กาแฟ อาหาร การเมือง และเบรนเวค ชีวิตคล้าย ‘มอคค่า’ ของ ‘สุรนันทน์ เวชชาชีวะ’

“มอคค่า”

คือเครื่องดื่มที่ “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” มอบให้กับนิยามชีวิตของตัวเอง

เข้มข้น แต่ดื่มแล้วสบายใจ คือเหตุผลเรียบง่ายที่อธิบายรสชาติใน 57 ปีที่ผ่านพ้น

ข้าราชการ นักธุรกิจ นักการเมือง กระทั่งนั่งหลังแป้นพิมพ์เป็นเจ้าของคอลัมน์ “ชิม ชิล ชิล” ที่เคยพาแฟนๆ “มติชนรายวัน” เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ จนอิ่มหนำผ่านหน้ากระดาษทุกฉบับวันเสาร์

Advertisement

หลังเว้นวรรคงานการเมือง กระโดดสู่ธุรกิจอาหารอย่างเต็มตัวด้วยการเปิด “เบรนเวค” ซึ่งในวันนี้กลายเป็นแบรนด์ร้านกาแฟและอาหารแสนอร่อยที่เติบโตขยับขยายอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังมองอนาคตมุ่งหน้าโกอินเตอร์ในระยะเวลาไม่ไกล

ไม่เพียงความรู้และประสบการณ์ที่จะถูกใช้อธิบายถึงความสำเร็จในธุรกิจ หากแต่รวมถึงความทุ่มเท ใส่ใจทุกรายละเอียด ถึงขนาดลงเรียนทำกาแฟ ไม่ใช่แค่นั่งเก้าอี้ชี้นิ้วบริหาร

เช่นนี้แล้ว คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากเห็นผู้ชายคนนี้เดินเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าตามโต๊ะด้วยตัวเองใต้ตึก “มติชน อคาเดมี” สาขาใหม่ในย่านประชาชื่น ที่เจ้าตัวผูกผ้ากันเปื้อนตัดริบบิ้นเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน นับเป็นสาขาที่ 8 ในช่วงเวลาเพียง 3 ปี

Advertisement

ชื่อ Brainwake มาจากไหน สื่อถึงอะไร?

ผมตั้งเอง เพราะกาแฟกินแล้วปลุกสมอง ตอนนั้นเริ่มจากร้านกาแฟเล็กๆ ที่สุขุมวิท ซึ่งตั้งใจทำให้เป็นร้านของชุมชน เป็นที่ที่คนมาเจอกัน กินกาแฟอร่อย กินอาหารอร่อย ทำให้สมองตื่น บางคนเคยรู้จักกัน มาถึงก็นั่งคุยกัน บางคนไม่รู้จักกัน แต่เห็นหน้ากันจนคุยกัน ทุกสาขามีชั้นหนังสือ เพราะทำให้สมองตื่นเหมือนกัน

ส่วนสโลแกน eat right be right คือ ถ้าเรากินอาหารดี มีคุณภาพ จะทำให้สดใส นอกจากอร่อยแล้วยังมีคุณค่าต่อร่างกายด้วย เราเริ่มจากคอมฟอร์ตฟู้ด คือ อาหารที่ชอบ กินแล้วสบายใจ ไม่มีฟิวชั่นเลย ข้าวหน้าไก่ คือข้าวหน้าไก่ เห็นกันชัดๆ ก๋วยเตี๋ยวคือก๋วยเตี๋ยว อยากเอาอาหารอร่อยมารวมกัน หลายคนมาช่วยผม อย่างพี่บี๋ กรรมการเชฟกระทะเหล็ก ก็มาช่วยออกแบบข้าวหน้าไก่ มาให้สูตร มาช่วยสอน ก๋วยเตี๋ยวก็เป็นก๋วยเตี๋ยวสูตรน้าชู หลังกระทรวงการคลัง

