คอลัมน์ นอกลู่ในทาง : ‘เฟซบุ๊กคอมเมิร์ซ’

ไม่ต้องสงสัยว่าคนไทยเปิดรับเทคโนโลยีแค่ไหน ตอบได้เลยว่า “มาก” หากพิจารณาจากจำนวนคนใช้สารพัดโซเชียลเน็ตเวิร์ก และแอพพลิเคชั่นทั้งหลายทำให้แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในแง่การเข้าถึงคนจำนวนมาก และปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น

พื้นที่โซเชียลในโลกออนไลน์ยังไม่ได้เป็นแค่พื้นที่สันทนาการให้คนติดต่อพบปะหรือแบ่งปันเรื่องราวเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นพื้นที่ค้าขายที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) อีกด้วย

ยักษ์โซเชียลเน็ตเวิร์กโลก “เฟซบุ๊ก” (Facebook) ที่ปัจจุบันมีฐานคนใช้ในประเทศไทยมากกว่า 50 ล้านคน เกินกึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศไปไกลถึงกับระบุว่า ประเทศไทยถือเป็นต้นแบบ “โซเชียลคอมเมิร์ซ” ของโลกเลยทีเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโทรศัพท์มือถือ เพราะ 97% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยเป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟน และ 84% เห็นว่าโทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุด โดยผู้บริโภคชาวไทยใช้โทรศัพท์มือถือเฉลี่ย 4.53 ชั่วโมงต่อวัน และใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉลี่ย 3.06 ชั่วโมงต่อวัน

Advertisement

“โซเชียลคอมเมิร์ซ” หรือการค้าขายบนโซเชียลไม่ว่าจะเป็นบน “เฟซบุ๊ก” หรือ “อินสตาแกรม” (Instagram) จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งหลาย นั่นคือโอกาสในการขายสินค้า และบริการต่างๆ แบบไร้พรมแดน

“ชวดี วงศ์พยัต” หัวหน้าฝ่ายธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม เฟซบุ๊ก ประจำประเทศไทย ย้ำว่า พันธกิจของเฟซบุ๊กชัดเจนว่าจะทำหน้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นและส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ให้สามารถเติบโตได้ในยุคดิจิทัล

Advertisement

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในประเทศไทยมากกว่า 52 ล้านคนต่อเดือน และกว่า 36 ล้านคนต่อวัน โดย 98% ของจำนวนผู้ใช้งานเฟซบุ๊กยังใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือ

Facebook IQ ศูนย์วิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งเป็นหน่วยงานภายในของเฟซบุ๊กได้ทำการสำรวจผู้บริโภคที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,500 คน ระหว่างวันที่ 16 ต.ค.-31 ธ.ค.2561 เกี่ยวกับพฤติกรรมในการช้อปปิ้งในช่วงเทศกาล รวมถึงทัศนคติต่อเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม พบว่า 39% เป็น Mobile First Shopper หรือช้อปปิ้งผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก ขณะที่ 30% ยังซื้อของผ่านหน้าร้าน

ปี 2018 การช้อปปิ้งผ่านโทรศัพท์มือถือถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยมีเติบโตโดยเฉลี่ยมากกว่า 20% ต่อปี จาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ การซื้อของผ่านโทรศัพท์มือถือง่ายกว่าในอดีต (67%) สะดวกกว่าไปซื้อที่ร้าน (55%) และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อผ่านโทรศัพท์มือถือมากขึ้น (44%)

ในมุมของนักช้อปชาวไทยในช่วงเทศกาล การค้นหาสินค้าจะเกิดขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยเหตุผลในเรื่องการรับข้อมูลและเลือกซื้อได้อย่างสะดวกสบาย

โดยในช่วงเทศกาลที่ผ่านมา คนไทย 2 ใน 5 คน เป็นนักช้อปที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์หลัก และ 60% ของคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเมลเนลเนียล (อายุ 18-37 ปี)

