คุณจดบันทึกไว้เลยนะ นี่คือตัวตนของผม ‘ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ’

ไม่อยากเสียพื้นที่สักบรรทัดในการเกริ่นนำถึง ส.ส.หน้าไม่ใหม่ ผู้เปล่งประกายดุจดาวฤกษ์บนฟากฟ้าสภาไทยตั้งแต่การอภิปรายครั้งแรกในรัฐบาลนี้ ด้วยลีลาเผ็ดร้อน ข้อมูลแน่นหนัก วาทะกระแทกใจ และแน่นอน รูปลักษณ์โดดเด่น เป็นที่จดจำ จนได้รับฉายาหลากหลาย

ใช่แล้ว เขาคือ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ผู้สวมชุดนักรบโบราณ ลั่นเป็นขุนพลคู่ใจพระยาพิชัยดาบหักขี่ม้าไปสมัครรับเลือกตั้งพร้อมชูดาบประกาศจะเข่นฆ่าเผด็จการให้สิ้นจากแผ่นดินไทย ก่อนคว้าชัยเหนืออริราชศัตรูบนสนามการเมืองได้เช็กอินเข้าสภาอีกรอบหลังเคยเป็น ส.ส. ครั้งแรกเมื่อปี 2548 สังกัดพรรคไทยรักไทย และ 2554 ใต้ร่มเงาพรรคเพื่อไทย จนถึงวันนี้ที่เจ้าตัวได้โอกาสลุกขึ้นฟาดฟันนโยบายรัฐบาลตั้งแต่การตีแผ่ราคาผลิตผลเกษตรตกต่ำ จี้ลดงบซื้ออาวุธ จัดหนักเมกะโปรเจ็กต์เอื้อเจ้าสัว เงินกระตุ้นกระเป๋าสตางค์จากภาครัฐที่ไม่อาจควักไป “ซื้อกบเขียด” กับแม่ค้าข้างถนนกินได้ กระทั่งให้นิยามนโยบายการแก้ปมเศรษฐกิจยุคนี้ว่าเปรียบเสมือนการใช้ ยาหม่องลิงแก้แห ยี่ห้อ “ยุทธคิด”

เกิดในครอบครัวคนจีนแต้จิ๋วย่านบางรัก แล้วไปโตที่สำเพ็ง โดยเปิดใจอย่างไม่ปิดบังว่า ในอดีต “ยากจนมาก” ก่อร่างสร้างธุรกิจหลากหลายตั้งแต่วัยหนุ่ม ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเคยเป็นหนี้ธนาคารถึง 5-6 พันล้านบาท เมื่ออายุไม่ถึง 35 ปี ต่อสู้จนวันนี้มีเงินในบัญชีตามที่แจ้งกับ ป.ป.ช.กว่า 260 ล้านบาท ไม่มีหนี้สินแม้แต่บาทเดียว

นอกจากนี้ยังเป็นบิดาของ จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่

Advertisement

บรรทัดต่อจากนี้ไป คือบทสนทนา 57 นาทีจากปากนักการเมืองผู้โดดเด่นคนนี้

 

Advertisement

เป็นที่กล่าวขวัญถึงเยอะมากตั้งแต่การอภิปรายครั้งแรก ได้อ่านคอมเมนต์ในโซเชียล?

(พยักหน้า) อ่าน 90 กว่าเปอร์เซ็นต์พูดเรื่องบุคลิกภาพ อีกส่วนหนึ่งพูดถึงเนื้อหาที่อภิปรายซึ่งส่วนใหญ่จะสะใจ ผมสัมผัสได้ว่าคนที่ไม่พอใจรัฐบาลจะชื่นชอบผมมากเลย ผมภูมิใจมาก แต่ถามว่าภูมิใจด้านไหนมากกว่ากันก็ต้องเรียนว่า ภูมิใจเรื่องเนื้อหา พวกเขาเจ็บปวดมาก ลำบากยากจนมาก เป็นหนี้เป็นสิน หลายคนที่เขารักฆ่าตัวตาย ไม่มีใครสะท้อนสิ่งเหล่านี้ให้รัฐบาล มีแต่พวกประจบสอพลอที่อยู่รอบด้าน ผมแฉหมด คุณเอื้อเจ้าสัวอย่างไร โดยมีข้อมูล มีตัวเลขที่ถูกต้อง

ลุกขึ้นแต่ละครั้ง ไม่ได้มีแค่คำคม แต่โชว์แผ่นป้ายข้อมูลด้วย ทำการบ้านนานไหม มีใครเป็นกุนซือหรือเปล่า?