หลายปีมานี้มีเทรนด์เปิดร้านกาแฟกันเยอะมาก อะไรคือเหตุผลที่จะอยู่รอด หรือถูกตีตก

ดวงมั้ง (หัวเราะ) มีคนเตือนผมว่าอย่าทำเลยร้านอาหาร มันเหนื่อย ผมบอก อ้าว ก็อยากทำ แต่ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้นะ ตอนนั้นอยากลอง เป็นความท้าทาย แต่ถ้าใครมาพูดว่าอยากเปิดร้านอาหารบ้าง ผมจะบอกว่า อย่า อย่า อย่า (หัวเราะ)

คือ ต้องทำใจว่ามันมีขึ้น มีลง ของผมก็ไม่ใช่สวยหรูทุกสาขา เคยคุยกับภรรยาว่าถ้าเราทำตั้งแต่หนุ่มสาว คงทะเลาะกัน ร้านเจ๊งไปแล้ว แต่เพราะเรามีประสบการณ์การบริหารทั้งธุรกิจ เอกชน ราชการ และการเมืองด้วย การตกผลึกเรื่องบริหารคนก็มีอยู่ ผมได้ใจลูกน้องเยอะ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ออกไปไหน แต่การคุมค่าใช้จ่ายเป็นประเด็นที่ปวดหัวทุกวัน และอย่าลืมว่าเราไม่ได้ขายของที่ไม่เสีย การสต๊อกของก็มีผิดพลาด ทุกวันนี้ยังเรียนรู้อยู่ บางเมนูที่ชอบก็ต้องตัดใจ เพราะขายไม่ออก

ทำไมเลือกเปิดสาขาล่าสุดที่ ‘มติชนอคาเดมี’

อยากมาประชาชื่นนานแล้ว เพราะลูกค้าสาขาสุขุมวิทบอกว่าเมื่อไหร่จะเปิดแถวนี้ เรามีเชฟญี่ปุ่นซึ่งคุยกันแล้วว่า อาจมาสอนเบเกอรี่ที่มติชนอคาเดมี เชฟญี่ปุ่นของเรามาจากโกเบ อยู่สาขาทองหล่อ เป็นคนทำขนมปังพรีเมียมทั้งหมด มีสัญญากับเราโดยตรง เพราะฉะนั้นเนื้อขนมปังต่างจากที่อื่นแน่นอน และขายที่ลอว์สัน 20 สาขาด้วย ร้านแถวนี้มีเยอะ แข่งขันสูง แต่จากผลตอบรับ 2-3 วันแรก เชื่อว่าจะยืนอยู่ได้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณมติชนด้วย

แต่ละสาขาปรับเปลี่ยนตามไลฟ์สไตล์ชุมชนไหม?

อาหารที่เหมือนกันของทุกสาขาต้องราคาเดียวกัน คุณภาพเดียวกัน แต่ลูกเล่นและโปรโมชั่นอาจแตกต่างเพื่อให้เข้าบรรยากาศ รวมถึงเมนู อย่างสาขามติชนอคาเดมี มีแกงที่เป็นก๋วยเตี๋ยว มีอาหารเช้าแบบ All day breakfast บางเมนูขายที่สุขุมวิท อย่างข้าวไข่พะโล้ ยังไม่ได้เอามาที่นี่ เพราะต้องทดลองว่าชุมชนนั้นชอบอะไร อย่างสาขาจีทาวเวอร์ ซึ่งเป็นสำนักงาน พนักงานออฟฟิศ ซื้อของอีกแบบ คือขนมปังชิ้นนึงกับกาแฟ

การผสมผสานเมนูที่ลงตัวต้องใช้เวลา อย่างวันนี้มีคนแนะนำแล้ว ทำไมไม่มีอันนี้ โอ๊ย! อันนี้แพงไป อย่ามีเลยดีกว่า (หัวเราะ) เราอยากให้ทุกคนมากินได้ทุกวัน ซึ่งก็ต้องไม่กระทบกระเป๋าตังค์เขามาก ไม่ใช่มาทีนึง ฉันไม่มาอีกแล้ว

สาขา ‘มติชนอคาเดมี’ มีเตาอบขนมปังของตัวเองด้วย?