42% เห็นว่าถ้าไม่ใช้โทรศัพท์มือถือคงไม่สามารถช้อปปิ้งตามที่ตั้งใจไว้สำเร็จ

และ 2 ใน 3 คน คิดว่าการช้อปปิ้งในช่วงเทศกาลทำได้ง่ายขึ้น

55% เห็นว่าการช้อปผ่านโทรศัพท์มือถือสะดวกกว่าไปซื้อที่หน้าร้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล

72% ของนักช้อปไทยที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์หลักบอกว่าสนใจซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แล้วค่อยไปรับสินค้าที่หน้าร้าน ทั้งระบุด้วยว่า “เฟซบุ๊ก” และ “อินสตาแกรม” มีผลต่อการช้อปปิ้งในช่วงเทศกาล 91% และ 70% ตามลำดับ

“ชวดี” ย้ำว่าโทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญกับการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันอย่างมาก บางคนจึงมีมากกว่า 1 เครื่อง อีกทั้งยังอยู่ในทุกกระบวนการในการตัดสินใจซื้อสินค้า ตั้งแต่การค้นพบ/ค้นหา และพิจารณา

ในฟากของผู้ประกอบการหรือคนขายของ “ผู้บริหาร” เฟซบุ๊กระบุว่า ธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือบรรดาธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทยกำลังเติบโตอยู่บนเฟซบุ๊ก โดยหลายธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล และสร้างประโยชน์จากการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เฟซบุ๊กมีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ ตั้งแต่การค้นหาสินค้า การสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า เรื่อยไปจนถึงการชำระเงิน

อย่างไรก็ตาม “เฟซบุ๊ก” ยังค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่าธุรกิจเอสเอ็มอีในไทยที่อยู่บนเฟซบุ๊ก มีมากถึง 4 ใน 5 ราย ที่เริ่มต้นธุรกิจจากเฟซบุ๊ก

87% ยังบอกว่า สร้างธุรกิจให้เติบโตได้จากการใช้เฟซบุ๊ก

73% กล่าวว่าธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น

93% เห็นว่าแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ และ 89% ช่วยในการติดต่อกับลูกค้า

83% เห็นว่าช่วยสร้างโอกาสเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญต่อชุมชนท้องถิ่น

“ไทย เป็นประเทศที่มีความสำคัญกับเฟซบุ๊กอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากมีการเติบโตในทุกภาคส่วนแล้วต้องบอกว่าเอสเอ็มอีไทย มีสปิริตของการเป็นผู้ประกอบการสูงมาก มีความเป็นนักสู้ เพราะไม่ใช่ทุกธุรกิจจะสำเร็จ หรือทุกธุรกิจจะล้มเหลว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังหาอะไรใหม่ๆ มาทำต่อได้ทำให้สามารถรักษาระดับของการเติบโตที่ดีเอาไว้ได้”

ปัจจุบัน “เฟซบุ๊ก” มีแพลตฟอร์มสำหรับลูกค้าธุรกิจ (Business Platfoem) มีจุดเด่นเรื่องการใช้งานง่าย แค่กดไม่กี่คลิกก็สามารถปิดการขายได้ทันที ทั้งมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น “ไดนามิกแอด” (Dynamic Ad) ที่สร้างโฆษณาอัตโนมัติไปให้ลูกค้าตามความสนใจของแต่ละคนได้

ผู้บริหาร “เฟซบุ๊ก” บอกว่า โปรดักส์ทีมของเฟซบุ๊กบินมาศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยเพื่อนำไปพัฒนาโปรดักส์ที่เหมาะสม และได้เรียนรู้หลายสิ่งจากเอสเอ็มอีไทย เมื่อทำออกมาแล้วจึงไม่ได้ใช้แค่ในประเทศไทยเท่านั้นแต่ยังสามารถนำไปใช้กับประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ด้วย

“เอสเอ็มอีไทย” จึงถือได้ว่า เป็นผู้บุกเบิก “โซเชียลคอมเมิร์ซ” ของโลกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image