เริงโลกด้วยจิตรื่น : คำถามถึง‘รักนิรันดร์’ : โดย จันทร์รอน

ความเชื่อหนึ่งที่เกิดขึ้นในวัยหนุ่มสาวคือ “ความรักเป็นนิรันดร์” อันหมายถึงมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่เสื่อมสลาย

แต่แล้วไม่นานนัก “รักนิรันดร์” นั้นกลายเป็นคำถามว่า “มีอยู่จริงหรือ”

ความงุนงงสงสัยเกิดขึ้นเพราะ ท่าทีของคนที่บอกว่า “จะรักเราตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลง” นั่นเองที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนไป

แต่เราสรุปว่า “รักนิรันดร์” ไม่มีอยู่จริงก็ไม่ได้ เพราะด้วยรับรู้จากในใจของเราเองว่า “ความรักยังคงอยู่แสมอ”

Advertisement

แม้ว่าหลายครั้งที่เราเองก็รู้ว่า ท่าทีที่แสดงออกของเราต่อคนรักนั้นเปลี่ยนไป

แต่นั่นเป็นเพียงท่าทีเท่านั้นที่เปลี่ยน ลึกลงไปในใจ เรารู้ว่าความรักยังคงอยู่เสมอ

การรับรู้เช่นนั้นทำให้ง่ายต่อการสรุปว่า “รัก” ที่ดูเหมือนจะไม่ “นิรันดร์” เสียแล้ว ไม่ได้เกิดจากเรา แค่เกิดจากเขาที่เปลี่ยนไป

Advertisement

ไม่ได้มองว่า คนที่เรารักนั้น อาจจะเห็นในมุมดียวกับที่เราเห็น คือแม้ท่าทีที่แสดงออกต่อเรา แต่หากมองเข้าไปในใจแล้ว “ความรักยังคงอยู่”

เปลี่ยนไปแค่ท่าทีเหมือนกัน

“ความรัก” จึงเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างสัมผัสได้เฉพาะความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจตัวเอง แต่ที่เป็นไปในเขานั้นเรารับรู้จากท่าทีที่แสดงออก

เมื่อท่าทีเปลี่ยน ต่างคนต่างสรุปว่า “ความรักในใจเขาเปลี่ยนไปแล้ว” ไม่เป็นนิรันดร์เหมือนความรักที่ยังอยู่ในใจเรา

เพราะความเชื่อว่า “ความรักในใจของเขาเปลี่ยนไป” สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ “ความไม่พอใจ” และสู่การแสดงออกในแบบต่างๆ โกรธบ้าง น้อยใจบ้าง แล้วจากนั้นหาทางควบคุม บังคับให้เกิดการแสดงออกเหมือนอย่างที่เราอยากจะเห็น ก่อเกิดท่าทีสารพัดที่แสดงออกต่อกันตามมา

การถกเถียง ทะเลาะ หลอกลวง ไม่จริงใจ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้

ยิ่งเวลาผ่านไป ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงขยายรูปแบบซับซ้อน จนกลายเป็นหมดหนทางที่จะเข้าใจกัน

วันเวลาที่พาวัยผ่านเลยไป กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “รักนิรันดร์” ไม่มีอยู่จริง

น่าสนใจว่าการสรุปเช่นนั้นเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่

หากเราเปลี่ยนมุมมองจาก “มองเขาจากท่าที แต่มองเราที่ความรู้สึกในใจ” เป็น “มองเราที่ท่าทีซึ่งแสดงต่อเขา และมองเขาให้เห็นความรู้สึกที่อยู่ในใจ”

มองแบบกลับด้าน

อาจบางที จะเข้าใจว่า “เขามองเราว่าเปลี่ยนไปเพราะอะไร และเขาชื่อว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะอะไร”

“ความรัก” ในความหมายของความผูกพัน ในวาสนาที่มีอยู่ร่วม อาจจะเป็นคนละเรื่องกับการแสดงออก

ชีวิตย่อมดำเนินไปตามความเชื่อ การแสดงออกเป็นไปตามความคิดอันงอกมาจากความเชื่อ

“ความเชื่อ” นั้นไม่ว่าของใครก็ตาม ย่อมเป็นไปตามการเรียนรู้และประสบการณ์

วันเวลาที่ผ่านล่วงไป ย่อมก่อประสบการณ์มากมายที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของความเชื่อ อันส่งผลให้ความคิดเปลี่ยนไป

ตามเนื่องด้วยบุคลิกภาพ การแสดงออก และท่าทีที่ผันแปรไป

หากเราให้ความหมายในทางให้ “การแสดงออก และท่าที” เป็นดัชนีชี้วัด “ความรัก” ว่าเป็น “นิรันดร์” หรือไม่

ความเข้าใจว่า “รักไม่เป็นนิรันดร์” ย่อมเกิดขึ้น

แต่หากมองผ่านการแสดงออก มองเลยไปจากท่าทีที่ได้สัมผัส

มองให้ลึกไปในธรรมชาติของจิต มองให้เห็นความผูกพันและวาสนาที่มีต่อกันและกัน

ความเข้าใจในเรื่อง “รักนิรันดร์” อาจจะเป็นอีกแบบ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image