คอลัมน์ ฟรีสไตล์เรื่องบ้าน บ้าน : ออฟฟิศเสียวเว้ย

ภาพจาก http://www.thaipropertytoday.com

จั่วหัวให้วาบหวิวเล่นๆ วันนี้ชวนคุยเกี่ยวกับออฟฟิศสุดเสียว

ก่อนหน้านี้เพิ่งนำเหนอเรื่องเกี่ยวกับสกายวอล์ก ซึ่งมีการใช้ประโยชน์หลัก 2 ด้าน 1.เพิ่มทางเท้าลอยฟ้าให้กับย่านชุมชนคนพลุกพล่าน 2.ใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

มีตัวอย่างในต่างจังหวัด ที่วัดผาตากเสื้อ อำเภอนิคม จังหวัดหนองคาย ทางกรมโยธาธิการฯ เขาสร้างสกายวอล์กกรุกระจก สำหรับให้นักท่องเที่ยวไปยืนชมวิว-แชะรูปอวดเพื่อนโซเชียล

ล่าสุด ได้รับเชิญไปเยี่ยมชมออฟฟิศธุรกิจอีคอมเมิร์ซยี่ห้อดังระเบิดระเบ้อ 2 บริษัท เอ่ยชื่อเชื่อว่าต้องร้องอ๋อ มี “ลาซาด้า” ของคุณ แจ๊ค หม่า กับ “a-commerce” เจ้าของมี 3 หุ้น (1 ใน 3 หุ้นอายุ 29 ปีเองอ่ะ ชื่อ น้องแคร์)

Advertisement

ประเด็นคือทั้งสองบริษัทนี้เขาไปเหมาเช่ายกฟลอร์ เพราะติดอกติดใจทำเลตอบโจทย์เพื่อนพนักงาน และบังเอิญตึกที่เขาไปเช่าก็มีเรื่องเสียวๆ ซะด้วยสิ เฉลยก็แล้วกันว่าชื่อตึก ภิรัชทาวเวอร์ @ เอ็มควอเทียร์

ทั้งนี้ทั้งนั้น อสังหาริมทรัพย์แบ่งกว้างๆ ได้ 2 ประเภทคือพาณิชยกรรม ภาษาต่างด้าวเรียกว่า Commercial ได้ทั้งสำนักงานให้เช่า ศูนย์การค้า โกดังให้เช่า คอมมิวนิตี้มอลล์ โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

อีกประเภทคือที่อยู่อาศัย ภาษาต่างด้าวเรียกว่า Residentail ได้แก่ คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ รวมทั้งอาคารพาณิชย์ที่กึ่งอยู่กึ่งทำการค้า

Advertisement

ข้อแตกต่างคือ อสังหาฯประเภททำการค้า ผู้เข้าไปอยู่มีจุดประสงค์เพื่อทำการค้า มีสถานะเป็นผู้เช่า ส่วนอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยเมื่อตกลงซื้อขายแล้วต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อมีสถานะเป็นเจ้าของหลังรับโอน

งงล่ะสิ อยู่ๆ พาออกทะเลลึกซะงั้น อธิบายเป็นตุเป็นตะเพื่อจะวกกลับเข้ามาบอกว่าตึกภิรัชทาวเวอร์ฯเขาเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอมเมอร์เชียล โดยเป็นสำนักงานให้เช่าหรือออฟฟิศบิลดิ้ง เขียนคนละอย่างแต่ความหมายเดียวกัน สร้างตึกขึ้นมาแล้วแบ่งเป็นห้องๆ ให้เช่าทำสำนักงาน

ไม่รู้บังเอิญหรือเปล่า ในมหานครกรุงเทพมีคนรวยที่คิดเหมือนกันว่าลงทุนออฟฟิศบิลดิ้งแล้วน่าจะดี เหมือนเสือนอนกิน เพราะสร้างตึกครั้งเดียวแต่เก็บกินค่าเช่าได้ไม่รู้จบ ปกติมาตรฐานเขาทำสัญญาเช่าทุก 3 ปี ถ้าผู้เช่าไปไม่รอดก็จะได้เลิกสัญญาได้ หรือถ้าทำเลดี๊ดี เจ้าของตึกก็จะได้ขึ้นราคาตอนต่อสัญญา ก็เลยเป็นสัญญาระยะสั้น อะไรประมาณนี้

ปรากฏว่า คนรวย อืมม์ หมายถึงนักลงทุนที่อยากเป็นเสือนอนกินดันมาคิดตรงกัน ทำให้สถิติเมืองกรุงเทพฯของเรามีพื้นที่ออฟฟิศบิลดิ้งปาเข้าไป 8-10 ล้านตารางเมตร ตัวเลขนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

ตึกเก่าก็เยอะ ตึกใหม่ก็ยังตอกเข็มก่อสร้างกันไม่หยุดหย่อน ทำให้สมรภูมิการแข่งขันวงการออฟฟิศบิลดิ้งสูงเลือดสาดไม่แพ้ตลาดคอนโดฯ

