ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
“ขวัญเอ๋ย ขวัญมาจากไหน?” ขณะค้นแล้วคว้ามาเขียนตั้งแต่ พ.ศ.2560 กระทั่งปรับปรุงเพิ่มเติมอีกหนเป็นต้นฉบับให้สำนักพิมพ์นาตาแฮกพิมพ์เป็นเล่ม [ขายออนไลน์] โดยไม่ได้ไขว่คว้าหาความรู้ฝ่ายจีน ซึ่งเป็นขุมทรัพย์กว้างขวางทางอารยธรรมตะวันออก เพราะสติปัญญาของผมพัฒนาไม่ถึงขั้นนั้น แม้พยายามอย่างหนัก แต่ศักยภาพต่ำทราม เลยต้องบ๊ายบาย
เมื่อหนังสือขวัญเอ๋ยฯ สำเร็จเป็นเล่ม เพิ่งพบข้อเขียนมีค่ามหาศาลเรื่อง “ป้ายสถิตวิญญาณจากจีนสู่ราชสำนักไทย” ของ ถาวร สิกขโกศล [ศิลปวัฒนธรม ฉบับพฤศจิกายน 2559 หน้า 158-169] แค่ได้อ่านตอนต้นก็ตาสว่างโพลงโล่งแจ้งกระจ่างใจ ขอสรุปอย่างรวบรัดมาแบ่งปัน ดังนี้
ขวัญในจีน
คนจีนโบราณไม่มีความเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอย่างพุทธศาสนา แต่เชื่อว่าเมื่อคนตายแล้วขวัญยังคงอยู่ มีสถานะเป็นเทพประจำวงศ์ตระกูล
ขวัญมี 2 ภาคอยู่ร่วมกัน ได้แก่ [1.] หุน เสียงจีนโบราณว่า กูน, กวัน เป็นคำร่วมรากกับไทยว่าขวัญ และเป็นฝ่ายหยาง หรือฝ่ายจิต ทำให้คนมีความนึกคิดและอารามณ์ [2.] พ่อ หรือ ภูต เป็นฝ่ายยิน หรือฝ่ายกาย ทำให้คนเคลื่อนไหว มีกิจกรรมทางกาย แต่ไม่มีความรู้สึกนึกคิด
เมื่อเจ็บป่วยหรือตกใจ ขวัญทั้ง 2 ภาค อาจออกจากร่างชั่วคราว พอคนตายขวัญทั้ง 2 ภาค จะออกจากร่างอย่างถาวร ฝ่ายหุนหรือขวัญจำญาติมิตรได้ แต่พ่อหรือภูตถ้าไม่มีหุนหรือขวัญอยู่ด้วยจะกลายเป็นผีดิบ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ต่อจากนี้ขอคัดเนื้อความสำคัญมาดังนี้
“หุน (ขวัญ) พ่อ (ภูต) ของคนมิได้มีดวงเดียว ตามหลักศาสนาเต๋ากล่าวว่า หุน (ขวัญ) มี 3 ดวง พ่อ (ภูต) มี 7 ดวง
พอคนตายร่างถูกฝัง พ่อ (ภูต) จะคืนสู่ดินอยู่ที่หลุมศพ หุน (ขวัญ) จะคืนสู่ฟ้า 2 ดวง อยู่คุ้มครองลูก-หลาน 1 ดวง จึงต้องทำป้ายสถิตวิญญาณให้เป็นที่พำนัก
———–
ประเพณีนี้มีมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์โจวเป็นอย่างช้า ป้ายสถิตวิญญาณนี้ ในยุคโบราณตั้งไว้ในศาลบวงสรวงบรรพชน”
ในเล่ม “ขวัญเอ๋ย ขวัญมาจากไหน? ผมไม่บังอาจพาดพิงถึงความเชื่อเกี่ยวกับขวัญในจีน เพราะเข้าไม่ถึง แต่อยากรู้อยากเข้าใจ จึงได้แค่ติดตามอ่านของผู้รู้อยู่ห่างๆ อย่างไม่กลสุาเข้าใกล้ แล้วเขียนมารายงานเป็นครั้งคราวตามนี้