ทุกครั้งที่ผมอภิปราย เป็นงานกึ่งวิจัยทั้งสิ้น ไม่ใช่พูดชุ่ยๆ ท้าพิสูจน์เลย พอโชว์ป้ายเงียบกริบเป็นเป่าสาก ถามว่ามีใครเป็นที่ปรึกษา เอาเป็นว่ามีอาจารย์หลายท่านเป็นคนเก่าแก่ในแวดวงการเมือง เป็นศาสตราจารย์ เป็นดอกเตอร์ทั้งสิ้น ซึ่งท่านไม่อยากให้เปิดเผยชื่อ ถ้าพูดมาคนรู้จักหมด มีชื่อเสียงมาก ผมต้องบูรณาการทุกองค์ความรู้ มีอะไรก็สอบถามอาจารย์ อย่างน้อย 5-6 ท่าน เพื่อให้มีข้อมูลหลายด้านมาประกอบกัน เวลายิงเปรี้ยงใส่รัฐบาล เลยเถียงไม่ออก

หลายเรื่องที่อภิปรายไป รัฐบาลก็คงอาย ผมว่าเขาเดินผิดทาง แล้วก็ยังจะเดินแบบนี้ ผมฟันธงเลยว่าถ้าได้เป็นรัฐมนตรีหรือนายกฯ จะประกาศนโยบายเกษตรร่ำรวย ซึ่งถ้าล้มเหลว ยังไงคนก็หายจนแน่ แต่ถ้าเป็นแค่นโยบายเกษตรแก้จน พอล้มเหลว ก็ยังจนอยู่ ผู้นำประเทศต้องบอกว่า ต่อไปนี้เราน่าจะปลูกข้าวอะไรแล้วรวย ปลูกอย่างไร จะต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างไร รัฐบาลชุดนี้เหมือนเจงกิสข่าน ยึดบ้านเมืองได้แต่ปกครองไม่เป็น ระบบราชการก็ล้มเหลวมาก หลายจังหวัดบอกขุดลอกบ่อ แต่ทำเหมือนเตะหินก้อนเดียวออกจากบ่อแล้วบอกว่าขุดแล้ว เดี๋ยวปีหน้าก็ต้องขุดอีก พอกันทีกับเรื่องแบบนี้

ดูสนใจครอบคลุมปัญหาหลายอย่างมาก แต่ถ้าดีดนิ้วได้ทันทีอย่างเดียวตอนนี้ จะแก้อะไรก่อน?

แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ผมจะสอนมวยรัฐบาลเลย คุณจดไปเลยนะ ประเทศไทยตอนนี้ต้องใช้ยาแรง เรียก “ยาพลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน” คราวที่แล้วผมพูดถึงยาหม่องตราลิงแก้แห ยี่ห้อ “ยุทธคิด” คนป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย คุณเอายาหม่องไปถู ไปทา จะแก้ได้หรือ? วันนี้ประชาชนเป็นหนี้เป็นสินหมดแล้ว ผมอยากจะบอกว่า เจ็บแทนเขาเลย

อันดับแรก ต้องแก้หนี้ให้เขาเลยทั้งระบบ เรียกว่าปรับโครงสร้างหนี้แล้วเติมเงิน ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้ทุกคนเกิดใหม่ การปรับหนี้ไม่ใช่ว่าต้องการสร้างวินัยทางการเงินที่ไม่ดีนะ แต่วันนี้มันไปไม่ได้ ฟังไว้นะพวกเผด็จการ! ทุกครั้งที่คุณยึดอำนาจ ประเทศถดถอย เศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อนบ้านแซงเราไปแล้ว คุณต้องรับผิดชอบอย่างจริงจัง 1.หยุดดอกเบี้ย 2.ลดดอกเบี้ย 3.ลดเงินต้น 4.ให้ผ่อนระยะยาว ยาวที่สุด เท่าที่จะยาวได้ ชาตินี้ผ่อนไม่หมด ก็หยุดหนี้แค่นั้น ถ้าชาติหน้ามีจริง เดี๋ยวเขากลับมาผ่อนต่อเอง ถ้าปรับหนี้ เติมเงิน คนมีเงินลงทุน จับจ่ายใช้สอย ความมั่นใจเกิดขึ้น เศรษฐกิจฟื้น ดีกว่าไปเอื้อเจ้าสัว ไปทำอีอีซี

เสนอนโยบายแน่น พร้อมทางแก้ปัญหาเพียบอย่างนี้ ถ้าวันหนึ่งได้เป็นรัฐมนตรี เล็งกระทรวงไหนไว้บ้าง?

