คอลัมน์ นอกลู่ในทาง : ค้าปลีกยุคใหม่ในวันที่นักช้อปเปลี่ยนไป

ภาพจาก V.Photos

กลับมาอีกครั้งกับวันนักช้อปแห่งปีของยักษ์อีคอมเมิร์ซโลก “อาลีบาบา” หรือ “11.11 โกลบอลช้อปปิ้ง เฟสติวัล 2017” (11.11 มาจากวันที่ 11 เดือน 11) ซึ่งหนนี้ในบ้านเราเองก็ไม่พลาดที่จะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวจัดงานพร้อมกันไป

นำโดย “ลาซาด้า” เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในเครืออาลีบาบาเองกับแคมเปญ “11.11 ออนไลน์ เฟสติวัล” ที่จะเริ่มเคาต์ดาวน์เข้าสู่แคมเปญตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป ก่อนที่จะนับถอยหลังเข้าสู่เมก้าเซลส์ 11.11 แห่งปีในคอนเซ็ปต์ “ช้อปทะลุจักรวาล” ในเวลาเดียวกันกับที่ประเทศจีน

โดยในบ้านเรา ในปีนี้จะถ่ายทอดสดทั่วประเทศผ่านโทรทัศน์ (ช่อง 3) และทาง “ลาซาด้าทีวี” (www.lazada.co.th/tv) ด้วย ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน ไปจนถึง 00.30 น. ของวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2560

ไม่กี่ชั่วโมงจากคืนวันที่ 10 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน “ลาซาด้า” มั่นใจว่าแคมเปญในปีนี้จะทำลายสถิติของปีที่แล้ว ที่มียอดผู้เข้าชมมากกว่าสามล้านครั้งภายใน 12 ชั่วโมงแรก และมียอดการสั่งซื้อสามชิ้นในทุกวินาที โดยจะมีสินค้าจากร้านค้าที่เข้าร่วมในประเทศไทยมากกว่า 20,000 ร้านค้า และจากต่างประเทศอีกกว่า 25,000 ร้านค้า

Advertisement

“อเล็กแซนดรอ บิสชินี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการถ่ายทอดสดมหกรรม “11.11 ออนไลน์ เฟสติวัล” ผ่านทางโทรทัศน์ด้วย เพื่อเป็นการผสมผสานความบันเทิงกับการช้อปปิ้งและการโฆษณาเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการอินเตอร์แอ๊กทีฟระหว่างรายการกับผู้ชม ซึ่งน่าจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคไทยได้มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์และประโยชน์จากการช้อปปิ้งออนไลน์ได้มากขึ้นและสนุกขึ้น สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ไม่ชอบการโฆษณา

“เราคาดหวังว่าสิ่งนี้จะเป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมั่นใจว่าแคมเปญนี้จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 5 เท่า เทียบกับช่วงเวลาปกติ และถือเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่ยิ่งใหญ่มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยได้ร่วมมือกับบริษัทกันตนา ในการทำให้ 11.11 ออนไลน์ เฟสติวัล เป็นรายการทีวีที่มีคอนเทนต์ทันสมัยแปลกใหม่ และเหมาะกับทุกคนในครอบครัวด้วย”

ปัจจุบันเว็บไซต์ของ “ลาซาด้า” มีอัตราการเข้าชมเกือบ 70 ล้านคน หรือประมาณเดือนละ 7 ล้านคน และมียอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น 16 ล้านครั้ง มีสินค้าวางจำหน่ายมากกว่า 40 ล้านชิ้น เพิ่มจากปีที่แล้วหลายเท่าตัว เนื่องจากได้สินค้าจากเว็บไซต์เถาเป่า (Taopao) เข้ามาเสริมทัพเป็นจำนวนมาก

Advertisement

และทุกวันนี้การซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ได้กลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 5 สำหรับผู้บริโภคชาวไทยไปแล้วเรียบร้อย รองจากการใช้งานโซเชียลมีเดีย, เสิร์ชเอ็นจิ้น, อีเมล์ และดูวิดีโอ ขยับขึ้นจากปีที่แล้วที่เป็นกิจกรรมอันดับ 8 ของพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้อินเตอร์เน็ต

เท่ากับตอกย้ำให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการช้อปปิ้งออนไลน์ของผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี

สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ “ลาซาด้า” มีอายุระหว่าง 18-35 ปี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 ล้านคน โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ชอบซื้อสินค้า และใช้เวลากับอินเตอร์เน็ตมากถึง 7.24 ชั่วโมงต่อวัน

