ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ติสตู [email protected] |
เผยแพร่ |
การกลับมาอีกครั้งของ Sex Education ซีซั่นที่สอง ซีรีส์ยอดนิยมค่ายสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ที่หน้าตาภายนอกมีเนื้อหาแนวทาง Sex Comedy แต่ แก่นแท้จริง ของซีรีส์เล่าถึงความหลากหลายในประเด็นเรื่องเพศในช่วงวัยรุ่น กระทั่งการจัดการความสัมพันธ์ของพวกเขากับผู้คนรอบข้างทั้งกับเพื่อน แฟน และครอบครัว ไปจนถึงประเด็นหนักๆ อย่างการทำแท้ง การท้องก่อนวัยอันควร การกลั่นแกล้งในโรงเรียน (Bully) ความแตกต่างด้านเชื้อชาติ รวมไปถึงการเป็นตัวแทนเรื่องราวของ LGBT ในคนรุ่นใหม่ ส่วนในซีซั่นที่สองมีการเพิ่มเติมมุมมองด้านสิทธิสตรี ศาสนา และการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) เข้ามาด้วย
ซีรีส์ที่ดำเนินเรื่องราวด้วยตัวละครนำ เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ชื่อ โอทิส นักเรียนชั้นมัธยมปลาย ที่มักจะปิดบังเสมอว่ามีพ่อแม่เป็นนักบำบัดปัญหาทางเพศระดับนักวิชาการ ขณะที่คาแร็กเตอร์ของโอทิสที่ดูภายนอกเป็นเด็กหนุ่มประเภทไร้ตัวตนที่โรงเรียน ไม่ได้โดดเด่นด้านไหน แต่กลับมีพรสวรรค์ที่เข้าอกเข้าใจผู้คนได้ลึกซึ้ง ช่วยให้คำแนะนำกึ่งบำบัดปัญหาความสัมพันธ์ของเพื่อนๆ ในโรงเรียน ไปจนถึงให้คำปรึกษาปัญหาทางเพศจนหาทางออกได้ด้วย และเรื่องราวก็นำมาสู่ โอทิส เปิดคลินิกหาเงินด้วยการรับเยียวยาบำบัดปัญหาทางเพศ และความสัมพันธ์ให้เพื่อนๆ ในโรงเรียน นำมาสู่เรื่องราวหลากหลายตอนของซีรีส์ ที่เล่าปัญหาจริงของวัยรุ่น
ความหลากหลาย มากมายที่ปรากฏใน Sex Education ทำให้นี่คือซีรีส์ที่เปิดกว้างที่จะเล่าเรื่องลับๆ ของชีวิตวัยรุ่นได้น่าติดตาม เพราะทั้งหมดเป็นความจริงกับวัยรุ่นคนไหนก็ได้ และหากเราไม่เพ่งว่าเรื่องเหล่านี้มันผิดปกติ มันก็คือปกติ
Sex Education ได้สร้าง วาระ เรื่อง เพศศึกษา ในประเด็นที่ก้าวหน้าและไม่ซุกซ่อน ตัวซีรีส์ดูสนุก มีความทะลึ่งตึงตัง แต่ก็แฝงเร้นสาระ ผลคือคุณค่าที่นักวิจารณ์ให้คะแนนชื่นชมเป็นบวก และเป็นซีรีส์ยอดนิยมระดับที่เมื่อตอนปล่อยซีซั่นหนึ่ง ให้สตรีมมิ่งดูในสหรัฐเมื่อช่วงมกราคม 2562 ซีรีส์ Sex Education มียอดคนดูทะลุ 40 ล้านวิวในเวลาหนึ่งเดือน
ในซีซั่นสอง ที่มีทั้งหมด 8 ตอน หากใช้เวลาดูกันแบบรวดเดียวจบ คือ 9 ชั่วโมง ซึ่งซีซั่นที่สองนั้นยังคงแตะต้องประเด็นที่สังคมมักจะ อำพราง เช่นเดิม และเพิ่มเติมแง่มุมต่างๆ เข้ามาอีก ขณะเดียวกันเรื่องราวจะยกระดับไปสู่ความดราม่ามากขึ้น ขยี้รายละเอียดความรู้สึกด้านลึกของตัวละครต่างๆ และเขยิบขยายเล่าถึงปมปัญหาความสัมพันธ์ไปถึงในระดับผู้ใหญ่ด้วย
ในมุมมอง การตลาดของเน็ตฟลิกซ์ เอง ผลของซีรีส์วัยรุ่นเรื่องนี้ ทำให้เน็ตฟลิกซ์ขยายฐานตลาดกลุ่มคนดู วัยรุ่น เพิ่มขึ้นทั้งใน สหรัฐอเมริกา และใน สหราชอาณาจักร ด้วยเนื้อหาซีรีส์ที่เล่าถึงกลุ่มวัยรุ่นในโรงเรียนชนบทแห่งหนึ่งในอังกฤษ ขณะเดียวกันความพิเศษหนึ่งของการวางบทละคร และสร้างองค์ประกอบศิลป์ให้ตัวซีรีส์มีความพิเศษในเรื่อง การผสมผสาน วัฒนธรรมวัยรุ่นสไตล์ ป๊อปคัลเจอร์ ทั้งจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษแบบตั้งใจให้ ลื่นไหลทั้งสองวัฒนธรรม แม้ตัวละครทั้งหมดจะพูดด้วยสำเนียงบริติช แต่เรากลับเห็นความเป็นโรงเรียนมัธยมที่ผสมผสานทั้งวัฒนธรรมแบบอังกฤษและอเมริกันเข้าด้วยกัน
