แท็งก์ความคิด : สมการ ‘ความรู้’ : โดย นฤตย์ เสกธีระ

“ประสบการณ์” คือส่วนประกอบของความรู้

นี่เป็นข้อสรุปจากหนังสือเรื่อง “โฮโมดีอุส” เขียนโดย Yuval Noah Harari แปลโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ และ ธิดา จงนิรามัยสถิติ

ผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวได้ไล่เรียงสมการของความรู้ให้เห็นภาพ

จากยุโรปยุคกลางที่สมการของความรู้ คือ “ความรู้” = “ตำรา” คูณด้วย “ตรรกะ”

Advertisement

หมายความว่า ค้นหาความรู้จากตำราโดยการใช้ “ตรรกะ” สรุปออกมาเป็นองค์ความรู้

ไม่ว่าจะเป็นโลกแบน ไม่ว่าจะเป็นโลกกลม

ต่อมาโลกเข้าสู่ยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์ สมการความรู้มีพัฒนาการสืบต่อมา

กลายเป็น “ความรู้” = “ข้อมูลจากการสังเกต” คูณด้วย “คณิตศาสตร์”

อาทิ การเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์ เฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของดวงจันทร์

แล้วนำมาวิเคราะห์ด้วยหลักตรีโกณมิติแล้วสรุปเป็นองค์ความรู้

มาถึงยุคมนุษยนิยม สมการความรู้ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง

กลายเป็น “ความรู้” = “ประสบการณ์” คูณด้วย “ความรู้สึก”

มีการขยายความคำว่า ” ประสบการณ์” และคำว่า “ความรู้สึก” ให้ไว้ด้วย

โดยระบุว่า “ประสบการณ์” เกิดจาก สัมผัส อารมณ์ และความคิด

“สัมผัส” ถึงความร้อน หนาว สบาย ตึงเครียด เป็นต้น

“อารมณ์” มีทั้ง รัก กลัว โกรธ เกลียด ฯลฯ

แล้ว “ความคิด” ก็เกิดจากการสัมผัสและอารมณ์ กระทั่งพัฒนากลายเป็นองค์ความรู้

ประสบการณ์และความรู้สึกนั้น ต้องเสริมสร้างกันและกัน

มีประสบการณ์ไม่มีความรู้สึกก็ไม่ได้ มีความรู้สึกแต่ไร้ประสบการณ์ก็ไม่ได้

ต้องมีทั้งประสบการณ์และความรู้สึก องค์ความรู้จึงจะเกิดขึ้น

สมการความรู้หลังสุดนี้ แตกต่างจากสมการความรู้ 2 อย่างแรก

เพราะสมการความรู้ 2 อย่างแรก ต้องมี “ตำรา” หรือไม่ก็ต้องมี “คณิตศาสตร์” ซึ่งเป็น “วิชาการ” ที่ต้องแสวงหา

แต่สมการความรู้อันหลังสุด ทุกคนที่เกิดมาล้วนมีติดตัวมา

ทุกคนที่เกิดมามีสัมผัสจากตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ

เรียนรู้ด้วยตนเองจนรู้จักความร้อน ความหนาว ความสบาย ความเครียด และอื่นๆ

ทุกคนต้องผ่านความรู้สึกในรัก ผ่านความกลัว เกิดความโกรธ มีความเกลียด ปะปนอยู่ในชีวิตประจำวัน

แล้วความคิดก็เกิดขึ้น และหลอมรวมกันเป็นประสบการณ์

ยิ่งชีวิตคนเราผ่านเจอเหตุการณ์นานาประการ ผจญภัยตั้งแต่เด็กเล็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ใช้ชีวิตทุกๆ วัน ทุกๆ เดือน ทุกๆ ปี

ย่อมสั่งสมเป็นประสบการณ์

เมื่อประสบการณ์ได้รับการแต่งเสริมกับความรู้สึก เราก็จะได้องค์ความรู้

แต่ละคนอาจมีข้อสรุปของชีวิต เป็นองค์ความรู้ที่เหมือนหรือแตกต่างจากคนอื่นก็ได้

เพราะถ้ามีองค์ประกอบที่แตกต่าง อาทิ มีประสบการณ์ที่แตกต่าง มีความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน

การสรุปองค์ความรู้ก็แตกต่างกัน

แต่ถ้ามีประสบการณ์ใกล้เคียง มีความรู้สึกไม่ต่างกัน

องค์ความรู้ที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์เหมือนหรือประสบการณ์ต่าง ทุกอย่างสามารถนำไปสู่ข้อสรุป

และข้อสรุปนั่นแหละคือ องค์ความรู้ที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนอาจจะประสบพบเหตุการณ์ที่ไม่เป็นคุณกับชีวิต

บางทีก็พบกับความทุกข์ เกิดความอึดอัด มีความเกลียดชัง

ขอให้ระลึกไว้ว่านี่เป็น “ประสบการณ์”

อีกหลายคนแม้จะประสบพบเหตุการณ์เฉกเช่นเดียวกัน แต่สามารถหาทางออกได้

เกิดเป็นความสุข มีความปลอดโปร่ง มีความชอบใจ

นี่ก็เป็น “ประสบการณ์” ที่ได้พบพาน

ประสบการณ์นี้สามารถต่อยอดไปเป็นองค์ความรู้ของเราได้

ดังนั้น สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ที่ดูเหมือนว่า ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม กำลังวุ่นๆ

หลายข่าวที่ปรากฏออกมาอาจทำให้รู้สึกหดหู่ใจ

แต่ขอให้ระลึกไว้ว่านี่คือ “ประสบการณ์” หนึ่งของชีวิต

ถ้าสามารถต่อยอดประสบการณ์ของชีวิตให้กลายเป็นองค์ความรู้ได้

ย่อมเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น

เหมือนกับหลายชีวิตที่มีประสบการณ์ ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ ต่างๆ มาได้

บางคนสามารถพลิกชีวิตจากล้มละลาย กลายเป็นคนมีสตางค์เยอะ

บางคนสามารถค้นพบความรู้ใหม่ๆ จากความผิดพลาดในการปฏิบัติ

บางคนสามารถสรุปเป็นคู่มือผ่านพ้นวิกฤตชีวิต

อีกหลายความรู้ที่มีอยู่ในโลก และกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตก็มาจากสรุปประสบการณ์

ดังนั้น ขอให้ทุกๆ คนอย่ามองเหตุการณ์ที่ได้สัมผัสไปในทางลบเพียงอย่างเดียว

ขอให้เก็บเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเป็นประสบการณ์ แล้วกลั่นออกมาเป็นความรู้ ด้วยมุมมองเชิงบวก

มีหลายตัวอย่างที่ดีเกี่ยวกับการนำเอาประสบการณ์มาเป็นบทเรียน

เป็นบทเรียนซึ่งคือองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น

เป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าต่อชีวิตและวิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอดต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image