คอลัมน์ เดินไปในเงาฝัน : ตามแต่จักรยานปรารถนา

ทุกๆ ครั้งเมื่อหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรก็ตาม ผมมักจะพบความบาง
ท่อนในหนังสือที่มีอยู่หลายร้อยหน้าตกกระทบความรู้สึกของเราอย่างจัง

ทั้งๆ อาจมีเพียงบรรทัดเดียว
หรือพารากราฟเดียว
แต่ก็ทำให้เราฉุกคิด
ทบทวนตัวเอง

เพื่ออยากกลับมาบริหารจัดการชีวิตของตัวเองใหม่ เพราะบางครั้งเราหลงเพลิดเพลินไปกับอะไรบางอย่าง เสียจนทำให้เราละเลยเรื่องของตัวเอง

โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ

Advertisement

ไม่นานผ่านมา, ผมมีโอกาสอ่านหนังสือเรื่อง “A Bike Ride” หรือ “ความฝันไม่มีวันหมดอายุ” ซึ่งมี “แอน มุสโต” เป็นผู้เขียน ส่วนผู้แปลคือ “วิทยา ทองสุข”

อ่านแล้วรู้สึกชอบ

อ่านแล้วรู้สึกว่า “แอน มุสโต” แม้จะเป็นผู้หญิงวัยกลางคน อายุประมาณ 54 ปี (ขณะนั้น) ทั้งยังมีรูปร่างค่อนข้างท้วม เดิมทีเธอมีอาชีพเป็นครูใหญ่ที่เมืองซัฟโฟล์ก ประเทศอังกฤษ

Advertisement

แต่หลังจากเธอไปเที่ยวอินเดียกับเพื่อนๆ 3-4 คน และมีโอกาสมองเห็นชายหนุ่มชาวยุโรปไกลๆ คนหนึ่งขี่จักรยานท่องเที่ยวข้ามผ่านทะเลทรายเกรททาร์ รัฐราชสถานเพียงลำพัง

“แอน มุสโต” คิดในใจเดี๋ยวนั้นว่า…ฉันอยากสัมผัสชีวิตอิสระแบบนี้บ้าง อยากเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกแบบนี้บ้าง ซึ่งคงจะดีถ้าฉันทำได้

ดังนั้น พอหลังจากเธอกลับประเทศอังกฤษ ความฝันในใจจึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ เธอค่อยๆ เริ่มฟิตร่างกาย ค่อยๆ หาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ที่เธอชื่นชอบ

เพราะเธอคิดว่าหากจะขี่จักรยานรอบโลกจริงๆ เธอจะต้องขี่ไปตามเส้นทางสายประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ช่วงการล่าอาณานิคมของอังกฤษ อีกทั้งประวัติศาสตร์ช่วงของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช และประวัติศาสตร์ช่วงของกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุล

เพื่อมุ่งเดินทางจากอารยธรรมตะวันตกสู่อารยธรรมตะวันออก

ก่อนที่จะข้ามฝากไปยังเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อต่อเครื่องบินไปยังเมืองดับลิน จากนั้นจึงค่อยต่อเรือข้ามทะเลไปยังเมืองโฮลีเฮด เพื่อขี่จักรยานต่อไปยังถนนวอลติ้งสตรีท ซึ่งอยู่ตอนเหนือใกล้ๆ กับเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

โดยมีระยะทางรวมทั้งสิ้นประมาณ 12,000 ไมล์

“แอน มุสโต” วางแผนการเดินทางคร่าวๆ อย่างนี้ แต่กระนั้น เมื่อเธอตัดสินใจลาออกจากครูใหญ่ และตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นอื่นๆ กอปรกับการรวบรวมเงินค่าเช่าบ้านจากผู้เช่า เพื่อใช้สำหรับการเดินทาง เพี่อนสนิทของเธอที่ทราบข่าวจึงต่างพากันช่วยเหลือ เพื่อให้เธอทำความฝันให้กลายเป็นความจริง

ขณะที่เพื่อนอีกคนหนึ่งถึงขนาดออกแบบ และผลิตจักรยานเพื่อให้เหมาะสมกับรูปร่างของเธอโดยเฉพาะ

ในหนังสือเล่มนี้มีความท่อนหนึ่งที่ “แอน มุสโต” เขียนเล่าบอกว่า…ฉันเกลียดการตั้งแคมป์ และปิกนิก ชอบแต่ความสะดวกสบาย พูดง่ายๆ ว่าฉันไม่มีคุณสมบัติของนักปั่นจักรยานเอาเสียเลย แต่กระนั้น ฉันก็ชอบท่องเที่ยวแบบเจาะลึก ชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ดังนั้น ถ้าฉันจะขี่จักรยานไปรอบโลกจริงๆ ฉันจะต้องกำหนดเส้นทางที่ฉันเลือกเอง

ซึ่งก็เป็นไปตามเส้นทางที่เธอวางแผนทุกประการ

กระทั่ง 1 ปีกว่าผ่านไป

“แอน มุสโต” จึงกลับมายังจุดสตาร์ตที่เมืองซัฟโฟล์ก ประเทศอังกฤษอีกครั้ง

โดยมีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง รวมถึงเพื่อนสนิทมากมายต่างดีใจไปกับความสำเร็จของเธอ ไม่เท่านั้น เธอยังนำประสบการณ์การเดินทางมาเขียนเป็นหนังสือเรื่อง “A Bike Ride” หรือ “ความฝันไม่มีวันหมดอายุ” ด้วย

ซึ่งก็คือหนังสือเล่มเดียวกันกับที่ผมอ่านนั่นเอง

เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าผมได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ ?

คำตอบง่ายๆ คือแรงบันดาลใจ

ส่วนที่เหลือคือการดำเนินการตามความฝัน แม้ความฝันของผมกับเธอจะต่างกัน เพราะผมไม่เคยคิดจะขี่จักรยานรอบโลกเหมือนกับเธอ เพราะผมแค่อยากขี่จักรยานออกกำลังกายเท่านั้น

เพราะตอนนี้จักรยานมาจอดแน่นิ่งรออยู่หลังโต๊ะทำงานนานแล้ว

เหลือแค่ใจตัวเอง

กายตัวเอง

และความพร้อมในการบริหารจัดการชีวิต

เพราะไม่กี่วันจะปีใหม่แล้ว

ผมคงไม่เลือกฝันอะไรให้ไกลตัว ขอแค่ในปี 2562 คงน่าจะทำให้ตัวเองมีโอกาสสัมผัสชีวิตอิสระบนหลังอานกับเขาบ้าง

แม้จะใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ก็ตาม

ผมขอแค่นี้จริงๆ

สวัสดีปีใหม่แฟนานุแฟนทุกท่านนะครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image