ครับ นี่เป็นที่แรกเพราะมีบริเวณที่ทำได้ แต่อีกหน่อยคงต้องมีที่อื่นอีก กำลังคุยกับทางญี่ปุ่นว่า นี่จะเป็นตัวทดลอง ให้เขาทำกึ่งสุกกึ่งดิบมา แล้วมาอบสุดท้ายที่นี่ นอกจากนั้นยังคิดว่าอาจใช้ตรงนี้เป็นห้องทดลองอีกห้องหนึ่ง ร่วมกับญี่ปุ่นทำขนมปังที่ถูกปากคนไทย อาจมีเค้ก มีอะไรแปลกๆ เป็นลูกเล่น เพราะบางคนบอกรสชาติฝรั่งไป ญี่ปุ่นไป อยากได้รสชาติไทยๆ บ้าง เราก็เสียดาย งกลูกค้า (หัวเราะ) ไหนๆ เขาก็มาแล้ว

มองธุรกิจอาหารและร้านกาแฟใน 5-10 ปีข้างหน้าอย่างไร?

เทคโนโลยีที่จะส่งเดลิเวอรีให้ถึงลูกค้าสำคัญมาก เราก็มีลูกค้าที่สั่งอาหารกล่องโดยไลน์แมน แพนด้า และอื่นๆ เยอะขึ้น แต่มองว่าคนยังอยากมาร้านอาหารที่เป็นชุมชน นั่งสบายๆ ได้บรรยากาศ

ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่หนักมากในธุรกิจนี้ คือเงินเดือนพนักงาน ผมค่อนข้างยุติธรรม ให้เต็มที่ มีประกันสังคม แบ่งทิป แบ่งเซอร์วิส แต่เป็นคอสต์ที่สูง และอีกหน่อยคิดว่าการแข่งขันของร้านอาหารคือทำอย่างไรให้ใช้คนน้อยลง เราอยากจ้าง อยากสร้างงาน แต่ถ้าคนเยอะเกินไป ก็อยู่ไม่ได้

อนาคตที่เราเริ่มทดลองกันอยู่ตั้งแต่พีโอเอส (point of sales) ตัวเก็บเงิน จนถึงการทำอย่างไรให้ใช้คนบริการน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่ต้องลงทุนมากขึ้นคือการฝึกอบรม แต่ผมค่อนข้างโอเค เพราะมีนโยบาย “สร้างคนใน” ทำให้คนอยากอยู่และเรียนรู้ไปกับเรา ไม่ใช่สอนกัน 3 เดือน 6 เดือนถูกซื้อตัว ผู้จัดการสาขา “มติชนอคาเดมี” ก็โตมาจากบาริสต้าสาขาทองหล่อ แล้วเป็นผู้ช่วยผู้จัดการสาขาสุขุมวิท จนมาขึ้นเป็นผู้จัดการที่นี่ การซื้อใจเป็นค่าใช้จ่ายที่แพง ทำให้ต้นทุนแพง

ใน 3 ปีมีถึง 8 สาขา ขยายธุรกิจเร็วมาก?

ผมไม่ได้เก่งนะ ไม่เคยทำร้านอาหารมาก่อน เพราะฉะนั้นทำผิดพลาดเยอะ ล้มลุกคลุกคลาน คนเห็นข้างหน้าบอก อุ๊ย! ขยายใหญ่ แต่บางทีเริ่มนอนไม่หลับเหมือนผู้ประกอบการรายใหม่ทั่วไป ตายละ! จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายเงินเดือน มันก็มีความทุกข์ยากตรงนั้น ใครจะเปิดร้านต้องคิดปัจจัยให้ครบ คนนึกว่าผมวางแผนดี แต่บางทีลูกทุ่ง เปิดๆๆๆๆ แล้วเกือบเจ๊งก็มี เป็นบทเรียน แต่ก็ทำให้แข็งแรงขึ้น

สาขามากมาย แบ่งเวลาดูแลอย่างไร?