ต้องถามว่ากระทรวงไหนช่วยคนได้เยอะสุด ถ้าเลือกได้ ก็จะเลือกกระทรวงนั้น ในใจมีหมดแล้ว แต่จะมีบุญวาสนาหรือไม่อย่าเพิ่งพูดไปก่อน

จุดหมายสูงสุดในชีวิตบนเส้นทางการเมืองคืออะไร?

ผมก้าวข้ามจุดที่คิดว่าอยากเป็น อยากได้ไปแล้ว คนที่ปฏิบัติธรรมมาถึงจุดหนึ่ง จะไม่ต้องการความสุข ไม่ต้องการความทุกข์ อยู่เหนือสุขและทุกข์ วันนี้ทำเพื่อช่วยคน ทำด้วยปัญญา อย่าทำด้วยความโลภ คนที่ยึดอำนาจทุกวันนี้ทำด้วยความโลภ หลายคนจะตายอยู่แล้วร่างกายไม่แข็งแรง จะเอาเงินไปทำอะไรนักหนา พอเถอะ

เมื่อสักครู่บอกว่าปฏิบัติธรรมด้วย? มองจากภายนอกคนอาจคาดไม่ถึง

เวลาว่างนั่งบนรถ ผมยังนั่งหลับตาทำสมาธิเลย จะทำให้จิตใจปลอดโปร่งโล่งมาก เวลาเครียดมากๆ ขอเวลาแค่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง นั่งสมาธิ ถ้าเครียดหนักสุด ก็เดินจงกรม เวลาอภิปรายในสภา ผมหลบไปเดินจงกรมในห้องน้ำนะ ไม่มีใครรู้ เวลานั่งหลับตาในสภา คนคิดว่าผมหลับ ไม่ใช่นะครับ ผมนั่งสมาธิ

มาสายธรรมะอย่างนี้ แต่วันสมัครลงเลือกตั้งบอกเป็นนักรบจะเข่นฆ่าเผด็จการ ถามจริงๆ วันนั้นคิดอะไรอยู่?

มี 2 นัยยะ นัยยะหนึ่ง ผมนึกถึงท่านพ่อพระยาพิชัยดาบหัก ท่านเป็นนักรบ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ แต่สิ่งสำคัญมากคือจิตวิญญาณ ท่านมาบอกผม ท่านคงอยากเห็นประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความสุข พูดถึงแล้วยังขนลุกเลย ให้ผมตายดับดิ้นเลย ท่านอยากเห็นประชาธิปไตยเกิดขึ้น อะไรก็ตามที่ทำให้คนไทยมีความสุขจากการต่อสู้แลกด้วยชีวิต ท่านส่งผมมาเป็นตัวแทนชูดาบ 2 ด้ามเพื่อปราบเผด็จการให้สิ้นซากไปจากแผ่นดิน อีกนัยยะหนึ่งคือ อยากสะท้อนตัวตนและใจลึกๆ ส่วนตัว เป็นนักต่อสู้อยู่แล้ว ผมเป็นคนมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยแรงสุดๆ เลย รังเกียจมาก พวกเผด็จการ ไม่มีราคา

แล้วคิดว่าอะไรที่ทำให้ชนะใจชาวอุตรดิตถ์?

น่าจะเป็นเรื่องอุดมการณ์และความเป็นห่วงที่อยากจะช่วยคน ความกล้าเปิดโปงในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าพูด อย่างเรื่องยุทธศาสตร์การพัฒนาชาติ เรื่องการช่วยเหลือเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและผู้พิการคนแรกของประเทศไทย ทำให้รัฐบาลนายกฯทักษิณ ชินวัตร อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอามาขยายผล ได้จนเป็นอานิสงส์มาถึงทุกวันนี้ ผมภูมิใจมาก ที่ได้ช่วยคนเหล่านี้

เวลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่าข้าราชการทำงานเสียสละ ถามว่าคนอื่นไม่ทำงานหรือ? คุณมองเห็นชาวนาจนๆ ไหม เขาจรดคันไถลงไปในผืนนา แล้วออกมาเป็นข้าว ราชการทำอย่างเขาได้ไหม ไม่มีชาวนา ราชการจะมีข้าวกินไหม ผมเห็นความไม่ยุติธรรม เห็นความเหลื่อมล้ำ พูดตรงๆ คือ เห็นความโง่เขลาเบาปัญญาของผู้มีอำนาจ เสียดายโอกาสที่ประเทศไทยจะไปไกลกว่านี้เยอะ

โดดเด่นเตะตาขนาดนี้ เคยโดน ‘พลังดูด’ กับเขาไหม

มีความพยายามมาเยอะ เยอะ เยอะ เยอะ และให้ผมเยอะมาก (เน้นเสียง) เขาเสนอเพราะว่าคิดว่าทุกคนจะเหมือนกัน เอาความโลภมาล่อ แต่เราไปไกลกว่านั้นเยอะ วันนี้ผมพอแล้ว ชีวิตที่เหลือผมจะทำเพื่อประชาชนและมวลมนุษยชาติ คุณจดบันทึกไปได้เลย ทรัพย์สินที่มีอยู่ปัจจุบันเพียงพอแล้ว เอาเป็นว่ามันเหลือเฟือเลย ลูกๆ ไม่ลำบากหรอก ผมแบ่งทรัพย์สินเป็น 2 อย่าง อย่างที่ 1 เรียกทรัพย์เดิม ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ อย่างที่ 2 คือทรัพย์ใหม่ ธรุกิจด้านพลังงานและอาหารซึ่งมันจะครอบรวมถึงการเกษตร การแปรรูป ผมสนใจเรื่องนวัตกรรม วิทยาศาสตร์มาก จะทำอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้าน ปี 2535 ผมขายรถมินิบัสคนเดียวในประเทศไทย ตอนที่มีการเปลี่ยนรถสองแถวเป็นมินิบัส ยึดมาร์เก็ตแชร์ 80 กว่าเปอร์เซ็นตรงนี้มา นี่คือตัวตนผม

พูดถึงลูกๆ มีลูกสาวอยู่พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งตอนนี้หลายฝ่ายมองว่าอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง มองอย่างไรในทั้งจากมุมของนักการเมืองพรรคฝ่ายประชาธิปไตย และจากมุมของความเป็น ‘พ่อ’

ผมห่วงในสองมิติ มิติหนึ่งในฐานะนักต่อสู้อุดมการณ์ประชาธิปไตย ดูแล้วเผด็จการเอาแน่ เขาปักธงไว้แล้ว คิดไว้แล้วว่าจะทำทุกอย่างให้มีอำนาจ ให้สืบทอดอำนาจได้ วันนี้คนไทยทั้งประเทศเริ่มรู้ความจริงแล้ว ว่ามีการเอื้อนายทุนอย่างไร เสวยสุขอย่างไร ประชาชนตกระกำลำบากทั้งบ้านทั้งเมืองอย่างไร

ส่วนมิติในความเป็นพ่อที่ห่วงลูก ก็เป็นธรรมดา จารุวรรณเป็นนักต่อสู้ มีสายเลือดพ่อเต็มตัว ไม่กลัวใคร วันที่เขาตัดสินใจเป็นเป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผมบอกลูกให้เตรียมใจได้เลยว่าจะเจออะไร พวกเผด็จการไม่ปล่อยไว้หรอก ฝากไปบอกเอก (ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) ด้วยนะ เขาบอกว่าไม่กลัว อะไรจะเกิดก็เกิด เขาพูดคำหนึ่งผมสะอึกเลย บอกว่า พ่อเป็นอย่างไร ลูกก็มีสายเลือดพ่ออยู่ เราคิดเหมือนกัน หัวใจเด็ดเดี่ยวมาก ติดดิน รักประชาชน

แล้วส่วนตัวโตมาในครอบครัวแบบไหน ทำไมมาสนใจการเมือง?

