คอลัมน์ฟิสิกส์ธรรมดา สาระมันส์ : ถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษ น่ากลัวกว่ากัน

ภาพจาก www.independent.co.uk

เมื่อพูดถึงถุงพลาสติก คนจำนวนมากรู้ดีว่ามันเป็นวัสดุยากต่อการย่อยสลายซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อมตามมามากมาย เศษถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งไม่เป็นที่ หรือหลุดออกจากสถานที่ทิ้งขยะนั้นเป็นภัยต่อทั้งสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลที่อาจหลงคิดว่าเศษถุงพลาสติกเป็นอาหารแล้วเผลอกินเข้าไปจนเสียชีวิต

ถุงพลาสติกโดยทั่วไปเป็นสารประเภทโพลีเอทิลีน (polyethylene) ที่ได้มาจากน้ำมันดิบนักวิทยาศาสตร์จึงทำการวิจัยเพื่อสร้างถุงพลาสติกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (PLA) ซึ่งโดยทั่วไปทำมาจากแป้งข้าวโพด จนได้วัสดุที่คุณสมบัติและหน้าตาคล้ายพลาสติก แต่ใช้เวลาในการย่อยสลายไม่นานนัก

อย่างไรก็ตาม หากพลาสติกที่ย่อยสลายได้นี้ปะปนเข้าไปกับพลาสติกโพลีเอทิลีนที่จะนำไปรีไซเคิล ตัวมันจะกลายเป็นสิ่งปนเปื้อนที่ทำให้การรีไซเคิลยุ่งยากขึ้นไปอีก

ปัญหาอีกอย่างของถุงพลาสติกคือมันเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่นำมารีไซเคิลได้ยากลำบาก การแยกถุงพลาสติกออกจากขยะอื่นๆ เป็นงานยาก แยกออกมาแล้วยังต้องทำให้สะอาดก่อนรีไซเคิลอีกต่างหาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ถุงพลาสติกปริมาณมหาศาลถูกใช้แล้วทิ้งโดยไม่ถูกนำมารีไซเคิล ในประเทศสหรัฐอเมริกามีถุงพลาสติกเพียง 1% เท่านั้นที่ถูกนำมารีไซเคิล แต่ในหลายประเทศอย่างแคนาดาก็มีการรีไซเคิลถุงพลาสติกอย่างได้ผลและเป็นระบบ

Advertisement

หลายๆ ประเทศจึงมีการสั่งห้ามใช้ถุงพลาสติก ยกตัวอย่างเช่น หลายเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา
มีการสั่งห้ามใช้ถุงพลาสติกในร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ฯลฯ เริ่มจากที่เมืองซานฟรานซิสโก และค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเป็นการห้ามใช้รัฐแคลิฟอร์เนียในปี ค.ศ.2014 เมือง Modbury ในประเทศอังกฤษประกาศเลิกใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่ปี ค.ศ.2007 นอกจากนี้ หลายเมืองในประเทศอินเดียและออสเตรเลียก็มีการห้ามใช้ถุงพลาสติกด้วย ส่วนประเทศรวันดา บังกลาเทศ และเคนยานั้นห้ามใช้ทั้งประเทศ หลายประเทศบนโลกแม้จะไม่ได้สั่งห้าม แต่ก็หาทางออกด้วยการใช้มาตรการขึ้นภาษีถุงพลาสติก ในประเทศไทยมีหน่วยงานหลายแห่งพยายามรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก
ให้น้อยลง

หลายคนจึงหลีกเลี่ยงไม่ใช้ถุงพลาสติกนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างถุงพลาสติกกับถุงกระดาษ เราควรเลือกใช้อะไร? หลายคนอาจเลือกใช้ถุงกระดาษที่ดูเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

แต่ถ้ามองในแง่ของข้อเสียให้ดี เราจะพบว่าถุงกระดาษนั้นมีด้านมืดที่หลายคนอาจมองไม่เห็น

อย่างแรกคือ วัตถุดิบที่ใช้ทำถุงกระดาษคือต้นไม้ ซึ่งมีคุณค่ามากมายต่อระบบนิเวศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดูดซับก๊าซเรือนกระจก

อย่างที่สองคือ ในกระบวนการผลิตถุงกระดาษนั้นโดยทั่วไปจะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 80% ของการผลิตถุงพลาสติกและทำให้เกิดน้ำเสียมากกว่าราว 50 เท่า

กล่าวโดยสรุปได้ว่า ทั้งสองต่างมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับประโยชน์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน

ดังนั้น หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรรับถุงใดๆ จากร้านสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษ
แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ควรเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม ที่สำคัญที่สุดคงเป็นการแยกและทิ้งขยะให้เป็นที่และทำอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้ธรรมชาติก็ดีขึ้นได้อย่างมากแล้ว


อ้างอิง

https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-02-08/the-obscure-history-and-future-of-the-plastic-bag

https://science.howstuffworks.com/environmental/green-science/paper-plastic1.htm

https://science.howstuffworks.com/environmental/green-science/plastic-bag-green.htm

https://www.csmonitor.com/2007/0329/p01s03-ussc.html

http://www.allaboutbags.ca/recycling.html

http://www.bbc.com/news/uk-42703561

https://www.theguardian.com/environment/2010/jun/28/thailand-plastic-bags

https://www.plasticoceans.org/rwanda-plastic-bag-ban/

https://people.howstuffworks.com/how-many-cities-have-a-ban-on-plastic-bags.htm

http://www.independent.co.uk/news/world/americas/michigan-the-us-state-that-just-banned-banning-plastic-bags-a7505611.html#gallery

http://wwf.panda.org/what_we_do/where_we_work/east_african_coast/?321950/Reducing-plastic-in-Kenya

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image