ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
“เทศน์มหาชาติไม่มีในอินเดียและลังกาสมัยโบราณ”
ตรงนี้หมายถึงเทศน์เล่าเรื่องเวสสันดรเป็นทำนองลีลาด้วยเสียงโหยหวนและเล่นลูกคอ ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไปในไทยและเพื่อนบ้านเมื่อนานมาแล้วสืบเนื่องถึงทุกวันนี้ แต่ไม่พบหลักฐานว่าเคยมีในอินเดียและลังกา
“เทศน์มหาชาติในไทยรับจากอินเดีย” เรื่องนี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งมาจากการครอบงำของระบบการศึกษาดั้งเดิมที่ถูกกำหนดโดยคนชั้นนำสมัยก่อน แล้วยังทรงอิทธิพลต่อเนื่องถึงทุกวันนี้ เลยทำให้พระสงฆ์จำนวนหนึ่งบอกญาติโยมอย่างคลาดเคลื่อนไปด้วย เพราะไม่กล้าตั้งคำถามตามระบบท่องจำ ห้ามถาม ห้ามเถียง
สวดบาลีสมัยแรก ไม่มีเทศน์มหาชาติ เวสสันดรชาดกในไทยสมัยแรกรับจากลังกา (ไม่ได้รับตรงจากอินเดีย) ใช้สวดภาษาบาลี สมัยนั้นจึงไม่มีเทศน์มหาชาติ
ภิกษุลังกาแต่งเรื่องเวสสันดรเป็นภาษาบาลี ใช้สวด (ไม่เทศน์) เมื่อไทยรับมาสมัยแรกก็ใช้สวดภาษาบาลี (ไม่เทศน์) ยังเหลือร่องรอยในประเพณีสวดคาถาพัน (ปัจจุบันบางแห่งเรียกเทศน์คาถาพัน)
ขับลำมหาชาติแบบลุ่มน้ำโขง หมอขวัญ (ในศาสนาผี) ผู้คงแก่เรียนของชุมชน (ไม่ใช่พระสงฆ์) ขับลำเล่าเรื่องมหาชาติ หรือพระเวสสันดร โดยจดจำเนื้อเรื่องในชาดกจากคำบอกเล่าของพระสงฆ์ในเมืองที่รู้ภาษาบาลี
สวดคำหลวงเรื่องเวสสันดร นักปราชญ์ราชสำนักอยุธยาร่วมกันปรับปรุงขับลำมหาชาติของชาวบ้าน แล้วพัฒนาให้ประณีตเป็น “สวดคำหลวง” เรื่องเวสสันดร
เทศน์มหาชาติเริ่มในวัดของชุมชนเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว มีเหตุจากราชสำนักส่งสวดมหาชาติคำหลวงเป็นทำนอง “หลัก” เข้าถึงวัดของชุมชนเพื่อผลทางการเมืองการปกครองสมัยนั้น แต่ชาวบ้านทั่วไปฟังไม่เข้าหู ดังนั้นหมอขวัญสร้างสรรค์ “แหล่” เพิ่มขึ้นให้เข้าถึงชาวบ้าน แล้วเรียกสืบมาว่าเทศน์มหาชาติ ส่วนอีสานเรียก “บุญผะเหวด” (กลายคำจาก “บุญพระเวสสันดร” ก็คือเทศน์มหาชาติ)
กลอนเทศน์ คือร่าย ไม่ใช่กาพย์วิชชุมาลี ซึ่งมีใน “กาพย์สารวิลาสินี” ที่แต่งใหม่เป็นภาษาบาลี โดยวิธี “จับบวช” โคลงกลอนพื้นเมืองลุ่มน้ำโขง หวังให้ขลังเป็นคัมภีร์อินเดีย แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่เคยพบในอินเดีย
เสียงโหยหวนและลูกคอ เป็นลักษณะเฉพาะของเทศน์มหาชาติ ซึ่งเป็นอย่างเดียวกับที่พบในหมอลำ ล้วนมีต้นตอเดียวกันจากหมอขวัญในประเพณีสู่ขวัญ เรียกขวัญส่งขวัญ หลายพันปีมาแล้ว