ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ส.พลายน้อย |
เผยแพร่ |
เพื่อนคนหนึ่งรู้ว่าผมเป็นโรคโลหิตจาง หมอต้องให้ยาบำรุงเลือดมากินเป็นประจำ เขาไปอ่านพบการวิจัยว่ามะเขือเทศกินแล้วช่วยบำรุงโลหิตได้เขาก็ซื้อมาฝากบอกว่าเป็นอาหารด้วย บำรุงเลือดด้วย ไม่มีโทษอะไร มะเขือเทศที่เขาซื้อมาฝากเป็นชนิดลูกเล็กเรียกว่า “มะเขือเทศสีดา”
ชื่อมะเขือเทศสีดา ทำให้นึกถึงสมัยเป็นเด็ก เรียนหนังสือที่วัดประดู่ทรงธรรม ที่วัดนั้นมีต้นไม้ชนิดหนึ่งออกลูกให้เด็กวัดกินเล่นอยู่ไม่ขาดเรียกกันว่า “ละมุดสีดา” ได้เล่าให้เพื่อนคนนั้นฟัง เขาว่าไม่เคยกินไม่เคยเห็น เขากลับย้อนถามว่ามีจริงหรือ ผมก็ตอบยืนยันว่ามีจริงและมีเรื่องโบราณเล่าไว้ว่า ”นางสีดา” ได้ชื่อจาก “ต้นละมุดสีดา” ละมุดสีดาที่เคยเห็นเป็นต้นไม้ขนาดเล็ก เพราะตอนเป็นเด็กยืนเก็บผลละมุดสีดาได้สบาย ผลละมุดสีดาคล้ายผลพิกุล เมื่อสุกมีสีแดง มีรสหวานเล็กน้อย อร่อยกว่าผลพิกุลซึ่งมีรสฝาด สมัยก่อนนิยมปลูกตามวัดถือเป็นของแปลก ส่วนจะมาจากไหนครั้งใดไม่ทราบ มีเรื่องปรากฏใน ”นารายณ์สิบปาง” ของท่านเลื่อนฤทธิ์เป็นหนังสือเก่าเขียนในสมุดไทยเล่าว่า เมื่อนางมณโฑประสูติธิดามีเสียงร้องของทารกฟังได้ว่า “ปราบให้ราบ” (ต่างจากรามเกียรติ์ที่ร้องว่า ”ผลาญราพณ์”) ร้องขึ้น 3 ครั้ง แผ่นดินเมืองลงกาก็ทรุดเอียงไปข้างหนึ่ง
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีในหนังสืออื่น ไทยเราจะได้มาจากปากพราหมณ์เล่าให้ฟัง หรือแต่งเสริมขึ้นใหม่ก็ไม่ทราบ แต่ทำให้ทศกัณฐ์ใจฝ่อเกิดกลัวว่าจะเป็นลางร้าย จึงให้พิเภกทำนายว่าจะดีร้ายประการใด พิเภกทูลว่ากุมารีชะตาแรง ขืนเลี้ยงไว้จะทำให้ญาติวงศ์พงศาเดือดร้อนรวมถึงเจ้ากรุงลงกาก็จะอยู่ไม่เป็นสุข ทางที่ดีควรจะปล่อยไปให้พ้นกรุงลงกา ทศกัณฐ์ฟังแล้วยิ่งไม่สบายใจส่งให้เอากุมารีใส่ผอบลอยน้ำไป
ครั้งนั้นท้าวชนกกษัตริย์เมืองวิเทหะ (Videha) สละราชสมบัติออกบวชเป็นฤษีไปพบเข้าก็เก็บมาเลี้ยงไว้ที่อาศรม ต่อมาเห็นว่าเป็นภาระลำบากจึงเอาผ้าชุบน้ำอธิษฐานให้น้ำเป็นน้ำนมใส่ปากให้ทารกได้ดูดกินอย่ารู้แห้งไปจนอายุครบ 15 ปี อธิษฐานแล้วก็เอาทารกใส่ผอบไว้ตามเดิม นำไปฝังไว้ใต้ต้นละมุดสีดา ต่อมาเมื่อท้าวชนกหายจากโรคาพยาธิ จึงกลับไปครองเมืองลืมกุมารีที่ฝังไว้เสียสนิท ผ่านไป 15 ปี ระลึกได้ว่าฝังผอบฝากเทวดาไว้ที่ใต้ต้นละมุด ก็กลับไปขุดหาแต่ไม่พบ เพราะเทวดาไม่พอใจที่ผิดสัญญาจึงแกล้งปิดบังไว้
ครั้นท้าวชนกแต่งเครื่องสังเวยพลีกรรมขอโทษ แล้วกลับไปไถดินหาอีกครั้งหนึ่งจึงพบเมื่อเปิดผอบออกดูก็พบสาวอายุ 15 ปี ได้พากลับบ้านเมืองตั้งชื่อว่าสีดา ตามต้นไม้ที่ฝังผอบไว้
เล่าย่อๆ พอให้เห็นความต่างกันของประวัติ ยังมีเรื่อง อื่นๆ อีกจะได้เล่าต่อไป