คอลัมน์ แดดเดียว : 24 มี.ค.ไม่ใช่หมูๆ

ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีก่อนโน้น คนที่ทำรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทยของรัฐบาลทักษิณ ในตอนนั้นคงมั่นใจสุดสุด ว่าสิ่งที่เรียกกันว่า “ระบอบทักษิณ” คงจะจบเห่ เป็นอันปิดฝาโลง ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นอย่างแน่นอน

เสี่ยแม้วคงจะกลายเป็นมหาเศรษฐีที่ต้องไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่ต่างแดน มีเงินมหาศาลแต่ไม่มีความสุข ไปไหนมาไหนไม่ได้ เพราะหนีคดีจากไทยไป ก็เหมือนไปติดคุกนอกประเทศ

ชีวิตโดดเดี่ยวอ้างว้าง ตามแนวทางที่ฝ่ายต่อต้านเขาย้ำว่า จะต้องไม่ให้มีแผ่นดินอยู่

เครือข่าย พรรคการเมือง ที่ทักษิณตั้งขึ้นมาคงล่มสลาย นโยบายต่างๆ ที่เริ่มๆ เอาไว้ ต้องรื้อหมด เรียกว่าหมดอนาคตการเมืองไปตามๆ กัน อาจจะต้องไปขุดรูอยู่ตามชายขอบป่าอุทยาน หรือหนีไปอยู่เกาะไกลๆ

Advertisement

ส่วนพรรคคู่แข่งอาจกระหยิ่มยิ้มย่อง ฉลองแล้วฉลองอีก ที่ได้กำจัดศัตรูตัวแสบ ที่บังอาจมาขวางทางเดินของบรรดานักการเมืองผู้ยึดมั่นในระบบรัฐสภา

หนทางการเมืองจากนี้ไปของพวกข้าพเจ้าจะไร้เสี้ยนหนาม อุปสรรค ทัศนวิสัยเปิดกว้าง ทางโล่งสู่ทำเนียบและสภาเห็นๆ

เหล่านั้นคือตัวอย่างของความมโน ของผู้ที่คิดว่าตัวเองได้ประโยชน์จากรัฐประหารในเวลานั้น

Advertisement

เรียกว่าบรรเจิดและฟรุ้งฟริ้ง มองเห็นแต่สายรุ้งและด้านสวยงามของผลที่จะตามมา

ส่วนประชาชนคนทั่วไป ติดตามข่าวสาร ซึ่งกระแสในตอนนั้น ประโคมความชั่วร้ายฉ้อฉลของผู้นำที่ถูกโค่นจนชาวบ้านหลงเชื่อไปก็มาก

คงจำกันได้ว่า มีคนนำดอกไม้ ขนมนมเนย ไปมอบให้ทหารที่ไปเอารถถังมาตั้งตามจุดต่างๆ ใน กทม.

บ้างก็มาขอถ่ายรูป บางคนมีเงินเหลือใช้ก็นำเอาโคโยตี้มาเต้นบำรุงขวัญทหาร ก่อนจะโดนเบรกไปตามระเบียบ

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จาก 1 เป็น 2 ปี จนบัดนี้เวลาผ่านไป 13 ปี

ผลของการรัฐประหาร 2549 ไม่ใช่แค่ไม่เป็นไปตามที่วาดหวัง แต่ยังลุกลาม จนกลายเป็นวิกฤตเรื้อรัง สร้างรอยร้าวขึ้นในสังคมประเทศ

ส่วนใครจะบอกว่า บ้านเมืองเจริญก้าวหน้ามาเป็นลำดับก็เชิญตามสะดวกเทอญ พ่อเจ้าประคุณ

ไม่เป็นไปตามวาดหวังยังไงหรือโยม ดูง่ายๆ จากเสี่ยแม้วไปเคลื่อนไหวฟู่ฟ่าในต่างประเทศ จะบินไปไหนมาไหนก็ได้อย่างอิสระเสรี

เรียกว่าไปได้หมดทุกที่แล้วแต่ใจปรารถนา ยกเว้นไทยแลนด์

“คำว่าปฏิวัติ 2549 ‘เสียของ’ เริ่มสะพัด
และคงจะหลอนในโสตประสาท
และประสาทต่างๆ ของคนที่คิดฝันไว้อีกทาง”

ก็แน่นอนว่า คนที่กลับบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองไม่ได้ก็ย่อมจะต้องเป็นทุกข์หนัก และอยากกลับบ้าน

ในความฟู่ฟ่า เสี่ยแม้วมีทุกข์แน่ แต่คนที่่อยากให้เสี่ยแม้วเป็นทุกข์หนักๆ ก็ไม่สมความประสงค์สักเท่าไหร่ และน่าจะเป็นทุกข์อยู่พอสมควรเหมือนกัน