“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเมื่อก่อน 80% ของผู้ใช้มาจากพื้นที่กรุงเทพฯ จนเมื่อมีแอพพลิเคชั่น กลายเป็นว่าลูกค้า 70% จะอยู่ในต่างจังหวัด ส่วนหมวดสินค้าขายดีจะเป็นสินค้าที่ใช้ในครัวเรือนและสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากการขนส่งสะดวกขึ้น จากเดิมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขายดี”

“11.11 ออนไลน์ เฟสติวัล” ของ “ลาซาด้า” จะมีใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่มีเพียงประเทศไทยและอินโดนีเซียเท่านั้นที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ด้วย

แคมเปญดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นมาจาก “11.11 โกลบอลช้อปปิ้ง เฟสติวัล” ของ “อาลีบาบา” ที่จัดขึ้นในประเทศจีนเมื่อ 8 ปีก่อน (ปี 2552) โดยเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซโลก “แจ๊ก หม่า” แห่งอาลีบาบา ได้ไอเดียมาจาก “วันคนโสด” ซึ่งเป็นกิจกรรมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนานกิง ที่จัดขึ้นเพื่อให้กำลังใจคนโสดทั้งหลาย ด้วยการจัดกิจกรรมสังสรรค์เพื่อเปลี่ยนวันเหงาๆ ให้เป็นวันเฉลิมฉลองความโสดอย่างมีความสุข

โดย “อาลีบาบา” ทำให้วันคนโสดเป็นวันช้อปปิ้งแห่งชาติที่ทุกคนเข้าร่วมได้หมด มีสารพัดโปรโมชั่น ลด-แลก-แจก-แถม เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในออนไลน์ให้หมดทั้งคนโสดและไม่โสด

ปัจจุบัน 11.11 โกลบอลช้อปปิ้ง เฟสติวัล ได้กลายเป็นช่วงเวลาที่มีการช้อปปิ้งออนไลน์สูงสุดในโลก ด้วยขนาดของประชากรในประเทศจีนที่มากที่สุดในโลก และกำลังซื้อมหาศาล

โดยในปีที่ผ่านมา เริ่มงานไปได้แค่ 5 นาที มูลค่าการซื้อสินค้าที่ชำระเงินผ่านระบบอีเพย์เมนต์ “อาลีเพย์” สูงถึงกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนที่จะทะลุ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในชั่วโมงเดียว

ยอดขายทั้งหมดในงานนี้สูงถึง 17,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีร้านค้าเกือบ 100,000 รายเข้าร่วม ถ้าคิดเฉพาะมูลค่าที่มีการชำระเงินผ่าน “อาลีเพย์” จะอยู่ที่ 14,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 82% ของยอดขายรวม

ผู้บริโภคชาวจีนที่รับชมการถ่ายทอดสดหน้าจอโทรทัศน์จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ได้ด้วยการเขย่า หรือจิ้มหน้าจอสมาร์ทโฟนของตนเองได้ ทั้งสแกนรหัสโปรโมชั่นและแชตกับผู้ชมคนอื่นๆ หรือเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกได้โดยตรง

เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงอนาคตที่ชัดเจนของวงการค้าปลีกยุคใหม่ ที่จะต้องผสมผสานโลกของการค้า ความบันเทิง และการโต้ตอบกับผู้บริโภคในรูปแบบใหม่ๆ ระหว่างออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน

หมายความว่า แม้ค้าปลีกออนไลน์จะกลายเป็นอนาคต แต่ช่องทางออฟไลน์ก็จะยังอยู่ เพียงแต่ไม่ใช่แบบเดิมๆ อีกต่อไป

สำหรับ 11.11 ปี 2560 นี้ “อาลีบาบา” มาพร้อมแนวคิด New Retail เชื่อมโยงออฟไลน์-ออนไลน์ โดยมีความร่วมมือระดับโลกในภาคธุรกิจครอบคลุมทั้งผู้บริโภค ผู้ค้าปลีก บริษัทโลจิสติกส์ สถาบันการเงิน ร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และศูนย์การค้าเข้าด้วยกัน รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มายกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้งให้นักช้อปชาวจีน แบบที่ว่ากันว่า “จัดเต็ม” กว่าครั้งไหน

มาลุ้นกันว่า “11.11 โกลบอลช้อปปิ้ง เฟสติวัล” ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้จะทำลายสถิติที่เคยทำได้ในปีที่ผ่านมาขนาดไหน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image