ดูภาพรวม ประเมินจากตัวเลข เทคโนโลยีสำคัญ เช่น ระบบรายงานจากแคชเชียร์ ขึ้นปั๊บดูได้ในมือถือ ยอดแต่ละวันเป็นอย่างไร เมนูไหนขายได้ เมนูไหนขายไม่ดี ลูกค้ามีปัญหาอะไร บางทีเขาโพสต์เลย พนักงานไม่ยิ้ม ก็ต้องให้ผู้จัดการส่งคูปองไปขอโทษ

ทุกวันนี้ใช้ไลน์คุยงานด้วย บางทีนอนไม่หลับ ตี 2 ตี 3 ก็สั่งงานในไลน์ไว้ก่อน ให้เขาตื่นเช้ามาเห็น (หัวเราะ) ทีนี้พอทุกคนไลน์ถึงนายได้หมด มีปัญหาอะไรก็ใส่เลย (หัวเราะ) เราบอก ไม่ได้นะ ต้องไปตามขั้นตอน คุณบอกผู้จัดการหรือยัง คุยกับฝ่ายบุคคลหรือยัง ในขณะเดียวกันลูกน้องก็อยากเห็นหน้าเรา ผมตั้งเอาไว้ว่าต้องประชุมทั้งร้านเดือนละหน จะไลน์อย่างเดียวไม่ได้

ถ้าอยากเจอ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ต้องไปสาขาไหน?

เมื่อก่อนไปดักตีหัวได้ที่สาขาสุขุมวิทที่เดียว แต่เดี๋ยวนี้ต้องไปทั่ว บางคนตามทางเฟซบุ๊กว่าผมเช็กอินที่ไหนบ้าง ตอนนี้ถ้าอยากเจอจริงๆ ต้องนัดกันแล้ว แต่พร้อมไปทุกสาขา

มีคนตั้งใจไปดักเจอไหม?

มีๆ พวกมิตรรักแฟนเพลงสมัยการเมืองเก่าๆ และลูกน้องเก่าที่ไม่เจอนาน แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเมือง ตอนนี้ผมก็ไม่ใช่ว่าเป็นฝ่ายเดียวนะ ที่ดีอย่างหนึ่งคือ พอเป็นนักธุรกิจ เราไม่มีสังกัด ก็มีเพื่อนทุกฝ่ายมานั่งคุย

แผนเปิดสาขาต่างประเทศกับการขยับสู่บูติกโฮเท็ลไปถึงไหนแล้ว?

คิดอยู่ ดูอยู่ เราแข็งแรงในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี แต่ยังไม่แข็งแรงพอ จริงๆ แล้วมีพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่นกับจีนอยากลงทุนและมาลงทุนในบริษัทแล้วด้วย แต่ปีนี้เรื่องเปิดสาขาต่างประเทศ ยังขอไว้ก่อน ตอนนี้ต้องทำแบรนด์ให้แข็งแรงขึ้น ทุกสาขาต้องมีกำไร อยู่ได้ด้วยตัวเอง ส่วนบูติกโฮเท็ลมีคนมาคุยว่าอยากทำโรงแรมแต่ทำร้านอาหารไม่ได้ เราอยากทำอยู่แล้วและผู้ถือหุ้นหลายคนระดมทุนมาให้แต่เราต้องประหยัดทุนในขณะที่เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ ในขณะเดียวกันก็พร้อมเป็นพันธมิตร อย่างไปเปิดร้านอาหารใต้โรงแรมเขา แล้วแบ่งกำไรกันซึ่งเป็นการลงทุนที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเข้ากันได้ ต้องคุยกันหนักหน่อย

ชีวิตที่ผ่านมามีหลากรสชาติมาก?

เปลี่ยนงานทุก 5 ปี (ยิ้ม) เรียนจบมารับราชการ อยู่สภาพัฒน์ แล้วไปทำธุรกิจเอกชน เข้าสู่การเมือง สอบตก กลับไปทำธุรกิจเอกชน เป็นลูกจ้างเขา พอคุณทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทย ก็ไปอยู่ด้วย ตรงนั้นประสบความสำเร็จ ได้เป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี พอถูกปฏิวัติ ก็เข้าสู่วงการสื่อ เป็นพิธีกรคอมเมนต์การเมือง แต่ที่สนุกที่สุดคือพิธีกรรายการอาหาร เพราะชอบชิม แต่ทำอาหารไม่เก่ง ทอดไข่เจียวได้อย่างเดียว ข้าวหมูทอดแต่ก่อนก็ทำเป็น แต่เดี๋ยวนี้อย่าเลย (หัวเราะ)