โมเดลนี้ทำให้ Sex Education เข้าถึงทั้งกลุ่มวัยรุ่นอังกฤษและอเมริกัน ส่งผลต่อฐานคนดูวัยรุ่นในเน็ตฟลิกซ์ขยับเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็ยังสอดคล้องกับแผนการขยายตลาดคนดูเข้าไปในยุโรปของเน็ตฟลิกซ์ด้วย
ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการตลาดที่น่าสนใจ ที่มีการจับกลุ่มคนดูผ่านวิธีการดีไซน์เรื่อง ด้วยการเขียนบทละคร ผนวกด้วยการวาง องค์ประกอบศิลป์ ในซีรีส์ ที่ถือเป็นทั้ง กิมมิค และ สัญลักษณ์ สำคัญให้ผู้คนจดจำ Sex Education ในฐานะที่เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องเพศในเชิง Sex Comedy แต่ภาพที่ปรากฏบนจอกลับสวยงาม มีสไตล์และรสนิยม ซึ่งโดดเด่นพอในระดับทำหน้าที่ส่งเสริมให้เนื้อเรื่องเดินหน้าไปอย่างละมุนละไม
นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว หนึ่งในทีเด็ดของซีรีส์เรื่องนี้ คือ โลเกชั่น สถานที่ถ่ายทำ ไปจนถึงตัวอาคาร บ้านเรือน ทัศนียภาพ สถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏในซีรีส์ รวมไปถึงการวางมุมกล้อง การใช้สี เสื้อผ้า รถยนต์ พร็อพประกอบฉากข้าวของเครื่องใช้ประจำวันต่างๆ ที่ปรากฏบนจอ มีการจงใจให้ทุกอย่างย้อนไปสู่ความวินเทจราว ยุคทศวรรษ 80
ขณะที่ความทันสมัยที่สุดในเรื่องอยู่ที่ตัวละครใช้ อุปกรณ์สื่อสาร หรือสมาร์ทโฟนเท่านั้น เราจึงได้เห็นฉากวัยรุ่นพูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นแชต ซึ่งเป็นวิถีปฏิบัติของคนยุคปัจจุบัน ขณะที่สวนทางกับที่บางครั้งเราก็จะเห็นตัวละครวัยรุ่นนั่งกางหนังสือพิมพ์อ่านข่าวระหว่างกินอาหารมื้อเช้า บ้างก็ยังพลิกหน้ากระดาษอ่านแมกกาซีนเป็นเล่มกันอยู่ด้วยซ้ำ
การนำทั้งสิ่งเก่าและสิ่งใหม่มาปะทะสังสรรค์กันตลอดเรื่อง ทำให้เกิดความ พร่าเลือน แบบไร้กาลเวลาระหว่างยุคสมัย ไม่ต่างจากเรื่อง เพศศึกษา สุขภาวะทางเพศ ที่ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย สังคมจะก้าวหน้าพัฒนาทางเทคโนโลยีแค่ไหน โลกจะเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือหลังมือด้วยปัญญาประดิษฐ์อย่างไร สุดท้ายเรื่องเพศก็มักถูกทำให้ ซ่อนตัว อยู่ลึกๆ จากสังคมทุกเมื่อเชื่อวัน และมักจะมีลูปที่วนไปถึงทัศนคติของผู้คนต่างเจเนอเรชั่นในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
บนฉากหน้าความตลกทะลึ่งตึงตัง แต่ซีรีส์ Sex Education กำลังบอกเราว่าความรู้ความเข้าใจเรื่องทางเพศ ควรจะถูกนำมาพูดกันอย่างเปิดกว้างบนฐานความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ส่วนความตลกขบขันของเรื่องก็ถูกนำเข้ามาใช้ในซีรีส์เพื่อทลายอุปสรรคสำคัญ นั่นคือ ทัศนคติ ที่ปฏิเสธจะพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
เพราะเมื่อพูดคำว่าเรื่องทางเพศ ในทางสากลแล้วยังหมายรวมถึงเรื่องราว การจัดการความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลไม่ว่าจะกับคู่รัก เพื่อน ครอบครัว ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ก็พยายามจะบอกแบบนั้นตลอดทั้งเรื่อง
ซีรีส์ Sex Education ผุดพรายมาในยุคที่สังคมซับซ้อนมากขึ้น การควบคุมความคิดเด็กในเรื่องทางเพศไม่ใช่คำตอบ แต่เรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้ คือการตอกย้ำให้เกิดการสร้างความตระหนักรู้ และสร้างทักษะให้กับเด็กเพื่อเตรียมความพร้อมให้เข้าใจต่อเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายเรื่องเพศเป็นวิถีชีวิตที่ผูกติดมากับมนุษย์ หลายครั้งไม่จำเป็นต้องทำให้ดูลึกลับจนไม่สามารถจะพูดถึงปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา