เริงโลกด้วยจิตรื่น : หนึ่งเดียวคือทั้งหมด

เมื่อเราขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อขับออกไป เหมือนกับว่ามีแค่การจัดการเพียงเรื่องเดียวในแต่ละขั้นตอน เริ่มจากบิดกุญแจสตาร์ต จากนั้นปลดเบรกมือ ใส่เกียร์เดินหน้าหรือถอยหลังตามที่ต้องการให้รถเคลื่่อนแบบไหน เหยียบคันเร่งบ้าง แตะเบรกบ้างตามแต่จะให้เคลื่อนหรือหยุด เร่งให้เร็ว หรือชะลอให้ช้าลง

กำหนดจิตให้ทำทีละอย่าง ดูเหมือนว่าเพราะจิตไปเกาะเกี่ยวใส่ใจหลายเรื่อง ในขณะจิตเป็นอย่างเดียวกันไม่ได้ ต้องสลับสับเปลี่ยนกันไปอย่างนั้นที
อย่างนี้ที

ใครที่จิตนิ่งอยู่กับสิ่งเดียวเรื่องเดียวไม่ได้นานจะถูกเรียกว่า “สมาธิสั้น”

การทำทีละเรื่องจึงกลายเป็นคำสอนที่มีเหตุผล

Advertisement

แต่หากพิจารณาให้ละเอียดลงไป จะพบว่าไม่ว่าสิ่งใด หรือสถานการณ์ใด เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นโดยสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงอย่างเดียว

เมื่อเราขับรถไป ที่เรียกว่าสมาธิอาจจะอยู่ที่การควบคุมพวงมาลัยบ้าง คันเร่งบ้าง เบรกบ้าง แต่แท้ที่จริงแล้วสิ่งที่ทำงานมีมากกว่านั้น

การเคลื่อนของเครื่องยนต์ ล้อ และอะไรต่ออะไรทุกอย่างทำงานโดยอัตโนมัติ

ไม่ใช่แค่ผิวถนนเท่านั้นที่เราต้องเคลื่อนผ่าน แต่ยังมีสายลม แสงแดด เพื่อนร่วมทาง สัญญาณไฟจราจร และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการขับขี่

เช่นเดียวกับร่างกายของเรา ไม่ใช่มือและเท้าเท่านั้นที่ใช้ทำงาน ประสาทการรับรู้ สภาพร่างกาย ตื่นตัว เหนื่อยล้า ง่วงเหงา หรือเมามาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเคลื่อนไปทั้งสิ้น

เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ใส่ใจว่าอะไรทำงานอย่างไร

ชีวิตของคนเราก็เป็นเช่นนั้น

เมื่อเราทำอะไรก็ตาม ความคิดแรกคือต้องตั้งใจที่จะทำสิ่งนั้น ยิ่งตั้งใจมากๆ มีสมาธิกับสิ่งนั้นได้นานๆ ย่อมเป็นโอกาสให้ประสบความสำเร็จมาก

เหมือนสิ่งนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ชีวิตกระทำ

แต่หากมองลึกลงไปไม่ได้เป็นเช่นนั้่น

ในร่างกายเรามีกลไกอัตโนมัติมากมายที่ทำงานให้ชีวิตดำเนินไปโดยที่หลายอย่างไม่ได้เกี่ยวกับที่เราทำเลย

ลมหายใจ การทำงานของตับไต ไส้พุง และอื่นๆ อีกมากมาย

มีอวัยวะเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำงานไปตามที่ความต้ั้งใจกำหนดควบคุม

จิตใจก็เช่นเดียวกัน ความใส่ใจในสิ่งที่กำลังทำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสภาวะจิตทั้งหมด เหมือนน้ำแข็งที่เล็กน้อยเท่านั้นที่ลอยอยู่เหนือน้ำให้เราได้เห็น ส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งมองไม่เห็นแต่รับรู้ได้ว่ามีอยู่

ทุกเรื่องราวและทุกสถานการณ์เคลื่อนไปด้วยกันทั้งหมด เป็นกระบวนการเดียวกัน

ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ โลกเป็นอย่างนี้ จักรวาลเป็นอย่างนี้

ที่เรากำหนดได้โดยใช้ความตั้้งใจมีเพียงน้อยนิด แต่ที่เคลื่อนไปเองมีมากมายมหาศาล และทุกสิ่งอย่างสัมพันธ์กัน

ความเข้าใจตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ

เรามักได้ยินคำพร่ำบ่นเสมอว่า “ชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่คิด” หรือ “พยายามเท่าไรก็ยิ่งล้มเหลว” หรือ “ไม่มีโชค ไม่มีวาสนา”

หรือบางคนก็ยินดีปรีดากับ “วาสนาที่่ไม่ได้ต้องพยายาม”

ก่อให้เกิดความทุกข์โศกเมื่อไม่ได้อย่างที่ปรารถนา หรือดีอกดีใจเมื่อได้ในสิ่งที่อยากได้ทั้งที่บางครั้งไม่ได้ทำอะไรเลย

นั่นเป็นการโฟกัสที่สิ่งหนึ่งแล้วรู้สึกนึกคิดไปตามความชอบไม่ชอบในสิ่งนั้น

ทุกข์โศก สุขสมจึงเวียนไปเวียนมาในใจ

แต่หากเข้าใจเสียได้ว่าสรรพสิ่ง และทุกสถานการณ์ดำเนินไปด้วยกระบวนการของทั้งหมด

มองทุกเรื่องราวเป็นปกติ ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปตามกระบวนการที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกันไป ทั้งที่ควบคุมได้บ้าง และอีกมหาศาลที่ควบคุมไม่ได้

เป็นอย่างใจ หรือไม่เป็นอย่างใจ ย่อมเป็นไปตามเหตุของสรรพสิ่งทั้งหมดที่มาประกอบกัน

เข้าใจเสียได้อย่างนี้

เรื่องราวของโลกย่อมเป็นธรรมดา

ทุกข์ หรือสุขก็เป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุที่มาประกอบกันในแต่ละขณะ

เป็น “เท่านั้น อันมหาศาล”

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image