ด้วยประสบการณ์ของเรา อย่างตอนทำนโยบายเอสเอ็มอี นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก เป็นพิธีกร รู้จักเชฟ รู้จักเจ้าของร้านอาหาร ก็ทำให้มาตกผลึกตรงนี้แหละ

บทบาทไหนเป็นตัวของตัวเองที่สุด?

เดินเสิร์ฟ (หัวเราะ) เพราะได้พูดคุย เป็นทักษะเดียวกับการเมือง บางทีไม่รู้จักกันมาก่อน เขามาขอถ่ายรูป ก็คุยกันสนุก งานบริการถ้าอยู่ในใจแล้ว ไม่ปวดหัว ไม่ต้องคิด

ธุรกิจอื่นๆ ที่อยากทำ?

ผู้ถือหุ้นกับกรรมการบริษัทเราคุยกันแล้วว่า Brainwake เป็นชุมชนอย่างนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นไลฟ์สไตล์หนึ่ง กำลังดูว่าจะมีสินค้าต่างๆ ที่เป็นไลฟ์สไตล์มาเสริมได้ไหม อย่างเกรย์ฮาวด์ เริ่มจากแฟชั่น แล้วไปทำร้านอาหาร เราเริ่มจากร้านอาหาร ไม่รู้จะไปทำแฟชั่นได้หรือเปล่า และนอกจากแสวงหากำไรแล้ว ก็อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างจริงจัง ไม่ฉาบฉวย สิ่งที่คิดว่าปีนี้จะเริ่มทำให้ได้ คือ รับบริจาคหนังสือไปบริจาคห้องสมุดต่างจังหวัด เพราะผมรักหนังสือ

ภรรยาอยากให้ทำธุรกิจมากกว่างานการเมือง?

เขาเป็นห่วงครับ เพราะ 2 รอบที่เข้าไปยุ่งเต็มตัว ก็โดนปฏิวัติทั้ง 2 รอบ รอบแรก หนีหัวซุกหัวซุน นอนโรงแรม ซึ่งก็ยังดี แต่รอบที่ 2 อยู่ในค่ายทหาร 7 วัน เขาก็ห่วงเป็นธรรมดา แต่ถามว่าผมยังห่วงบ้านเมืองไหม ก็ยังห่วง แต่ด้วยธุรกิจ ด้วยผู้ถือหุ้นถึง 40 กว่าคน ก็ต้องดูแลผู้ถือหุ้นก่อน ถ้าทำไม่ได้ จะไปอาสาดูแลประชาชนคงไม่ได้

จะหวนคืนเส้นทางการเมืองอีกไหม?

เราต้องดูแลองค์กรนี้ มันจะเจ๊งหรือจะดี ไม่รู้หรอก แต่ต้องให้จบเรื่องนี้ก่อน แล้วค่อยมาคิดใหม่ว่าจะมีบทบาทกับบ้านเมืองอีกไหม เข้าไปแล้วเป็นภาระหรือเป็นประโยชน์ ถ้าเป็นภาระ ไปเล่นการเมืองเพื่อช่วงชิงอำนาจ ก็ไม่อยากทำ พูดตรงๆ ว่า เคยเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี เป็นเลขาฯนายกฯมาแล้ว ผมไม่ได้ต้องการเข้าไปเพื่อตำแหน่ง ถ้าจะเข้าไปต้องทำงานได้จริง ซึ่งการสั่งสมประสบการณ์ตรงนี้จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่แน่ ถ้าอีก 3 ปีเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ หรือมีคนลงทุนใหญ่โต ไปต่างประเทศ ผมคงไปทางนั้นมากกว่า เพราะการทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ทำได้หลายรูปแบบ

