ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ไฟใต้อาจมอดได้ด้วยลู่ทางหนึ่งซึ่งอ่อนนุ่ม คือสร้างความเข้าใจร่วมกัน (โดยไม่เสกสรรปั้นแต่ง) ตามหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดี แต่ไฟใต้ไม่มีวันดับด้วยกองทัพรัฐทหาร
มลายู เป็นคนพื้นเมืองดั้งเดิมของอุษาคเนย์หลายพันปีมาแล้ว ชำนาญการเกี่ยวกับท่องทะเลสมุทร มีหลักแหล่งทั้งหมู่เกาะและภาคพื้นทวีป กระจายตามพื้นที่ใกล้ทะเล รวมทั้งในไทย
ตั้งแต่รอบอ่าวไทยตลอดคาบสมุทร มีคนพูดภาษามลายูตั้งหลักแหล่งหนาแน่นก่อนมีคนพูดภาษาไทย (ในตระกูลไต-ไท)
เมื่อคนพูดภาษาไทยเป็นพระเจ้าแผ่นดินอยุธยา จึงมีอาสาจาม (พูดภาษามลายู) เป็นใหญ่ในราชสำนัก พบในกฎมณเฑียรบาล (เท่ากับกลายตนเป็นไทย ด้วยการพูดภาษาไทยและอยู่ในวัฒนธรรมไทย) ดูแลกิจกรรมทางน้ำ เช่น การเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค
แต่ประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย เสกสรรปั้นแต่งสุโขทัยมีอำนาจกว้างขวางเหนือคาบสมุทรแหลมมลายู (รวมรัฐปัตตานี) ซึ่งไม่เป็นจริงตามหลักฐานโบราณคดี
“มากจนเกินความจริง” พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิของกรมศิลปากร บอกเกี่ยวกับเรื่องอาณาเขตกรุงสุโขทัยไว้ในหนังสือ สุโขทัยเมืองพระร่วง กรมศิลปากร พิมพ์ครั้งที่สอง พ.ศ. 2562 ดังนี้
“การเป็นกษัตริย์นักรบของพ่อขุนรามคำแหง ทำให้เกิดการตีความทางประวัติศาสตร์ถึงอาณาเขตการปกครองของแคว้นสุโขทัยออกไปกว้างไกลอย่างมาก มากจนเกินความจริง เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับสภาวการณ์ทางสังคมการเมืองการปกครองของแคว้นสุโขทัยสมัยนั้น” [หน้า 30]
แต่ในความเป็นจริง จารึกสุโขทัยหลักที่ 1 เป็นหลักฐานแสดง “เครือข่ายความสัมพันธ์ของสุโขทัยในสมัยพ่อขุนรามคำแหงที่มีต่อบ้านเมืองรอบด้าน” เช่น ทิศใต้มีความสัมพันธ์กับดินแดนสุพรรณภูมิ ถึงนครศรีธรรมราช (ไม่ใช่แผ่อำนาจลงไป)
กรุงสุโขทัยไม่เคยมีอำนาจเหนือมลายู และไทยไม่ใช่เจ้าของดินแดนมลายู แต่เพิ่งยกทัพไปชิงจากมลายูมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ดั้งนั้นไทยจึงไม่ได้เสียดินแดนมลายูตามที่ชอบยกเมฆ เรื่องนี้มีงานวิจัยทางวิชาการ อยู่ในหนังสือ เสียดินแดนมลายู ประวัติศาสตร์ชาติ ฉบับ Plot Twist ของ ฐนพงศ์ ลือขจรชัย สำนักพิมพ์มติชน
กรมศิลปากร ควรแบ่งปันข้อมูลหลักฐานทางโบราณคดีที่เป็นจริงให้เป็นที่รับรู้ทั่วกัน จะได้ไม่ใช้ความเข้าใจผิดไปข่มเหงรังแกกัน
สถาบันการศึกษาที่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณคดี ต้องกระตือรือร้น “ทำความจริงให้ปรากฏ” ตามหลักฐานโบราณคดี
“ถ้าท่านไม่เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา” (จำจากคนอื่นที่ได้มาอีกทอดหนึ่งจากฝรั่ง)