ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ขับไล่ไสส่งคนรากหญ้าอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ผู้มีรายได้น้อย
ออกไปไกลๆ ให้พ้นๆ เป็นลักษณะไทยอย่างหนึ่งของยุคนี้
หลักฐานโจ่งแจ้งแดงแจ๋ที่สุดคือสถานีขนส่งมวลชนที่ถูก
ย้ายไกลออกไปเรื่อยๆ จากศูนย์กลางเมือง โดยยังไม่ต้องดูเรื่องระบบบริการ
สถานีขนส่ง
สถานีขนส่งมวลชนจะอยู่ใจกลางเมือง หรือใกล้เคียงศูนย์กลางของเมืองใหญ่ในประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อบริการคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่มีรถส่วนตัว และลดความแออัดยัดเยียดโกลาหล
“นครยุคใหม่ไฮเทคไม่ว่าจะเป็นโตเกียว, ไทเป, นิวยอร์กต่างปรับรูปแบบสถานีขนส่งให้อยู่ในใจกลางเมือง โดยจัดการช่องพื้นผิวจราจรพิเศษด้วยการเจาะอุโมงค์หรือทำสะพาน นำรถจากทางหลวงนอกเมืองดิ่งเข้าใจกลางเมือง ก่อนจะกระจายด้วยระบบขนส่งมวลชนในเมือง”
[จากบทความ “ย้าย บขส. เปลี่ยนเมืองให้ร้าง” โดย ธีรภัทร เจริญสุข ในมติชนฉบับวันพุธที่ 11 เมษายน 2561 หน้า 14]
นิวยอร์กเป็นมหานครบนเกาะแมนฮัตตัน มีตึกสูงเสียดฟ้าแทบหาแดดส่องถึงพื้นดินไม่ได้ (เพราะตึกบังและมีคอนกรีตปกไว้)
แต่สร้างสถานีขนส่งไว้กลางมหานคร โดยใช้พื้นที่ใต้ดิน แล้วมีเส้นทางเฉพาะโดยเจาะอุโมงค์ใช้เข้า/ออกนอกเกาะในเกาะอย่างรวดเร็ว ไม่ติดไฟแดง
ลักษณะไทย
สังคมไทยใส่ชุดประจำชาติ มักตำหนิรุนแรงต่อสังคมอเมริกันในเชิงว่าไม่มีวัฒนธรรมอย่างไทยซึ่งเป็นเมืองพุทธที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อสรรพสัตว์
แต่สถานีขนส่งนิวยอร์กไม่ขับไล่ไสส่งประชากรส่วนใหญ่ออกจากมหานครไปพ้นๆ โดยมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ เน้นความเสมอภาค แม้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ลดได้ไม่น้อย
ส่วน กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดของไทยสร้างสถานีขนส่งออกนอกเมือง พยายามเสือกไสบรรดาคนส่วนมากชั้นรากหญ้า
ไม่มีรถส่วนตัวถูกไล่ส่งไปพ้นๆ เพื่อเอาพื้นที่ในเมืองสร้างศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า
บาทวิถีในเมืองถูกทำให้แคบ เพื่อเปิดพื้นที่กว้างให้ผิวจราจรของรถยนต์ส่วนตัว (ไม่รถเมล์)
“เที่ยวไทยไม่สนุก เข้าถึงไม่ทุกที่ ไม่มีขนส่งสาธารณะ”
ไม่ว่าเมืองหลักหรือเมืองรอง ทั้งๆ มีถนนหนทางอย่างดี แต่เพื่อคนมีรถส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีรถเมล์ประจำทางเพื่อคนรากหญ้า
สังคมดีแต่พูดว่าเมืองพุทธ ใจบุญสุนทานเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่จริงๆ แล้วทำบุญเอาหน้าอย่างหน้าเนื้อใจเสือ เถือถากคนรากหญ้า