ตลาดหลักทรัพย์เป็นอะไรที่เราสนใจ ไม่ได้อยากเข้าเพื่อบอกว่ารวยหุ้น แล้วเลิกทำ แต่อยากเข้าเพื่อระดมทุน จากร้านเล็กๆ ที่มี 4-5 คน วันนี้ผมสร้างงาน ให้คน 120 คน ทุกคนบอก นายตายไม่ได้นะ มีอีกหลายชีวิต เราก็รู้สึกทั้งซึ้ง ทั้งเป็นภาระ (หัวเราะ) ก็ดูแลตรงนี้ให้ดีก่อนดีกว่า แล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ไม่อยากเป็นภาระ อายุ 57 แล้ว ถ้าทำตรงนี้สำเร็จจะไปต่อที่ไหนยังไม่รู้ ถ้าอยู่ได้ด้วยตัวเอง รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ทำงานที่รักก็พอแล้ว

จริงๆ หลายคนแม้แต่ครอบครัวก็บ่นว่ามาทำร้านนี่หาเรื่องนะ เพราะอยู่สบายแล้ว แต่ถ้าอยู่เฉยๆ นี่กลับไปเล่นการเมืองแล้ว เขาเลยบอก ถ้างั้นทำอย่างนี้ดีกว่า (หัวเราะ)

ลูกสาวเตรียมสานต่อธุรกิจไหม?

ก็มาช่วยล้างจานนะ (หัวเราะ) มีเสิร์ฟบ้าง ตอนนี้เป็นผู้ช่วยวิจัยด้านกฎหมายอยู่นิวยอร์ก และกำลังจะเข้าเรียนกฎหมายต่ออีก น่าจะเป็นกฎหมายด้านธุรกิจ เพราะเขาอยากทำธุรกิจ เพิ่งกลับมาช่วงปีใหม่ แต่อยู่ได้สั้นมาก กินข้าวกันมื้อสองมื้อ เราเลี้ยงแบบเป็นผู้ใหญ่ ให้ยืนได้บนขาตัวเองตั้งแต่เด็ก ตอนไปฝึกงานกับฮิลลารี คลินตันช่วงเลือกตั้งก็ไปสมัครเอง พ่อไม่ได้ช่วยเลย เขามีชีวิตของตัวเอง ผมไม่เคยบังคับว่าต้องมาทำธุรกิจ แต่ถ้าพ่อตายไป แล้วร้านยังอยู่ก็มารับผิดชอบหน่อย (หัวเราะ)

คอลัมน์อาหารที่เคยเขียนในมติชน ชื่อ ‘ชิม ชิล-ชิล’ ชีวิตจริงเป็นคนชิล?

หลายคนบอกเป็นคนเครียดพอสมควร (หัวเราะ) แต่เป็นคนง่ายๆ นะ เจอใครก็คุยได้ นั่งกินอาหารที่ไหนก็ได้ ไม่ใช่นักการเมืองที่มีคนเดินตามเป็นร้อย ไม่ได้ว่ากันนะ แต่เราชอบอยู่ของเรา เดินถนนของเราเอง อย่าไปติดอะไรมาก ใช้ชีวิตให้ง่ายๆ ไว้ดีกว่า

ผู้ชายชอบมีก๊วน ปกติอยู่ก๊วนไหน?

ก๊วนชิม (หัวเราะ) ไปกับคุณฐากูร (บุนปาน) บ้าง เพื่อนมัธยมบ้าง ตั้งวงเหล้ากันบ้าง แต่เดี๋ยว สสส.เขาจะว่า (หัวเราะ) เฮฮากันมากกว่า คุณฐากูรเป็นเพื่อนตั้งแต่ประถมที่ประสานมิตรแล้วเขาแยกไปสวนกุหลาบ ผมไปสาธิตปทุมวัน แต่ก็เจอกันตลอด เป็นแหล่งข่าวการเมืองให้เขาบ้าง ขอความเห็นเขาบ้าง

‘เวชชาชีวะ’ เป็นตระกูลเก่าแก่ มีเมนูประจำตระกูลไหม?

