ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
กว๊านพะเยา เป็นงานสร้างสรรค์ดัดแปลงธรรมชาติของมนุษย์ด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้า (ในสมัยนั้น) สร้างประตูกั้นน้ำแม่อิงและหนองน้ำน้อยใหญ่หลายแห่งรวมกัน ทำให้ได้แหล่งน้ำกว้างใหญ่เมื่อ พ.ศ.2484
ปัจจุบันกว๊านพะเยาเป็นแหล่งน้ำที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ [รองจากหนองหาน จ.สกลนคร และบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์]
ดั้งเดิมก่อน พ.ศ.2484 กว๊านพะเยาไม่เป็นกว๊าน แต่เป็นที่ลุ่มต่ำ มีหนองบึงหลายแห่งในหุบเขาอยู่ริมน้ำแม่อิง เช่น หนองเอี้ยง มีลำรางทางน้ำไหลหลายสายเชื่อมต่อถึงกัน [เพราะยังไม่มีประตูน้ำกั้นน้ำแม่อิง ทำให้น้ำไม่ถูกกักเก็บท่วมท้นอย่างที่เป็นทุกวันนี้]
พื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำแม่อิง เป็นบริเวณลาดเอียงนอกเมืองพะเยา [ด้านทิศตะวันตก] ซึ่งมีคูน้ำคันดินอยู่บนเนินด้านทิศตะวันอก [ทุกวันนี้คือตัวตลาด อ.เมืองพะเยา]
ชุมชนนอกเมืองที่ลุ่มต่ำ ริมน้ำแม่อิงและหนองบึง มีวัดเป็นศูนย์กลางราว 20 วัด [ทุกวันนี้จมอยู่ใต้น้ำกว๊านพะเยา] ส่วนวัดสำคัญพบชื่อในจารึก 2 วัด ได้แก่ วัดโลกติลกสังฆาราม กับวัดติโลกอาราม [ที่เป็นจุดขายการท่องเที่ยวทุกวันนี้]
กว๊านพะเยา จ.พะเยา เป็นจุดขายการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์เชิงวัฒนธรรม อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ
แต่ผู้เกี่ยวข้องท่องเที่ยวพะเยา ดูเหมือนจะเน้นขายธรรมชาติของกว๊านพะเยา กับความศักดิ์สิทธิ์วัดร้างใต้น้ำ (วัดเดียว) แล้วมองข้ามข้อมูลความรู้อื่นๆ โดยเฉพาะชุมชนโบราณขนาดใหญ่กับวัดวาอารามนับสิบวัดอยู่ใต้กว๊านพะเยา และประวัติกว๊านพะเยาซึ่งเป็นประวัติศาสตร์สังคมและวัฒนธรรมของเมืองพะเยาอย่างแท้จริง
ล้วนสอดคล้องความเป็นไทยเอาแต่ได้เฉพาะหน้าแค่นั้น