ยากจนมากเลย (ยิ้ม) พ่อแม่ลำบากมาก ผมต้องถูกส่งไปเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนกวงตง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งอาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่นั่น ครอบครัวผมเป็นตระกูลจีนแต้จิ๋ว เลยพูดภาษาจีนได้ทั้งจีนกลางและแต้จิ๋ว นี่เป็นความได้เปรียบ ความที่เป็นลูกหลานคนจีนก็จะถูกสั่งสอนมาแบบหนึ่ง ชีวิตต้องต่อสู้ ขยัน อดทน อากง อาม่า มีลูก 12 คน พ่อผมเป็นพี่ชายคนโต หาเลี้ยงครอบครัว แม่เป็นสะใภ้จีน อยู่ในครอบครัวใหญ่ ทั้งหมดทำให้เราแข็งแกร่ง ผมบุกเบิกธุรกิจใหญ่ๆ ไม่ใช่ว่าพ่อแม่สร้างจนรวยมา แต่เราช่วยกันกับพ่อแม่ ผมได้รับโอกาสให้เป็นผู้นำตระกูลดูแลธุรกิจหลายอย่างทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจอื่นๆ

ส่วนการเมือง สนใจตั้งแต่เด็ก ผมจะบอกคุณนะ สิ่งที่มันต่อสู้รุนแรง มีพลัง มีความหมายที่สุด ไม่มีอะไรเทียบได้กับการเมือง คุณทำธุรกิจคุณก็รวย มีเงินมีทองเท่านั้นเอง จะช่วยใครก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้ามาอยู่ในการเมือง มาอยู่ในที่ที่มีอำนาจจริงๆ คุณจะช่วยคนได้เยอะมาก

ขอย้อนมาที่การอภิปรายในสภา ดูเหมือนชอบยกคำคมบ่อยๆ มีไอดอลหรือบุคคลต้นแบบหรือเปล่า?

ผมบอกให้เลยนะครับ ถ้าคุณอยากจะเป็นสุดยอด อยากเป็นอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น อย่าไปก๊อบปี้ใคร อย่างมากคุณก็ได้เท่าเขา สิ่งที่ดีที่สุดคืออะไรรู้ไหมครับ คือองค์ความรู้ ซึ่งต้องพัฒนาและต่อยอดไป แต่ก็ขอคำแนะนำจากอาจารย์หลายท่าน คนที่ผมเคารพที่สุด คือ ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ท่านสอนให้เข้าใจการเมือง สังคม กฎหมาย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ท่านสอนว่า เวลาคบใคร ให้เขาเอาเปรียบเรานะ เขาจะรักเรา อย่าไปเอาเปรียบใคร ท่านเป็นสุภาพบุรุษ เป็นชายชาตินักรบ เป็นทหารจริงๆ

แล้ว ‘ลีลา’ การพูด เอามาจากไหน ตัวตนจริงๆ เป็นอย่างนี้?

ก็ตั้งแต่คุยกันมา คุณเห็นไหมเล่า จะให้ผมทำเสียงหล่อก็ได้นะ แต่มันต้องใช้ในบรรยากาศบางอย่างเท่านั้น

แม้จะถูกใจ สะใจคนเยอะ แต่บางคำก็แรงไปไหม อย่าง ‘กะหรี่’ ที่สุดท้ายขอถอน?

ดีใจที่คุณถามคำนี้ ให้ตายดับดิ้น วันนั้นผมคอแห้งมาก พักผ่อนน้อยมาก แล้วลิ้นมันพัน ผมถอนทันทีเลย ยกมือท่วมหัวขอโทษคนกระบี่ทั้งประเทศไปแล้ว มีรายการอื่นมาสัมภาษณ์ ผมก็ขอโทษไปอีก ไม่มีเจตนา พลั้งพลาดจริงๆ

เวลาอยู่กับเพื่อน บุคลิกเหมือนในสภาไหม?

ผมไม่เคยมีเพื่อนตั้งแต่เด็กๆ เลย เพื่อนผมจะเป็นคนอายุมากกว่าผม 20 ปี ชอบคบผู้ใหญ่ เพราะเพื่อนชวนไปเที่ยว พูดอะไรไร้สาระมากเลย ผมไม่ใช่แบบนั้น

บุคลิกมั่นใจในตัวเองสูง แต่เปลี่ยนชื่อ 2 ครั้ง จากปรีดา เป็นศรัณย์ จนถึงศรัณย์วุฒิ เชื่อเรื่องโชคลาง?

