สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ ‘ไม่มีอะไรมีค่าเท่าการพาลูกกลับมา และยืนหยัดสู้ไปกับเขา’

“วินาทีนี้มนุษย์แม่ทุกคนก็ต้องมา”

คือคำกล่าวสั้นๆ ของ สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักโทษทางความคิดที่ยังโดนจองจำ โดยถูกปฏิเสธการประกันตัวครั้งแล้วครั้งเล่า

เพียงเท่านั้น หัวใจแม่ก็ระส่ำ ทว่า ความกังวลใจยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวี เมื่อลูกชายประกาศอดอาหาร

‘ผมยินดีที่จะอดข้าว เพื่อให้ข้าวทุกคำของคนที่อยู่ข้างนอกมีความหมาย’

Advertisement

เป็นถ้อยแถลงของเจ้าตัวในวันที่ 3 ของภารกิจประท้วงความอยุติธรรม

ขณะที่การต่อสู้ในเรือนจำดำเนินไป การต่อสู้ของคนข้างนอกก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมต่างๆ หลายจุดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสซบเซาลงไป แต่ที่ยังคงเข้มข้น ไม่แปรเปลี่ยนแม้เพียงวินาทีคือ การต่อสู้ของ ‘แม่ๆ’ จากที่แทบไม่เคยปรากฏตัวในสาธารณะ สู่การ ‘ขึ้นเวที’

ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมของ ‘คณะจุฬาฯ’ ซึ่งผู้คนมากมายต่างมอบดอกไม้ให้กำลังใจ

Advertisement

ไม่ว่าจะเป็น เวทีปราศรัย ‘เดินทะลุฟ้า’ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งทั้งแม่พริ้มของ ไผ่ ดาวดิน แม่ของไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก และแน่นอนว่า แม่สุรีย์รัตน์ ของเพนกวิน ร่วมกล่าวความในใจพร้อมชู 3 นิ้ว

ไม่ว่าจะเป็นการยื่นหนังสือต่ออุปทูตรักษาราชการ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย

พร้อมทำทุกทางเพื่ออิสรภาพของลูก ปลอบประโลม กุมมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

“แม่เป็นคนกรุงเทพฯ พ่อเขาเป็นคนลำปาง เพนกวินมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง ในครอบครัวคุยกันแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเอาลูกเราออกมา น้องสาวเขาก็เห็นด้วย บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกมี้ ขายบ้านก็ได้ เราไปหาห้องเล็กๆ อยู่”

แม่เรียกเพนกวินว่า ‘พี่พีท’ ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่ตั้งให้ ก่อนลูกชายเปลี่ยนชื่อให้ตัวเองตั้งแต่ชั้นประถม

ส่วนเพนกวินเรียกแม่ว่า ‘มี้’

ในวรรณกรรมชิ้นเอกของโลก ในประวัติศาสตร์การเมืองบนดินแดนแห่งใด ‘แม่’ ของนักต่อสู้ทางการเมืองมากมาย มีบทบาทไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ทว่า นี่คือ ‘ชีวิตจริง’ และเรื่องราวของ ‘วันนี้’ ของแม่อีก 1 คน บนเส้นทางการเมืองของลูกชายที่กลายมาเป็นเรื่องราวของแม่ ผู้ยืนหยัดเคียงข้างในทุกย่างก้าว

 

สิ่งแรกที่จะทำหรือพูดกับเพนกวินในนาทีได้รับอิสรภาพคืออะไร?

กอดค่ะ เพราะเขาอยากให้เรากอด ไม่ได้กอดกันมานานมาก วันที่เพนกวินเข้าเรือนจำ เราก็ไม่ได้กอด ไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ ทุกที ตอนลา ต้องกอดกัน หอมกันเป็นเรื่องปกติ จับมือกันตลอด แต่วันนั้นเราพลาด วันนั้นลูกเราก็ไม่มีใครอยู่ด้วย มีเพื่อนตามคนเดียว คิดดูสิเด็กกำลังจะเข้าคุกโดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ออก เขาฝากทนายออกมา บอกว่า ครั้งนี้ติดนานหน่อยนะครับ รักแม่นะ เสียดายที่ไม่ได้ลากัน

พอเขาพูดมาอย่างนี้ ว่าเสียดายที่เราไม่ได้กอดกัน โอ้โห เราแบบ… (เสียงสั่น) เข้าคุกครั้งนี้ เขาฝากพี่บางคนที่เขารู้จัก ว่าช่วยดูแลแม่ผมด้วย ยิ่งรู้ว่าแม่ออกมายืนอย่างนี้แล้ว มันจะมีผลกระทบต่อชีวิตแม่เยอะ เขาก็เป็นห่วงว่าเราจะรู้สึกอย่างไร

คิดว่าจะเหมือนทุกครั้งที่ศาลให้ประกันตัว แต่ไม่เหมือน?