เขามีการแบ่งเกรดออฟฟิศกันด้วยนะ วิธีดูก็ให้ดูจากค่าเช่าเป็นหลัก มีเกรด A B C ถ้าเดินไปถามเจ้าของตึกเขาจะบอกว่าเกรด A ต้องมีค่าเช่า 1,000 บาท/ตารางเมตรให้เห็น เกรดรองๆ ลงมาค่าเช่าก็ลดหลั่นกันไป

ตัวกำหนดค่าเช่านอกจากดีมานด์ในตลาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ยังตัดเชือกกันด้วยคำ 3 คำ นั่นคือ “ทำเล ทำเล และทำเล”

นั่นแปลว่าคัมภีร์ในการลงทุนออฟฟิศบิลดิ้ง ใช้อันเดียวกับโครงการที่อยู่อาศัย มีทำเลเป็นตัวตัดสินกับเขาด้วย

สำหรับตึกภิรัชทาวเวอร์ @ เอ็มควอเทียร์ นอกจากกินขาดที่มีทำเล 2 เด้งคือ ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสกับติดห้างเอ็มควอเทียร์ เขายังขยันสร้างจุดขายมากขึ้นไปอีก โดยทำเป็นงวงช้างยื่นออกไปในอากาศ เรียกว่าเป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ของเมืองกรุง

ประเด็นเสียวของเขาเพราะสร้างสูง 180 เมตรจากผืนดิน อยู่บนชั้น 45 กรุกระจกใสแหนว ซ้ายก็มองทะลุ ขวาก็มองทะลุ ก้มหน้าดูเท้าก็มองทะลุเห็นฟุตปาธถนนสุขุมวิท วันที่ไปเยี่ยมชมสถานที่ “น้องตอง” โปรดิวเซอร์รายการคุยอสังหาฯ กับประชาชาติถึงกับหลับตาปี๋เพราะเป็นโรคกลัวความสูง

มาถึงตรงนี้ขออนุญาตขายของเนียนๆ นะคะ คุยอสังหาฯ กับประชาชาติ นำเสนอเป็นรายการทีวีแบบ live สด บนเพจเฟซบุ๊กข่าวสดทุกวันอังคาร เวลา 20.30 น. จากนั้น รีรันอีกครั้งบนเพจเฟซบุ๊กประชาชาติธุรกิจ ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. กราบค่ะ

กลับเข้าเรื่องอีกครั้ง ถ้านึกเคลิ้มอยากขึ้นไปแชะ แชะ แชะ ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ต้องบอกว่าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะอย่างที่บอกไว้แล้วว่าตึกภิรัชทาวเวอร์ฯเขาเซตธุรกิจมาเป็นออฟฟิศบิลดิ้ง ไม่ได้ทำเป็นโรงแรมเหมือนตึกใบหยกที่คนสามารถซื้อตั๋วแล้วขึ้นไปชมวิวบนชั้น 84 ได้

เพราะฉะนั้น จุดชมวิวสุดเสียวบนชั้น 45 ของตึกภิรัชฯจึงสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับลูกค้าผู้มาใช้บริการจัดงานประชุม งานแต่งงาน งานเลี้ยงต่างๆ สนนราคาค่าใช้จ่ายไม่ได้บอก แต่เกริ่นไว้ว่าค่าเช่าระดับลักเซอรี่ บนหลังคาชั้น 46 จัดลานฮอ (เฮลิคอปเตอร์) ไว้ให้แขก VVIP บินมาลง ไรงี้

มีข้อมูลเป็นน้ำจิ้มให้สักเล็กน้อย ผู้บริหารของอีคอมเมิร์ซทั้ง LAZADA และ a commerce บอกตรงกันว่า พฤติกรรมการเลือกบริษัทที่จะทำงานด้วยของพนักงานคนรุ่นใหม่ เขาเล่นตัวได้ถึงขนาดที่ว่าต้องมี 3 อย่างนี้ถึงจะมาสมัครงาน

อย่าเพิ่งเดาว่าเงินเดือนแพง เพราะไม่ติดชาร์ตในท็อป 3 เลย จริงหรือเปล่าไม่รู้เขาบอกว่าเรื่องเงินเดือนมาเป็นอันดับ 4

ในขณะที่ท็อป 3 ประกอบด้วย เรื่องแรก ต้องเป็นงานที่เขาอยากทำและมีโอกาสก้าวหน้าอีกต่างหาก, อันดับ 2 วัฒนธรรมองค์กรต้องสามารถอยู่ร่วมได้อย่างมีความสุข พูดไปพูดมาก็คือบรรยากาศในที่ทำงานนั่นแหละ

ตัวเลือกอันดับ 3 คือออฟฟิศจะต้องอยู่ในทำเลที่พวกเขาเดินทางสะดวก มีแหล่งกินแหล่งช็อปอยู่ในนั้น ประมาณว่าเวลานัดแฮงก์เอาต์กับเพื่อนสามารถพูดดังๆ ได้ว่าตัวเองทำงานที่ตึกไหน

สรุปว่าออฟฟิศสมัยเน้ ต้องเสียวได้และโม้ได้ แบบนี้ถึงจะโดน (ฮา)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image