ไม่ได้งมงายแบบนอนให้ช้างเหยียบ แต่มีหลักคิดว่า ทำดีมา 99 อย่าง เหลืออย่างเดียว เก็บไว้ทำไม ทำให้ครบไปเลย ใจจะได้โล่ง ครั้งแรกหลายคนบอกว่าชื่อ ปรีดา ไม่เหมาะหรอก เพราะสมัยก่อนพ่อแม่ไม่ได้ดูเรื่องโชคลาง ก็ตั้ง ป. ปลาเหมือนกันหมดทั้งบ้าน พอซินแสมาดูให้ บอกให้ใช้ชื่อ ศรัณย์ ผมก็เปลี่ยน แล้วไปเจอซินแสอีกคน เหนือกว่าคนเดิม เพราะเป็นอาจารย์ของซินแสคนแรก บอกชื่อศรัณย์เฉยๆ ไม่มีอาวุธ คุณต้องเติมเข้าไป เลือกเอาระหว่าง อาวุธยุทโธปกรณ์ กับอาวุธที่เป็นองค์ความรู้ ผมบอกขอเลือก “วุฒิ” เพราะสนใจเรื่องความรู้มากที่สุด

จากที่คุยมา ดูมีความหลากหลายในตัวเองสูง สรุปแล้วศรัณย์วุฒิเป็นคนแบบไหน ?

ผมเป็นคนมีทุกมิติในตัว จะดุดัน จะนุ่มนวล ได้หมด ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้อง และเป็นประโยชน์กับคนส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะพรรคพวก ไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่รวมทั้งโลกและสัตว์ทุกชนิด เชื่อไหมว่า มดตัวหนึ่งผมยังไม่ฆ่าเลย ผมชอบยอมแพ้ศึกเพื่อชนะสงครามเพียงครั้งเดียว นี่คือตัวตนผม บางคนไม่เข้าใจ นึกว่าผมรุนแรง ไม่ใช่! ในความรุนแรงมีความนุ่มนวลแต่หัวใจสำคัญถ้าคุณจะพูดอะไรต้องรู้จริง

ผมเป็นคนใฝ่รู้ที่สุด ศึกษาไม่มีวันสิ้นสุดเลย วันไหนทราบว่ามีสัมมนาอะไรที่โดดเด่น จะเข้าไปเรียนรู้ อยากฟังประเด็นที่ไม่คาดคิด และต้องให้เกียรติคนอื่น เด็กๆ คนงาน คนขับรถพูดอะไร เรายังต้องฟัง สิ่งที่ภาคภูมิใจมากคือ ผมชนะเลือกตั้งทุกครั้ง ไม่เคยซื้อเสียง ไปถามคนอุตรดิตถ์เลย

สำหรับตัวตนที่แท้จริง ขออนุญาตนะฮะ ผมใช้คำว่า ครบเครื่องก็แล้วกัน

 


 

เปิดเบื้องหลัง ‘ลุค’ สุดเข้ม กับความลับใน ‘ดินสอ6บี’

เป็นดาวจรัสแสงดวงใหม่ในสภาอย่างปฏิเสธไม่ได้ในโมเมนต์นี้ สำหรับ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ด้วยวาทะ อารมณ์ขัน และข้อมูลแน่นๆ ที่นำเสนออย่างเผ็ดร้อนจนมีแฟนคลับติดตามเหนียวแน่น

แน่นอนว่า รูปลักษณ์และคาแร็กเตอร์ส่วนตัวก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญอันเป็นที่ “จดจำ” โดยชาวเน็ตตั้งฉายาว่า ส.ส.เอลวิสบ้าง ส.ส.หนวดงามบ้าง ส.ส.มีหนวดบ้าง นอกจากนี้ยังมีคำถามตั้งแต่การอภิปรายในสภาครั้งแรกว่า ผมดกดำ คิ้วเข้มหนา และเคราแสนงามที่เห็นนั้น เป็น “ของจริง” หรือไม่ ?

ต่อไปนี้ คือถ้อยคำจากปาก ส.ส.ท่านนี้แบบ “คำต่อคำ”

“เราเป็นคนของสังคม เขาจะตั้งฉายาอย่างไรก็ต้องยอมรับ ถามว่าหนวดมีมาแต่ไหน ตอบว่ามีตั้งแต่เด็ก เป็นคนเดียวในครอบครัวที่มีหนวด มีเครา มีทุกอย่างครบหมด แม่รักมากที่สุด คิ้วดกดำตั้งแต่เด็กๆ เพราะบุคลิกไม่เหมือนใคร เคยโกนเมื่อเป็นวัยรุ่นครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายในครอบครัว ในตัวเองอย่างมาก ซินแสบอกคุณเกิดมาชะตาเป็นอย่างนี้ ต้องไม่โกน

สมัยก่อนผมไว้เคราแพะแบบสายัณห์ สัญญา ศ.ประยูร จินดาประดิษฐ์ บอกว่า เอาคางแพะออกสิ คุณไม่ใช่คนประเภทขี้หลี แต่การที่มีคางแพะจะถูกมองอย่างนั้น ท่านบรรหาร ศิลปอาชา ท่านบอกว่าคุณไปโกนหนวดนะ ผมจะสร้างหนังให้คุณเป็นพระเอก เพราะหล่อมาก

เมื่อก่อน เคยไว้ผมรากไทร ท่านบอกให้ตัดสั้นๆ ผมก็ทำ นี่ ฝรั่งเจอผมที่ไหน ก็จะพูดถึงเอลวิส คนไทยบางทีบอกเหมือนมิตร ชัยบัญชา บางคนบอกเหมือนดามพ์ ดัสกร

ถามว่าชอบเอลวิสเป็นการส่วนตัวไหม ไม่ได้ชอบใครทั้งสิ้น แต่โดยบุคลิกมันไปอย่างนั้น ทรงผมทำมาตั้งแต่วัยรุ่น ไม่เคยเปลี่ยนทรง ตอนแรกจะหวีแสกกลางแต่หวีไม่ออก”

เมื่อถามตรงๆ ว่าเป็นของจริงไหม? ศรัณย์วุฒิไม่ตอบ แต่ท้าให้ “พิสูจน์”

“เดี๋ยวให้ช่างภาพมาจับดูได้เลย ว่าจริงไหม พี่ๆ มานี่นิดนึง ผมเพิ่งโกนเมื่อสักครู่นี้เอง เป็นไงบ้าง บาดเลยใช่ไหม ของจริงทั้งหมด ทั้งผมและหนวด”

ในทุกๆ วัน นอกจากติดตามข่าวสารโดยอ่าน นสพ.หน้า 1 แต่ละฉบับ ยังฟิตหุ่นด้วยการออกกำลังกายทุกวัน

“ไม่อยากอวด แต่ผมไม่มีพุงเลย ยกน้ำหนัก ว่ายน้ำ วิ่งบนลู่ ทำทุกอย่าง”

ส่วนคอสตูมสะดุดตา เจ้าตัวบอกว่า เป็นศิษย์ก้นกุฏิของ ดร.หลุย จำปาเทศ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาเบอร์ 1 ของไทยผู้แนะนำให้ใส่สูทเพื่อให้ได้ลุคแบบมี “คลาส”

“ผมไม่เคยถอดสูทเลย นี่คือสูทที่ลงพื้นที่ เป็นผ้ายีนส์ มีทุกสี มีเป็นร้อยๆ ชุด ฉีดน้ำหอมยี่ห้อ Angel สำหรับผู้ชาย ไม่เคยเปลี่ยนแบรนด์ เสื้อตัวในใส่สีตามวัน”

คุยยังไม่จบ โทรศัพท์ดัง เสียงเรียกเข้าเป็นเพลงประกอบหนังอมตะ “ไททานิค”

ศรัณย์วุฒิหันบอก “ผมชอบเพลงที่คลาสสิก ฟังแล้วเหมือนเป็นความรู้สึกในใจลึกๆ”

มาถึงตรงนี้ เจ้าตัวควักสมุดสีชมพูอ่อน ปกม้ายูนิคอร์นออกจากเสื้อสูท พลิกทีละหน้าให้ชมว่าต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน เผยให้เห็นลายมือคมชัด เส้นดินสอเข้มขับเน้น โดยพกไว้ไม่ต่ำกว่า 5 แท่ง ตั้งแต่ 2 ถึง 6 บี

“ยังไม่มีนักข่าวคนไหนทราบเลย คุณดูนะ ถ้าใช้ปากกา เวลาลบ ไม่สวย นี่เป็นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ คุณดูสิ เส้นมันหนา เวลาจะพูดในสภามองเห็นชัด พอนั่งฟังแล้วมีบางประเด็นซ้ำกับคนอื่น ก็ต้องเอาออก หาคำที่คิดว่าต่างจากคนอื่น คำที่พูดแล้วโดนใจประชาชน ผมแก้แม้กระทั่งนาทีสุดท้ายก่อนเรียกชื่อ

นี่คือศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image