ใช่ คิดว่าแค่ไปเซ็นชื่อใต้ศาลแล้วกลับ ถามเขาเหมือนกันว่า พี่ ครั้งนี้เป็นยังไง แต่ก็ไม่ได้เอะใจ เขาก็บอกประมาณว่าแล้วแต่ดุลพินิจของศาล เพนกวินก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกจับในวันนั้น ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ แล้วยิ่งเราไม่ได้อยู่ด้วย ก็รู้สึกแย่ คนเป็นแม่ จะรู้ว่าแย่สุดสุดในวันที่ลูกต้องไปผจญชะตากรรมแล้วเราไม่ได้อยู่กับเขา

เขาเป็นคนที่ดูเหมือนไม่แคร์หรือเปล่า บางทีเขาไม่ว่าง หายไปนาน เราถามว่า คิดถึงแม่ไหม เพนกวินตอบว่า ไม่ ไม่แม้แต่จะคิด แซวอย่างนี้ บางทีโทรไปหาเขา ถามว่าจำได้ไหมเนี่ย แม่เธอชื่ออะไร บางทีไม่ได้คุยกันนาน แต่เขาจะใส่ใจเราตลอดอย่างตอนที่ติดคุกครั้งแรก ก่อนหน้านั้น เพิ่งซื้อรองเท้าให้เขาใหม่ ปกติจะใส่รองเท้าแตะ เพนกวินบอก มี้ครับ คนมาว่าเขาแต่งตัวไม่ดี เราก็ซื้อรองเท้าผ้าใบให้ บอกว่า คู่นี้ผ้าแพงมากนะลูก รักษาดีๆ นะ เราพูดเพราะอยากให้รักษาของ ตอนที่เขาออกจากคุก แล้วถูกอายัดที่ สน.ประชาชื่น เขาบอกว่า มี้ครับ เพนกวินต้องขอโทษที่ไม่สามารถเอารองเทาคู่นั้นกลับมาได้แล้ว มันขึ้นรา มันเสียมาก จำไม่ได้ว่าเขาพูดที่โรงพักหรือโรงพยาบาล เราบอก โอ้ย! อย่าไปนึกถึงเลยลูกเอ้ยยย เอาชีวิตให้รอด แม่ก็โอเคแล้ว

เคยคุยกันไหม ว่าทำไมต้องเป็นครอบครัวเราที่ออกมาสู้?

เคยถามเขาเหมือนกันว่า ทำเพื่ออะไร เขาบอกว่า มี้ครับชาติหนึ่งถ้าเพนกวินเกิดมาแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกหรือสังคมให้ดีขึ้นได้ กวิ้นเสียชาติเกิด เขาพูดตั้งแต่ยังเล็ก เราก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ พอติดคุก คนก็ให้กำลังใจเยอะ แม่ร่วมเดินทะลุฟ้า มีลุงป้าน้าอา เด็กเล็กเด็กน้อยชื่นชอบเขา เจอกลุ่มที่มาจากภาคใต้บอกว่า ยังติดหนี้กวิ้นอยู่ เลยขึ้นมาเพราะกวิ้นเคยไปช่วยเขา เราได้รู้ว่าลูกมีคนรักเยอะ เวลาเกิดปัญหา ก็มีคนพร้อมออกมายืนหยัดช่วย

ส่วนในครอบครัวก็คุยกันแล้ว ว่าเรายอมเสียหน้าตักทุกอย่างเพื่อช่วยเพนกวินออกมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเอาลูกเราออกมา น้องสาวเขาก็เห็นด้วย บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกมี้ ขายบ้านก็ได้ เราไปหาห้องเล็กๆ อยู่ ยิ่งเพนกวินเขียนจดหมายน้อยออกมา ยิ่งย้ำว่าเขายอมเสีย เราจะยอมเสียน้อยกว่าเขาได้อย่างไร เราเป็นแม่เขา ก็ต้องเสียมากกว่า

ช่วงปลายปี 2563 แม่ปรากฏตัวมากขึ้น อย่างในม็อบ 10 ธันวาที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา คือมาอยู่กับเพนกวินเลย?