ที่่หนักกว่านั้น พรรคในเครือข่ายยังกลับมาชนะเลือกตั้งในปี 2550 ทำเอาสายต้านแม้ว แทบกระอักโลหิต

เกิดขบวนการต่อต้าน จนกระทั่ง นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน อันเป็นไทยรักไทยภาค 2 ซึ่งได้เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งปลายปี 2550 ต้องหลุดจากเก้าอี้ไปอย่างเจ็บช้ำ เพราะไปรับจ้างทำกับข้าวออกทีวี

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นแทน ก็ไม่ได้เข้าไปนั่งทำเนียบตามธรรมเนียมของคนเป็นนายกฯ เพราะกลุ่มม็อบเข้าไปยึดเอาไว้

นั่นคือเหตุการณ์ในปี 2551 ซึ่งต่อมากลายเป็นคดี และศาลฎีกาเพิ่งตัดสินไปเมื่อสองสามวันก่อน ลงโทษจำคุก 6 แกนนำพันธมิตร คนละ 8 เดือนนั่นเอง

คำว่าปฏิวัติ 2549 “เสียของ” เริ่มสะพัด และคงจะหลอนในโสตประสาท และประสาทต่างๆ ของคนที่คิดฝันไว้อีกทาง

นายสมชายนั่งเป็นนายกฯอยู่ไม่นาน นำ ครม.ไปประชุมตรงนั้นตรงนี้ เรียกว่าสัญจรโดยไม่ได้ตั้งใจ สุดท้าย พรรคพลังประชาชนโดนยุบอีก นายสมชายกับคณะกรรมการบริหารพรรค โดนเว้นวรรค

เกิดรายการพลิกขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกฯ สมใจกองเชียร์

จากปี 2551-2552 ที่เสี่ยมาร์คเป็นนายกฯ คงยังจำได้ว่านำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดที่มีประชาชนคนไทยตายมากที่สุด ในปี 2552 แต่หนักสุดในปี 2553 มีคนตาย 99-100 ศพ บาดเจ็บ 2 พันคน

ในอดีตเรามีการเข่นฆ่าประชาชนมาเรื่อยๆ 14 ตุลาฯ 2516 มาจนกระทั่ง 17-25 พ.ค.2535 หรือพฤษภาทมิฬ

แต่ไม่เคยมีการบันทึกเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียดลออเหมือนครั้ง 2554 ด้วยฝีมือนักช่าว ช่างภาพ ทั้งไทยและต่างประเทศ

คลิปภาพที่แพร่กระจาย ทำให้การบิดเบือนเรื่องราว ที่จะให้เป็นเรื่องของ “ชายชุดดำ” หรือการใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

แต่มีผลอยู่บ้าง ต่อความพยายามที่จะทำให้ “รัฐ” ซึ่งต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ต้องพ้นความรับผิด

หลังจากสลายม็อบ 2553 ตามมาด้วยการเลือกตั้ง 2554 ที่พรรคเพื่อไทยชนะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกฯ

คะแนนนิยมของ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ธรรมดา แต่ในฝั่งต่อต้าน ฉวยจังหวะที่เป็นคนตอบโต้ไม่เก่ง สร้างวาทกรรมกล่าวหา

สุดท้ายไปพลาดท่ากับ กม.นิรโทษกรรม ที่ กปปส. จุดชนวนแล้วจุดติด ต้องยุบสภา ก่อนไปตกเก้าอี้รักษาการนายกฯด้วยเรื่องโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี”

แต่รัฐบาลเพื่อไทยก็ตีไม่ตาย ไม่สิ้นสภาพง่ายๆ มีนายกฯรักษาการแทนยิ่งลักษณ์ต่อมา ฝ่ายต่อต้านเพิ่มแรงบีบ แต่ไม่ได้ผล จนทำให้ทหารต้องก้าวเข้ามาทำรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 แล้วอยู่มาจนบัดนี้ 5 ปี

จะเลือกตั้งกันในวันที่ 24 มี.ค.2562 นี้แล้ว

จะเห็นว่า ไม่ใช่การเลือกตั้งธรรมดา แต่เป็นการเลือกตั้งที่มีรากฐานมาจากเหตุการณ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน

จึงเป็น “งานยาก” ของทุกพรรค ที่ลงแข่งขันเที่ยวนี้

แม้แต่ “บิ๊กตู่” ที่ตุนไว้แล้ว 250 เสียง แต่ 24 มี.ค.นี้ ก็ไม่ใช่ “หมู” อยู่ดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image