ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สนามหลวง สมัยต้นกรุงเทพฯ เรียก “ทุ่งพระเมรุ” เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำกว่าที่เห็นและเป็นอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งถูกถมสูงหลายครั้งหลายหนเพื่อกิจกรรมต่างๆ
แผ่นดิน ร.3 เคยให้ทำนาในที่ลุ่มท้องสนามหลวงเมื่อมีความขัดแย้งรุนแรงกับญวน (เกี่ยวกับดินแดนเขมร) เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้าวปลาอาหารในกรุงจะไม่ขาดแคลนแม้มีศึกสงครามมาล้อม
สภาพลุ่มต่ำเป็นท้องนาของสนามหลวง ยังพบหลักฐานว่าเชลยลาวสมัยศึกเจ้าอนุวงศ์เกือบ 200 ปีมาแล้ว ที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นไพร่บ้านพลเมืองกรุงเทพฯ เมื่อไม่มีจะกินต้องถือข้องลงทุ่งแล้วอาศัยตีกบเขียดอึ่งอ่างเปี้ยวปูหนูนาสารพัดสัตว์มาทำกิน มีบทร้องเพลงลาวแพน ดังนี้
แสนอึดแสนจน เหมือนอย่างคนตกนาฮก
มืดมนฝนตก เที่ยวหยกๆ ถกเขมร
ถือข้องส่องคบ จับกบทุ่งพระเมรุ
เปื้อนเลนเปื้อนตม เหม็นขมเหม็นคาว
จับทั้งอ่างท้องขึง จับทั้งอึ่งท้องเขียว
จับทั้งเปี้ยวทั้งปู จับทั้งหนูท้องขาว
จับเอามาให้สิ้น มาต้มกินกับเหล้า
เป็นกรรมของเฮา เพราะอ้ายเจ้าเวียงจัน เพื่อนเอยฯ
ก่อนเป็นลานฆาตกรรมทางการเมืองครั้งบันลือโลก 6 ตุลาคม 2519 สนามหลวงเคยเป็นพื้นที่ “ไฮด์ปาร์ก” แสดงออกทางการเมืองมาก่อน แล้วเป็นพื้นที่ปราศรัยหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ
ประเทศไทยจัดการเลือกตั้งทั่วไป
กรุงเทพฯ 10 กุมภาพันธ์ – คนไทยออกไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ผู้สมัคร 1,522 คน จาก 12 พรรคการเมืองและไม่สังกัดพรรคใด แข่งขันกันเพื่อให้ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรที่มี 219 ที่นั่ง พรรคสหประชาไทยของจอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เสียงท่วมท้นในต่างจังหวัด ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะในกรุงเทพฯ และธนบุรี และได้เป็นแกนนำฝ่ายค้านในที่สุด
[ข้อความรวมทั้งภาพและบรรยายภาพได้จากหนังสือ กาลานุกรมสยามประเทศไทย 2485-2554 (ชาญวิทย์ เกษตรศิริ บรรณาธิการ) โพสต์บุ๊กส์ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2555 หน้า 122]