คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง : Sex Education Season 2 แกะรอยความสำเร็จซีรีส์วัยรุ่นที่ทะเล้นและทะลึ่งที่สุดในยุคนี้

ภาพประกอบ Youtube Video / Netflix

การกลับมาอีกครั้งของ Sex EducationŽ ซีซั่นที่สอง ซีรีส์ยอดนิยมค่ายสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ที่หน้าตาภายนอกมีเนื้อหาแนวทาง Sex ComedyŽ แต่ แก่นแท้จริงŽ ของซีรีส์เล่าถึงความหลากหลายในประเด็นเรื่องเพศในช่วงวัยรุ่น กระทั่งการจัดการความสัมพันธ์ของพวกเขากับผู้คนรอบข้างทั้งกับเพื่อน แฟน และครอบครัว ไปจนถึงประเด็นหนักๆ อย่างการทำแท้ง การท้องก่อนวัยอันควร การกลั่นแกล้งในโรงเรียน (Bully) ความแตกต่างด้านเชื้อชาติ รวมไปถึงการเป็นตัวแทนเรื่องราวของ LGBT ในคนรุ่นใหม่ ส่วนในซีซั่นที่สองมีการเพิ่มเติมมุมมองด้านสิทธิสตรี ศาสนา และการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) เข้ามาด้วย

ซีรีส์ที่ดำเนินเรื่องราวด้วยตัวละครนำ เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ชื่อ โอทิสŽ นักเรียนชั้นมัธยมปลาย ที่มักจะปิดบังเสมอว่ามีพ่อแม่เป็นนักบำบัดปัญหาทางเพศระดับนักวิชาการ ขณะที่คาแร็กเตอร์ของโอทิสที่ดูภายนอกเป็นเด็กหนุ่มประเภทไร้ตัวตนที่โรงเรียน ไม่ได้โดดเด่นด้านไหน แต่กลับมีพรสวรรค์ที่เข้าอกเข้าใจผู้คนได้ลึกซึ้ง ช่วยให้คำแนะนำกึ่งบำบัดปัญหาความสัมพันธ์ของเพื่อนๆ ในโรงเรียน ไปจนถึงให้คำปรึกษาปัญหาทางเพศจนหาทางออกได้ด้วย และเรื่องราวก็นำมาสู่ โอทิสŽ เปิดคลินิกหาเงินด้วยการรับเยียวยาบำบัดปัญหาทางเพศ และความสัมพันธ์ให้เพื่อนๆ ในโรงเรียน นำมาสู่เรื่องราวหลากหลายตอนของซีรีส์ ที่เล่าปัญหาจริงของวัยรุ่น

ความหลากหลายŽ มากมายที่ปรากฏใน Sex Education ทำให้นี่คือซีรีส์ที่เปิดกว้างที่จะเล่าเรื่องลับๆ ของชีวิตวัยรุ่นได้น่าติดตาม เพราะทั้งหมดเป็นความจริงกับวัยรุ่นคนไหนก็ได้ และหากเราไม่เพ่งว่าเรื่องเหล่านี้มันผิดปกติ มันก็คือปกติ

Sex EducationŽ ได้สร้าง วาระŽ เรื่อง เพศศึกษาŽ ในประเด็นที่ก้าวหน้าและไม่ซุกซ่อน ตัวซีรีส์ดูสนุก มีความทะลึ่งตึงตัง แต่ก็แฝงเร้นสาระ ผลคือคุณค่าที่นักวิจารณ์ให้คะแนนชื่นชมเป็นบวก และเป็นซีรีส์ยอดนิยมระดับที่เมื่อตอนปล่อยซีซั่นหนึ่ง ให้สตรีมมิ่งดูในสหรัฐเมื่อช่วงมกราคม 2562 ซีรีส์ Sex Education มียอดคนดูทะลุ 40 ล้านวิวในเวลาหนึ่งเดือน

Advertisement

ในซีซั่นสอง ที่มีทั้งหมด 8 ตอน หากใช้เวลาดูกันแบบรวดเดียวจบ คือ 9 ชั่วโมง ซึ่งซีซั่นที่สองนั้นยังคงแตะต้องประเด็นที่สังคมมักจะ อำพรางŽ เช่นเดิม และเพิ่มเติมแง่มุมต่างๆ เข้ามาอีก ขณะเดียวกันเรื่องราวจะยกระดับไปสู่ความดราม่ามากขึ้น ขยี้รายละเอียดความรู้สึกด้านลึกของตัวละครต่างๆ และเขยิบขยายเล่าถึงปมปัญหาความสัมพันธ์ไปถึงในระดับผู้ใหญ่ด้วย

ในมุมมอง การตลาดของเน็ตฟลิกซ์Ž เอง ผลของซีรีส์วัยรุ่นเรื่องนี้ ทำให้เน็ตฟลิกซ์ขยายฐานตลาดกลุ่มคนดู วัยรุ่นŽ เพิ่มขึ้นทั้งใน สหรัฐอเมริกาŽ และใน สหราชอาณาจักรŽ ด้วยเนื้อหาซีรีส์ที่เล่าถึงกลุ่มวัยรุ่นในโรงเรียนชนบทแห่งหนึ่งในอังกฤษ ขณะเดียวกันความพิเศษหนึ่งของการวางบทละคร และสร้างองค์ประกอบศิลป์ให้ตัวซีรีส์มีความพิเศษในเรื่อง การผสมผสานŽ วัฒนธรรมวัยรุ่นสไตล์ ป๊อปคัลเจอร์Ž ทั้งจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษแบบตั้งใจให้ ลื่นไหลทั้งสองวัฒนธรรมŽ แม้ตัวละครทั้งหมดจะพูดด้วยสำเนียงบริติช แต่เรากลับเห็นความเป็นโรงเรียนมัธยมที่ผสมผสานทั้งวัฒนธรรมแบบอังกฤษและอเมริกันเข้าด้วยกัน