เราก็เป็นห่วงไง บางทีก็ไปดูรอบข้าง บริการน้ำให้เด็กๆ ซื้อน้ำ ซื้อข้าว ช่วยเท่าที่ทำได้ เป็นทางเดียวที่จะได้เจอลูก เขาไป สน. ก็ไปกับเขาด้วย พอจบ ก็แยกย้าย หรือเขาไปม็อบ เราไปดู แล้วแยกย้าย เขาออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องแยกกับเรา ก็พยายามไปให้ได้มากที่สุด แต่อยู่ข้างหลัง ไม่อยากไปวุ่นวายกับชีวิตเขาเยอะ เดี๋ยวเขาเป็นห่วง

เพนกวินบนเวทีปราศรัยที่ดุเดือดมากในบทบาทนักต่อสู้ทางการเมือง กับเพนกวินในบทบาทลูกของแม่ เหมือนหรือต่างอย่างไร?

เพนกวินเด็กมากกก เจอกันทุกที ต้องบอกว่า พีท เอามือมาให้แม่ดูหน่อย เล็บยาวแล้ว ตัดนะ ลูกบอก เดี๋ยวค่อยตัด เราบอกตัดเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ตัด ไม่ให้ค่าขนม เขาบอก มี้อะชอบขู่ นี่เป็นอย่างเดียวที่เราขู่ได้ 10 นิ้ว บางทีตัดไม่ครบ บอก อุ๊ย! ลืมตัด 2 นิ้ว บางทีก็ไปดูแลเรื่องเสื้อผ้า เราบอก พี่เอ๊ยยยย กางเกงขาด เขาบอก มี้ สบู่หมด คือเขายังอ้อนอยู่ ยังกอด บอกว่า มี้ครับ เหนื่อย ขอกอดหน่อย ก่อนถูกจับก็ยังกอดนอนตักกันอยู่ เราก็ยังหอมเขาก่อนขึ้นเวทีไปพูดจาดุดัน เคยถามเหมือนกันว่าทำไมต้องพูดดุดันขนาดนั้น เขาบอก ต้องใช้พลัง เพราะคุยกับคนหมู่มาก ก่อนขึ้นยังจุ๊บๆ หอมๆ กันอยู่เลย

เวลาอยู่บ้านเราเล่นกันแรงๆ เหมือนเพื่อน บางทีน้องสาวเขาบอกว่า มี้ผิด บางทีเรารู้ว่าตัวเองผิด พักหนึ่งก็ไปขอโทษลูก เราตกลงกันไว้ว่า ถ้าจะทำกิจกรรมต้องได้เกรดเท่าไหร่ เขาก็จะรักษาเอาไว้ ตอนเขาออกสู้ในกลุ่ม ‘การศึกษาเพื่อความเป็นไท’ เคยถามลูกว่า ทำไปทำไม พ่อแม่ก็จ่ายค่าเทอมนี่ เขาบอกว่า ถึงพ่อแม่จะจ่ายค่าเทอม แต่เราก็ใช้ประโยชน์จากภาษี โดยยังมีอีกหลายคนไม่ได้ใช้ เราใช้ประโยชน์มากกว่าคนอื่น ก็ต้องหาวิธีคืนเขา

เราเลี้ยงมาแบบฟังความคิดเห็น แม่บอกเขาเองว่า หนึ่ง พี่พีทครับเด็กรุ่นใหม่ ต้องเก่งกว่าเด็กรุ่นเก่า ไม่งั้นสังคมจะถอยหลัง สอง ลูกมีสิทธิคิด แม่ก็มีสิทธิผิด ถ้าแม่ผิดแม่ก็ขอโทษ วันหนึ่งตอนเขายังเรียนชั้นประถม แม่นั่งรถมาส่งที่โรงเรียน เขาพูดว่า มี้ครับ แต่ก่อนกวิ้นนึกว่าการคิดไม่เหมือนผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ เหมือนเราไปฆ่าคนตาย ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เราถามว่าแล้วตอนนี้ลูกคิดยังไง เขาบอกว่า ไม่คิดอย่างนั้นแล้ว เราต้องคุยกันด้วยเหตุผล

แม่ไมค์ ระยอง-แม่เพนกวิน-แม่ไผ่ ดาวดิน

แม่เรียกพีท แล้วชื่อเพนกวินที่คนรู้จัก มาจากไหน?

ตอน ป.2 หรือ ป.3 เขาไปบอกคนทุกคนที่โรงเรียนหมดเลย ว่าเขาเป็นเพนกวิน แม่ก็ไม่รู้ เวลาเราไปคุยกับครู ครูคะ พีทเป็นยังไงบ้าง ครูก็งงๆ จนต้องบอก พริษฐ์ จนวันหนึ่งเพื่อนเขามาดึงเสื้อเรียก คุณแม่เพนกวินครับ ทำไมเรียกเพนกวินว่าพีทครับ ตอนเปลี่ยนชื่อ เขามาบอกว่า มี้ครับ เปลี่ยนชื่อเป็นเพนกวินแล้ว กรุณาเรียกชื่อเพนกวินให้ถูกต้อง เราก็บอกว่า โอเค ถ้าแม่ตั้งชื่อลูกว่าพีทแล้วไม่เอา แม่จะไปตั้งชื่อหมา ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลยยังยอมให้เรียกพีท พ่อเขาบอกว่า สังเกตดูสิ ตั้งแต่ลูกเปลี่ยนชื่อเป็นเพนกวิน ลูกไม่เคยกลับไปเรียกตัวเองว่าพีทเลย เปลี่ยนปุ๊บ ใช้อย่างนั้นตลอด กวิ้นอย่างนู้น กวิ้นอย่างนี้ บางทีเราก็หมั่นไส้ (หัวเราะ) เหตุผลที่เป็นเพนกวิน ไม่รู้เขาไปดูอะไรสักอย่าง เราก็ไม่ได้ถามเหตุผลว่าทำไม ส่วนน้องสาว คือน้องพอยท์ เรียกเพนกวินว่า ไอ้อ้วน

ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จนถึงการเมืองโลกที่มีนักศึกษาเป็นตัวละครสำคัญในการสร้างเปลี่ยนแปลง เคยคิดหรือไม่ว่าวันหนึ่งคนนั้นจะเป็นลูกของเรา?

ไม่คิด อย่างกิจกรรมเดินทะลุฟ้าตอนที่ยังอยู่โคราช มีการเปิดสารคดีของโจชัว หว่อง เราเคยได้ยินชื่อเขาบ้าง แต่ไม่เคยรู้เรื่องราวว่าเส้นทางชีวิตมีความเป็นมาอย่างไร นั่งดูปุ๊บ บอกกับตัวเองว่า เหมือนดูลูกตัวเองเลย เขาเหมือนกันมาก เป็นเด็กที่ทำอะไรแล้วมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ สมมุติว่าจะล้ม หรือจะแพ้ เพนกวินจะบอกว่า ไม่เป็นไรหรอกมี้ เดี๋ยวเอาใหม่

บางทีลูกถูกโจมตีเราก็เป็นห่วง อย่างช่วงเรียกร้อง 10 ข้อใหม่ๆ โอ้โห โดนกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์เลย เรากลัวเขาจะเสียกำลังใจ ก็บอกเขาว่า แม่ให้กำลังใจนะลูก เพนกวินทำเสียงสดใสมาเลยว่า โอ๊ย! ไม่เป็นไรหรอกมี้ หรืออย่างตอนที่ตำรวจเพิ่มคดีแล้วให้คนไว้ใจเข้าไปได้ เขายังให้กำลังใจเราว่า เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ออก ยังติดอีกหลายครั้ง ตอนนั้นน่าจะตอบไปว่า พี่ อันนี้คุกนะ ไม่ใช่โรงแรมที่จะเข้าๆ ออกๆ อีกหลายครั้ง

เห็นแววการต่อสู้มาตั้งแต่เด็กๆ เลยไหม มีสัญญาณอะไรบ่งชี้?

เราไม่ทันสังเกต เพิ่งมานึกถึงทีหลัง คือตอนเด็กๆ เราเลี้ยงหนูตะเภาหรือหนูแก๊สบี้ ชื่อวิกตี้ หรืออะไรสักอย่าง พอมันตาย เพนกวินขุดหลุมฝัง เอาก้อนหินเล็กๆ มาวาง ทำป้ายชื่อปัก ให้ทุกคนในบ้านมายืนล้อมเพื่อไว้อาลัย ไม่พอ บอกมี้ครับ พูดอะไรหน่อย เราก็บอกว่า หา! มี้จะพูดไร เขาบอกว่าต้องปฏิบัติเหมือนวิกตี้เป็นคน อย่าทรีตเขาเป็นสัตว์ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน

ตอนประถม มีการเลือกตั้งประธานนักเรียน เขายังไม่มีสิทธิสมัคร เพราะเด็กมาก ครูมาเล่าให้ฟังว่า ตอนกลางวันลูกเราไปเดินตามพรรคนี้หาเสียงวันหนึ่ง พออีกวันหนึ่งก็ไปตามอีกพรรค ครูเขาก็เอ็นดูไง ว่าเพนกวินตกลงเธอจะเลือกพรรคไหน เขาหันไปบอกครูว่า ถ้าจะเลือกพรรคไหนก็ต้องฟังนโยบายเขาสิครับ หลังจากนั้นประธานนักเรียนที่ได้รับเลือกตั้งเข้าไปแล้วไม่ทำตามนโยบายที่พูด คือจะเอาอะไรกับเด็ก (หัวเราะ) แต่เพนกวินไปยื่นในสภานักเรียนเลย บอกว่าลาออกซะ ให้คนอื่นมาทำ เพราะคุณไม่ทำตามที่พูด เขาจริงจัง อีกครั้งหนึ่ง ไปส่งที่โรงเรียน พอเคารพธงชาติเสร็จ ไม่เข้าห้อง คุยกับครูที่ระเบียง เรานึกว่าลูกถูกทำโทษ เลยไปถามครู ครูบอกว่า เคยตกลงกันตอนต้นเทอมว่าจะเรียนแบบนี้ อยู่แบบนี้ แล้วไม่ได้ปฏิบัติตามนั้น เพนกวินเลยมาคุย มาเคลียร์กัน

8 ธ.ค.63 แกนนำราษฎรเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ออกหมายเรียกจากกรณีที่มีการชุมนุมปราศรัยบริเวณท่าน้ำนนทบุรีเมื่อวันที่ 10 ก.ย.63

หนึ่งในข้อต่อสู้ของเพนกวินคือรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แล้วการเมืองในบ้านเป็นอย่างไร มีระเบียบวิธีปฏิบัติในครอบครัวไหม?

ช่วงเขาอยู่ ป.2 ทะเลาะกันบ่อย เลยตกลงกันว่า จะอยู่ยังไง สรุปว่า ห้ามตี (หัวเราะ) ถ้าทำผิดครั้งที่ 1 ทำอะไร ครั้งที่ 2 ทำอะไร เรื่องความถูกต้อง ถ้าไม่ได้ เขาไม่ค่อยยอม แต่อย่างอื่น อะลุ้มอล่วย เห็นโตอย่างนี้ โดนน้องสาวตีประจำเลย วิ่งมาฟ้องด้วย มี้ครับ โดนพอยท์แกล้งอีกแล้ว เราถามว่าแล้วทำไมลูกไม่หนีล่ะ เขาบอกหนีแล้ว แต่ไม่พ้น เป็นคนไม่ค่อยตอบโต้ใคร ตอนเล็กๆ เล่นของเล่นกันอยู่แล้วโดนเพื่อนแย่ง ก็ให้เพื่อนไปเลย แล้วเขาไปเล่นอย่างอื่น เราก็นึกว่าเป็นเด็กผู้ชายยังไง ไม่สู้คนเลย ขนาดโดนลูกพี่ลูกน้องดึงผม เพนกวินไปสะกิดป้าๆ แล้วทำให้ดูว่าถูกดึงยังไงแค่นั้น ใครแย่งกระต่ายเน่า ผ้าเน่า แม่เขาเอ็ด จะตีลูกตัวเอง เพนกวินไปสะกิด แล้วยื่นของตัวเองให้ เขาไม่ชอบใครทำอะไรรุนแรง เราก็บอก ไอ้นี่มันไทยนี้รักสงบมากเลย โตมาบัดนี้ยังโดนน้องตุบตับ อยู่ข้างนอกกับในบ้าน ต่างกันเลย

มองอนาคตระยะใกล้และไกลของลูกชายคนนี้อย่างไร?

เขาก็เคยถามว่า มี้ครับ อยากให้กวิ้นเป็นอะไร แม่บอกว่า เป็นอะไรก็ได้ให้ทุกวันที่ตื่นมาแล้ว อยากทำงานนั้น และมีความสุขมากที่วันนี้จะได้ออกไปทำสิ่งที่ชอบ เพราะเป็นชีวิตของลูก อีก 20, 30 หรือ 50 ปีข้างหน้า ลูกต้องตื่นขึ้นมาแล้วแฮปปี้ เดี๋ยวแม่ก็ตายแล้ว แล้วเขาก็ไปค้นหาตัวเอง

แต่เราจะบอกเขาว่า ลูกอยากทำอะไร ให้ไปดู ไปลอง เขาเคยลองเป็นผู้กำกับ ตอนนั้นกำลังจะสอบเข้าเตรียมอุดมฯ ยังเอาเวลาไปซื้อหนังสือมาอ่านเพื่อนั่งเขียนบทหนัง แม่บอก ลูกครับ จะสอบเตรียม ทำข้อสอบให้ได้ก่อนดีไหม เขาบอก ก็ทำคู่ๆ กันไป จะซื้อพร็อพ ถามมี้จะสนับสนุนไหม เราบอก ยืมเสื้อผ้าแม่ไปก่อน ยังไม่ต้องซื้อ พอนัดเพื่อนไปถ่ายหนัง กลับมาบอกมี้อีกครั้ง กวิ้นรู้แล้ว หนังไม่ใช่แนวกวิ้น เรื่องยุ่งยากฉิบ (หัวเราะ)

เขาเคยไปนั่งดูผู้พิพากษาที่ศาลมีนบุรีฯด้วย ตอนนั้นอยู่ ม.ต้น ยังนุ่งกางเกงขาสั้น ไปคนเดียว ทนายกำลังว่าความกันอยู่ ผู้พิพากษาถามว่า เด็กคนนี้ชื่ออะไร ลุกขึ้นซิ ศาลท่านคงสงสัย ว่ามาทำอะไร เขาคงไปดูว่าอาชีพไหนที่ช่วยสังคมได้เยอะขึ้น แม่บอกว่า หมอก็ช่วยคน เขาบอก ใช่ครับ หมอช่วยคนไข้ แต่กำลังหาว่าอะไรที่จะช่วยคนหมู่มากได้ดีที่สุด เราก็ปล่อยให้เขาทดลอง ดีกว่าที่ลูกไปเรียน 4 ปี กลับมาบอกว่าไม่ใช่ ถ้าเด็กสมัยใหม่เป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลา เรายังแนะนำหลาน ว่าให้ไปดูก่อนว่าอาชีพที่อยากทำ มันสวยหรูไหม จริงๆ แล้วอาจจะหนัก รับได้หรือเปล่า กับลูกสาว เราก็ไม่บังคับ มีโอเพ่นเฮาส์ตามมหาวิทยาลัย ก็ปล่อยให้ลูกไปดู

คำถามสุดท้าย คงมีคำตอบที่คาดเดาได้ไม่ยาก แต่คงต้องถามว่าสิ่งที่คาดหวังที่สุดในวันนี้คืออะไร?

ขอให้ลูกได้ออกมา ที่ผ่านมาเพนกวินบอกเสมอว่า มี้ครับ การต่อสู้ต้องมีคนเสียสละ แม่ก็บอกเขาเสมอว่า แม่ไม่พร้อมเสียสละตอนนี้นะลูก เราต้องเสียสละขนาดนี้เหรอ กระทบกับครอบครัวเราขนาดนี้ เขาบอก มี้เราต้องอดทน

ยิ่งมาเจอสถานการณ์วันนี้ เรารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่มีค่าเท่ากับการเอาลูกกลับมา และยืนหยัดสู้ไปกับเขา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image