ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
เผยแพร่ |
ยุคสมัยปัจจุบันสายอาชีวะกำลังเป็นที่ต้องการ เพราะสายวิชาการนั้นมีบุคลากรล้นเหลือ
ทุกปีมักได้ยินคำว่าบัณฑิตตกงาน แต่ขณะเดียวกันบรรดาผู้ประกอบการก็บอกว่าขาดคน
ขยายความคำว่าขาดคน คือขาดคนที่มีฝีมือตรงกับงาน
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2554 นั้นน่าจะเป็นตัวช่วยได้ดีในยุคนี้
วันก่อน พิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการสถาบันแห่งนี้เชิญชวนสื่อมวลชนไปฟังผลการดำเนินงาน
มีผู้บริหารของสถาบันมากันพร้อมเพรียง ทั้ง นายนพดล ปิยะตระภูมิ น.ส.วรชนาธิป จันทนู น.ส.จุลลดา มีจุล รองผู้อำนวยการสถาบัน
ระดับผู้อำนวยการสำนัก มี นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ นายรณรงค์ ช้างแก้วมณี น.ส.วยากรณ์ งามจรรยาภรณ์
บรรยากาศการพบปะเข้มข้นขยับจากการแถลงผลงานกลายเป็นการสัมมนา
ยิ่งฟังก็ยิ่งน่าสนใจ
สรุปความได้ว่า คุณวุฒิวิชาชีพของไทยที่กำหนดไว้มีเฉพาะ แพทย์ วิศวะ กฎหมาย บัญชี ฯลฯ ยังไม่เพียงพอ
แรงงานไทยมีจำนวน 37 ล้านคน ในจำนวนนี้มีจำนวนมากที่มีฝีมือ แต่ขาดใบรับรองความสามารถ
ปัจจุบันมีแรงงานไทยที่ได้คุณวุฒิทางการศึกษา 12 ล้านคน
ที่เหลือจบประถมศึกษา มัธยมศึกษา ไม่ได้มีใบรับรองทางอาชีพ
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพที่ตั้งขึ้นมาจะเข้ามารับภารกิจตรวจทานและออกใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพให้
จากวันที่ตั้งจนถึงวันนี้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ 54 กลุ่มวิชาชีพ
ใน 54 กลุ่มวิชาชีพได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพของแต่ละกลุ่ม
รวมแล้วมี 700 อาชีพ
ระดับมาตรฐานของแต่ละกลุ่มวิชาชีพอาชีพที่กำหนดไว้แบ่งออกเป็น 8 ระดับ
ระดับ 1 สมรรถนะขั้นพื้นฐาน ระดับ 2 สมรรถนะฝีมือในงานอาชีพ
ระดับ 3 สมรรถนะทางเทคนิคในการประยุกต์หลักการ ระดับ 4 สมรรถนะทางเทคนิคครอบคลุมงานอาชีพ
ระดับ 5 สมรรถนะทางเทคนิคและการจัดการ ระดับ 6 สมรรถนะในการจัดการและวางแผน
ระดับ 7 สมรรถนะในการบริหารนโยบาย และระดับ 8 สมรรถนะในการสร้างสรรค์องค์ความรู้หรือนวัตกรรมใหม่
รายละเอียดของแต่ละระดับต้องเปิดเข้าไปดูในเว็บไซต์ www.tpqi.go.th หรือเฟซบุ๊กชื่อ “สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ”
ทั้งนี้ ทางสถาบันมีตัวแทนทั่วประเทศ ทำหน้าที่ทดสอบมาตรฐาน เพื่อออกใบประกาศรับรอง
ใบประกาศมีอายุ 3 ปี จากนั้นต้องกลับมาทดสอบมาตรฐานอีกรอบ
สำหรับใครที่สนใจได้ใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ เบื้องต้นเข้าไปในเว็บไซต์แล้วค้นหาวิชาชีพ