โมเดลนี้ทำให้ Sex EducationŽ เข้าถึงทั้งกลุ่มวัยรุ่นอังกฤษและอเมริกัน ส่งผลต่อฐานคนดูวัยรุ่นในเน็ตฟลิกซ์ขยับเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็ยังสอดคล้องกับแผนการขยายตลาดคนดูเข้าไปในยุโรปของเน็ตฟลิกซ์ด้วย

ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการตลาดที่น่าสนใจ ที่มีการจับกลุ่มคนดูผ่านวิธีการดีไซน์เรื่อง ด้วยการเขียนบทละคร ผนวกด้วยการวาง องค์ประกอบศิลป์Ž ในซีรีส์ ที่ถือเป็นทั้ง กิมมิคŽ และ สัญลักษณ์Ž สำคัญให้ผู้คนจดจำ Sex EducationŽ ในฐานะที่เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องเพศในเชิง Sex Comedy แต่ภาพที่ปรากฏบนจอกลับสวยงาม มีสไตล์และรสนิยม ซึ่งโดดเด่นพอในระดับทำหน้าที่ส่งเสริมให้เนื้อเรื่องเดินหน้าไปอย่างละมุนละไม

นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว หนึ่งในทีเด็ดของซีรีส์เรื่องนี้ คือ โลเกชั่น สถานที่ถ่ายทำ ไปจนถึงตัวอาคาร บ้านเรือน ทัศนียภาพ สถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏในซีรีส์ รวมไปถึงการวางมุมกล้อง การใช้สี เสื้อผ้า รถยนต์ พร็อพประกอบฉากข้าวของเครื่องใช้ประจำวันต่างๆ ที่ปรากฏบนจอ มีการจงใจให้ทุกอย่างย้อนไปสู่ความวินเทจราว ยุคทศวรรษ 80Ž

ขณะที่ความทันสมัยที่สุดในเรื่องอยู่ที่ตัวละครใช้ อุปกรณ์สื่อสารŽ หรือสมาร์ทโฟนเท่านั้น เราจึงได้เห็นฉากวัยรุ่นพูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นแชต ซึ่งเป็นวิถีปฏิบัติของคนยุคปัจจุบัน ขณะที่สวนทางกับที่บางครั้งเราก็จะเห็นตัวละครวัยรุ่นนั่งกางหนังสือพิมพ์อ่านข่าวระหว่างกินอาหารมื้อเช้า บ้างก็ยังพลิกหน้ากระดาษอ่านแมกกาซีนเป็นเล่มกันอยู่ด้วยซ้ำ

การนำทั้งสิ่งเก่าและสิ่งใหม่มาปะทะสังสรรค์กันตลอดเรื่อง ทำให้เกิดความ พร่าเลือนŽ แบบไร้กาลเวลาระหว่างยุคสมัย ไม่ต่างจากเรื่อง เพศศึกษาŽ สุขภาวะทางเพศŽ ที่ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย สังคมจะก้าวหน้าพัฒนาทางเทคโนโลยีแค่ไหน โลกจะเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือหลังมือด้วยปัญญาประดิษฐ์อย่างไร สุดท้ายเรื่องเพศก็มักถูกทำให้ ซ่อนตัวŽ อยู่ลึกๆ จากสังคมทุกเมื่อเชื่อวัน และมักจะมีลูปที่วนไปถึงทัศนคติของผู้คนต่างเจเนอเรชั่นในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

บนฉากหน้าความตลกทะลึ่งตึงตัง แต่ซีรีส์ Sex EducationŽ กำลังบอกเราว่าความรู้ความเข้าใจเรื่องทางเพศ ควรจะถูกนำมาพูดกันอย่างเปิดกว้างบนฐานความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ส่วนความตลกขบขันของเรื่องก็ถูกนำเข้ามาใช้ในซีรีส์เพื่อทลายอุปสรรคสำคัญ นั่นคือ ทัศนคติŽ ที่ปฏิเสธจะพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา

เพราะเมื่อพูดคำว่าเรื่องทางเพศ ในทางสากลแล้วยังหมายรวมถึงเรื่องราว การจัดการความสัมพันธ์Ž ระหว่างบุคคลไม่ว่าจะกับคู่รัก เพื่อน ครอบครัว ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ก็พยายามจะบอกแบบนั้นตลอดทั้งเรื่อง

ซีรีส์ Sex EducationŽ ผุดพรายมาในยุคที่สังคมซับซ้อนมากขึ้น การควบคุมความคิดเด็กในเรื่องทางเพศไม่ใช่คำตอบ แต่เรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้ คือการตอกย้ำให้เกิดการสร้างความตระหนักรู้ และสร้างทักษะให้กับเด็กเพื่อเตรียมความพร้อมให้เข้าใจต่อเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายเรื่องเพศเป็นวิถีชีวิตที่ผูกติดมากับมนุษย์ หลายครั้งไม่จำเป็นต้องทำให้ดูลึกลับจนไม่สามารถจะพูดถึงปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image