไปไม่ไหว คนที่พอสู้ไหวก็มีศัตรูทางความคิดรอบด้าน ขณะเดียวกันกลิ่นอายปฏิวัติรัฐประหารยังโชยอยู่ตลอดเวลา

ประเทศไทยในปัจจุบันจึงอยู่ในห้วงวิกฤต

เข้าใจว่าการปรับ ครม.คือความพยายามคลี่คลายวิกฤต แต่เมื่อปรับ ครม.แล้ว จะทำอะไรต่อ

หนทางแก้ไขวิกฤตต่างๆ จะขับเคลื่อนไปได้อย่างไรภายใต้ข้อจำกัดที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน

นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]