ค้นหามาตรฐานวิชาชีพ ค้นหาหน่วยสอบมาตรฐานวิชาชีพ
แล้วลองกลับมาดูตัวเองว่า มีความสามารถด้านใด หากพร้อมก็ไปลองเข้าไปทดสอบ เพื่อให้ทางสถาบันวัดผล
ถ้าผ่านการทดสอบจะได้ใบรับรองมาตรฐาน
ใบรับรองนี้สามารถช่วยเสริมความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
ช่วยให้มั่นใจในตัวเราในฐานะผู้ไปสมัครงาน
นายจ้างสามารถเปิดดูว่าผู้สมัครงานมีความสามารถด้านใดบ้าง จากใบรับรองที่ออกโดยสถาบัน
เช่นเดียวกับ คนไทยที่จะไปทำงานในต่างประเทศ
ใบรับรองนี้จะเป็นเครื่องรับประกันให้นายจ้างในต่างแดนเชื่อมั่น เพราะมีหน่วยงานทางการของรัฐบาลไทยรับประกัน
ขณะที่ใครประกอบกิจการเอง ใบรับรองจากสถาบันจะเป็นเครื่องรับประกันคุณภาพ
รับรองในความรู้ รับประกันในฝีมือ และรวมไปถึงจริยธรรม
ใครมีคุณสมบัติครบถ้วนตามนี้ ถือได้ว่าเป็นมืออาชีพในวิชาชีพนั้น
อาชีพที่จัดทำมาตรฐานเอาไว้ มีอาทิ สาขาวิชาชีพก่อสร้าง สาขาวิชาชีพการกีฬา
สาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร สาขาวิชาชีพการบิน
สาขาวิชาชีพขนส่งชุมชน สาขาวิชาชีพโลจิสติกส์ สาขาวิชาชีพรถไฟความเร็วสูงและระบบราง
สาขาวิชาชีพการทำความสะอาด สาขาวิชาชีพความปลอดภัย เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อสถาบันรับหน้าที่ทดสอบและออกใบประกาศรับรอง
ใครที่ได้รับใบประกาศย่อมหมายถึงคำรับรองในความเป็นมืออาชีพ
รับรองความเป็นมืออาชีพ
ใครต้องการได้ใบรับรองสามารถใช้บริการของสถาบันแห่งนี้ได้
ผู้บริหารของสถาบันยินดีผลักดัน หากมีความสามารถถึง
จะมีข้อแม้ก็เพียงว่า ใครที่ได้ใบรับรองไปแล้ว แต่มาตรฐานตก
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพสงวนสิทธิ์ขอใบรับรองคืน
ฟังๆ ดูแล้ว ถ้าประเทศไทยเปลี่ยนทัศนคติจากเดิมที่นิยมส่งลูกหลานให้เรียนสูงๆ เพื่อเป็นเจ้าคนนายคน
หันมาเน้นฝึกฝนฝีมือทางอาชีวะ เน้นทำงานอย่างมืออาชีพ
อีกไม่นานประเทศจะเปลี่ยน
แท็กซี่ที่ไม่รับผู้โดยสารจะหดหาย เพราะไม่เป็นมืออาชีพ ช่างก่อสร้างที่ทิ้งงานจะอยู่ลำบาก เพราะไม่เป็นมืออาชีพ
ขณะที่ประเทศชาติจะมีนวัตกรรมมากขึ้น เพราะมืออาชีพดำรงอยู่ได้ด้วยไอเดียสร้างสรรค์
สร้างสรรค์ผลงานในอาชีพ
หาก 700 อาชีพสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองออกมาทุกวันเดือนปี
ไทยก็จะมีนวัตกรรมใหม่ทุกวันเดือนปี
เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของกำลังแรงงานสร้างสรรค์และมีนวัตกรรม
ความฝันที่ไทยอยากก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ก็ขยับเข้าใกล้ความจริงได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน