ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
การเมืองไทย ณ วันนี้ เต็มไปด้วยปัญหา
ด้านหนึ่ง รัฐบาลปัจจุบันที่นำโดยนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” และพรรคเพื่อไทย ก็ยังแสดงบทบาทนำไม่ได้ ในกรณีความขัดแย้งเรื่องเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา
แม้รัฐบาลจะพยายามมุ่งเน้น-ให้ความสำคัญกับกระบวนการเจรจาระหว่างสองประเทศ แต่ก็มักโดนรัฐบาลกัมพูชา “ขี่” อยู่เสมอในกลเกมการเมืองระหว่างประเทศ
แม้รัฐบาลคล้ายจะพยายามนำเสนอทางเลือกของการแก้ปัญหาที่สันติกว่า เป็นพิราบกว่า ขวาจัด-คลั่งชาติน้อยกว่า แต่สารที่ออกไปก็ไม่หนักแน่นเพียงพอ
พูดอีกแบบ คือ ไม่มีผู้นำทางการเมืองคนใดของฝ่ายรัฐบาล ที่สามารถสื่อสารให้สังคมได้รับทราบจุดยืนดังกล่าวอย่างเด่นชัด และมีความเชื่อมั่นกับทางเลือกของรัฐบาล
ผิดกับอารมณ์ความรู้สึกคลั่งชาติตามโซเชียลมีเดียที่หลั่งไหลทะลักล้นจนควบคุมไม่ได้
ผิดกับสารจากกองทัพ ไม่ว่าจะในฐานะ “ผู้ที่รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด” “ผู้ที่หวงแหนแผ่นดินกู” หรือ “นายทหารอาชีพ” ซึ่งตอกย้ำให้สังคมเห็นถึงพันธกิจ (ที่ไม่รอรัฐบาลกำหนดให้) และอุดมการณ์ของฝ่ายตนได้ชัดเจนกว่า
อีกด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล ยังแสดงบทบาทนำแทบไม่ได้เลย ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งทางการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างทางเพื่อไทยกับพรรคอันดับสองอย่างภูมิใจไทย ว่าด้วยเรื่องการปรับ ครม. โดยเฉพาะสิทธิในการครอบครองกระทรวงมหาดไทย
เมื่อแกนนำอย่างเพื่อไทย (รวมถึง “ทักษิณ ชินวัตร”) ประกาศชัดมาโดยต่อเนื่องว่าอยากได้เก้าอี้ มท.1 กลับไปบริหารจัดการเอง ส่วน “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและรมว.มหาดไทย ก็ประกาศกร้าวว่า “ไม่ให้” และถ้าโดนยึดกระทรวงก็พร้อมไปเป็นฝ่ายค้าน
หรือความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งร้าวออกเป็นสองขั้วแน่นอนแล้ว และความแตกแยกระหว่างขั้ว “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” กับขั้วที่นำโดย “สุชาติ ชมกลิ่น” ก็คงส่งผลสะเทือนต่อสถานภาพโดยรวมของรัฐบาลได้เป็นระยะๆ
หากพิจารณาสถานการณ์ทั้งหมด ณ เวลานี้ ทุกคน (ไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือคนไม่รักพรรคเพื่อไทย ศัตรูคู่อาฆาตหรือคู่แข่งขันในสนามการเมืองของเพื่อไทย ตลอดจนประชาชนคนธรรมดาที่แล้งไร้ความหวังทั้งในเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ) ก็ย่อมพอดูออกว่ารัฐบาลไร้เสถียรภาพ และนายกรัฐมนตรีไร้อำนาจนำขนาดไหน
ขณะที่ความเชื่อมั่นของสาธารณชนและผู้มีอำนาจกลุ่มต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีก็เหลือน้อยเต็มที
ขึ้นอยู่กับว่าพรรคเพื่อไทยและนายกฯแพทองธาร จะกอบกู้วิกฤตศรัทธานี้อย่างไร?
หรือเอาเข้าจริง คำถามที่ถูกต้องที่สุดอาจกลายเป็นว่า ยังมีหนทางจะกอบกู้ศรัทธาคืนมาหรือไม่?
ปราปต์ บุนปาน