เวชชาชีวะมาจากจันทบุรี ก็ต้องหมูชะมวง ซึ่งเป็นอาหารพิเศษที่สาขาสุขุมวิท ยังไม่มาสาขาอื่น วัตถุดิบง่ายมาก หมูหาซื้อได้ ใบชะมวง ต้นที่บ้านผมมี เพราะฉะนั้นก็เด็ดใบจากที่บ้านมาทำกันประจำ

อาหารวัยเด็กในความทรงจำ?

ก็เมนูที่อยู่ใน Brainwake นี่เลย ผมโตมาด้วยข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย ไข่ดาว หมูแฮม หรือก๋วยเตี๋ยวที่กินประจำ รวมถึงคลับแซนด์วิซ เพราะพ่อผมอยู่กระทรวงการต่างประเทศ บางทีไปอยู่เมืองนอก ผมกินมาทุกโรงแรมแล้ว ทำให้รู้ว่าคลับแซนด์วิชที่ดีเป็นยังไง

ร้านกาแฟที่ประทับใจที่สุดในโลก?

แต่ละแห่งก็มีเสน่ห์ต่างกัน ญี่ปุ่นค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เนียน ต้องใจเย็นมาก กว่าจะตัดเค้กชิ้นนึง อยากไปช้อปปิ้งก่อน ส่วนไทยนี่ลูกผสมจีน คือให้บริการแบบลุย (หัวเราะ) ส่วนอเมริกา มีความวุ่นวายในแบบของมัน ผมชอบร้านเบเกิลที่ขายกาแฟ มีเสน่ห์ที่ความเป็นเดลี่ หน้าร้านเห็นเครื่องเครา เห็นวัตถุดิบ ทำกันตรงนั้น ซึ่งเมืองไทยยังไม่ค่อยมี สำหรับร้านที่ทำทุกวันนี้ยังไม่ชอบ 100% ไม่อยากพูดเลย เดี๋ยวลูกน้องเสียใจ (หัวเราะ)

เวลาเซ็ง เจอเรื่องแย่ กินอะไร?

ลูกน้องผมจับกินข้าวก่อนเลย อะไรก็ได้ให้หายหิวก่อน เพราะโมโหหิว (หัวเราะ) แต่ชอบที่สุดคือไอศกรีมช็อกโกแลต

ถ้าเปรียบเทียบรสชาติชีวิตตัวเอง คิดว่าเป็นอาหารชนิดไหน?

อ้วนอย่างนี้ต้องเป็นข้าวหมูแดง ข้าวขาหมู (หัวเราะ) เพราะเป็นของชอบ แต่ไม่มีขายที่นี่ ถ้าเป็นกาแฟ ผมเป็นมอคค่าดีกว่า เพราะมีช็อกโกแลต เป็นชีวิตที่เข้มข้น แต่กินแล้วสบายใจ ยิ่งมอคค่าปั่นนะชอบมาก (ยิ้ม)

แล้วสถานการณ์การเมืองตอนนี้?

ผมว่าอยู่ในเครื่องบดกาแฟ กำลังคั่ว เสร็จแล้วลงมาบด ยังไม่รู้จะออกมาเป็นกาแฟอะไร แต่ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น การอยู่ในกติกา ดีที่สุด หลังเลือกตั้ง ถ้าแก้ปัญหาในกติกาได้ ก็ไม่มีปัญหา เหมือนร้านอาหาร ผมมีพนักงาน 100 กว่าคน ก็มีกติกาชุดหนึ่ง คุณบอกจะเข้าเวรตอนนี้แล้วเบี้ยวเพื่อน ก็ต้องถูกเตือน มีการลงโทษ

การเมืองก็เหมือนกัน ถ้าอยู่ในสภาแล้วมาทะเลาะกันนอกสภา ก็อยู่กันไม่ได้

Brainwake Cafe สาขา ‘มติชนอคาเดมี’

40/1 เทศบาลนิมิตรใต้ ถ.ประชานิเวศน์ 1 ลาดยาวจตุจักร กรุงเทพฯ

เปิดทุกวัน 07.00-19.00 น.

0-2003-4511 FB : Brainwake Cafe Matichon www.brainwakecafe.com

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image