ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ธุรกิจต้องมุ่งเน้นสร้างจุดยืน แทนสร้างแบรนด์และผลกำไร นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต. กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม [อว.] แนะภาคธุรกิจในอนาคต
“เปลี่ยนจากธุรกิจที่มุ่งเน้นสร้างแบรนด์และผลกำไร เป็นการสร้างจุดยืนและเป้าประสงค์ของธุรกิจ
เพราะหลังจากนี้สังคมจะไม่สนใจแค่แบรนด์ แต่จะถามว่าจุดยืนและเป้าประสงค์ของธุรกิจของคุณที่มีต่อสังคมและโลกคืออะไร”
หลายศตวรรษที่ผ่านมา โลกเรามุ่งเน้นสู่ความทันสมัยโดยยึดติดความเป็นตัวตนด้วยสำนึก “สังคมของฉัน” แต่ตอนนี้ต้องปรับสู่ความยั่งยืนเติบโตอย่างสมดุลโดยเปลี่ยนเป็น “สังคมของเรา”
[มติชน ฉบับวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2562 หน้า 7]
แต่นโยบายรัฐบาลเองนั่นแหละสนับสนุนสร้างแบรนด์และผลกำไรสุดๆ ด้วยสำนึก “สังคมของกู” โดยให้ความสำคัญอีอีซี (พื้นที่ชายฝั่งทางภาคตะวันออกของอ่าวไทย) มากกว่าชีวิตประชาชน
ส่งผลให้ธุรกิจมั่งคั่งสร้างแบรนด์และผลกำไรโดยไม่สนใจจุดยืนเพื่อสังคมเติบโตอย่างสมดุล จึงไม่แบ่งปันหลักฐานข้อมูล [พบใหม่] เรื่องสุนทรภู่และบิดามารดา เป็นเชื้อสาย “พราหมณ์รามราช” เมืองเพชร ซึ่งเท่ากับสนับสนุนความผิดพลาดทางประวัติวรรณคดีให้มีในสังคมไทยต่อไป แทนที่จะร่วมกันมีส่วนแก้ไขความผิดพลาดนั้น
ประวัติสุนทรภู่ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ถ้าแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตให้ถูกต้องตามหลักฐานที่นักวิชาการพบใหม่จากสมุดข่อยในหอสมุดแห่งชาติ ไม่กระทบความมั่นคงของรัฐบาลเผด็จการครึ่งใบ, ไม่สะเทือนโครงการอีอีซี, ไม่มีแง่ลบต่อธุรกิจของใคร ไม่ว่าน้ำมันและธุรกิจอื่นๆ ในเครือ หรือธุรกิจอื่นๆ ฯลฯ
มีแต่แง่บวกที่แสดงจุดยืนทางสติปัญญาของเครือธุรกิจนั้น ขณะเดียวกันแสดงพื้นฐานทางความคิดที่เป็นพลังสร้างสรรค์อนาคต
แต่แล้วผู้บริหารธุรกิจเลือกแนวทางสร้างแบรนด์และผลกำไรเฉพาะหน้า