ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์, มติชนรายวัน อาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565, หน้า 13-14 |
---|---|
ผู้เขียน | ภูวดล เอี่ยมประไพ / คณิน น้อมนอบ : เรื่อง ทศพร โหลขุนเซียม : ภาพ |
สร้างความฮือฮาสั่นสะเทือนวงการลูกหนังทั่วโลกสำหรับ “ศึกแดงเดือด” ฟุตบอลนัดประวัติศาสตร์ “THE MATCH Bangkok Century Cup 2022” ระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ซึ่งโคจรมาพบกันที่เมืองไทย ที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 12 กรกฎาคม นับเป็นการเจอกันครั้งที่ 3 นอกเกาะอังกฤษ และครั้งแรกในทวีปเอเชีย
หัวเรือใหญ่ในบิ๊กดีลแมตช์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้คือ “เสี่ยวินิจ” นายวินิจ เลิศรัตนชัย ผู้บริหารบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ซึ่งเป็นผู้เจรจากับทุกภาคส่วนต่างๆ โดยใช้เวลานานถึง 2 ปี จนทุกอย่างลงตัว
“มติชน” มีโอกาสสัมภาษณ์ “เสี่ยวินิจ” แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟถึงเรื่องราวที่มาที่ไปกับการแข่งขันฟุตบอลแมตช์ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของเมืองไทยในครั้งนี้
●จุดเริ่มต้นแมตช์ประวัติศาสตร์
เราติดต่อกันนานมาก ดีลนี้หารือกันมา 2 ปีเศษแล้ว ตอนนั้นเราทำงานกับลิเวอร์พูล และเอเยนต์ ก่อนจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ปีก่อน ตั้งเป้าไว้ว่าอยากได้ลิเวอร์พูลมาฉลองแชมป์ที่เมืองไทย ตอนนั้นใกล้ลุล่วงแล้ว แต่พอมีเหตุการณ์โรคระบาดก็เลยพับโปรเจ็กต์ไปชั่วคราว พอโปรเจ็กต์หยุดไปจากโรคระบาด เรื่องก็เงียบมา 2 ปี เราก็ดูฟุตบอลกันตามปกติ แต่เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนปีที่ผ่านมา เอเยนต์เจ้าเดิมจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ติดต่อเข้ามาอีก ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่ทำอีเวนต์ระดับเวิลด์คลาสมากมาย เราก็นัดเจรจากัน เขาถามว่ายังสนใจลิเวอร์พูลอยู่ไหม ผมบอกว่าไม่สนใจแล้ว เพราะผ่านมานานแล้ว แล้วอย่างไรต่อ ผมก็บอกว่า ถ้าผมจะสนใจก็จะต้องมีแมนฯยูมาด้วย ผมถึงจะสนใจ ผมก็แค่โยนหินถามทางเท่านั้นเอง ดีลก็เริ่มเจรจากันตั้งแต่ตอนนั้น
●การเจรจานับหนึ่งอย่างจริงจัง
เราเริ่มนับหนึ่งการเจรจาตั้งแต่เดือนกันยายนปีก่อน จากนั้นพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มีการเช็กว่า บริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ทำงานประเภทไหน ซึ่งมีงานเกี่ยวกับกีฬาอย่างเดียวคือ สปอร์ตไทย บาวาเรีย อคาเดมี แต่อย่างอื่นไม่เกี่ยวกับงานกีฬา ส่วนใหญ่เป็นงานบันเทิง แต่เขาก็สนใจว่างานสเกลระดับนี้เราน่าจะบริหารจัดอีเวนต์ได้ จากนั้นก็เช็กความพร้อมด้านอื่นๆ มีเครือข่ายภาคเอกชนไหม เพราะงานสเกลใหญ่ขนาดนี้การทำงานเพียงลำพังเป็นไปไม่ได้เลย ต้องอาศัยความร่วมมือหลายองค์ประกอบให้ครบทุกด้าน หลังจากนั้นเราหารือกันเมื่อต้นเดือนตุลาคม แต่ทีมที่พร้อมจะคุยทีมเดียวก่อนคือ ลิเวอร์พูล แต่ช่วงโควิดผมก็เดินทางไปเจรจาไม่ได้ แต่ก็ได้ประชุมซูมกันต่อเนื่อง และได้พบบอร์ดบริหารสโมสร เขาส่ง โอมาร์ โมฮัมหมัด รองประธานสโมสร กับลูกทีมมาเจรจาก่อน แต่ตอนนั้น ผมก็ได้คุยตรงกับทาง บิลลี่ โฮแกน ซีอีโอสโมสรที่ได้มอบหมายงานต่อ ทำให้เราก็ได้คุยกันในเบื้องต้น
●ความยากในการเจรจา ‘ผี-หงส์’
มันเป็นเรื่องยากจริงๆ แค่ทีมใหญ่ทีมเดียวก็ยากแล้ว ยากตั้งแต่เรื่องการดีล เจรจาสิทธิประโยชน์ ขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็น 2 ทีมยักษ์ที่มีแฟนคลับทั่วโลกจับตามองเรื่องนี้อยู่ก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ และสำคัญคือ ไม่ใช่แค่เราที่อยู่บนโต๊ะเจรจา มีอีกหลายประเทศ ทุกคนอยากได้หมด เพราะว่าเป็นประวัติการณ์ พอเราเจรจากับลิเวอร์พูลเสร็จ ขั้นตอนต่อไปก็คุยกับแมนฯยู ในเงื่อนไขที่ใกล้เคียงกัน พอรุกคืบเข้าไปมีความเป็นไปได้มากๆ ผมเองก็ต้องประสานทำงานกับหลายหน่วยงาน ทั้งผู้สนับสนุน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สนามกีฬามาตรฐานที่เรามีอยู่เพียงแห่งเดียวที่ราชมังคลากีฬาสถาน สามารถรองรับความจุได้ สนามซ้อมที่เลือกมาที่สนามเทพหัสดิน สนามธันเดอร์โดม สนามอัลไพน์ และสนามเอสทีบี อคาเดมี
●สาเหตุที่เอาชนะใจทั้ง 2 สโมสร
นอกจากเรื่องงบประมาณ และขั้นตอนการทำงานต่างๆ มีเรื่องเดียวที่ผมคิดว่าชนะใจเขาคือ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเอเชียได้ และมีแฟนบอลทั้งสองทีมจำนวนมากไม่เป็นรองใครในโลกนี้ ผมเชื่ออย่างนั้น และสำคัญที่สุดเราจะเป็นฮับให้ทุกคนในเอเชียบินเข้ามาได้สะดวก และมีความพร้อมต้อนรับทีมใหญ่ทั้ง 2 ทีม ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจ เพราะเขามองว่าฐานแฟนบอลในเอเชียใหญ่มาก แน่นอนว่าเขาต้องมองที่จีน หรือญี่ปุ่นก่อน แต่ว่าไทยมีเงื่อนไขที่เราน่าจะเปิดมากกว่า เขาก็เลยโฟกัสที่เรา รวมทั้งการที่เดินทางมาจากอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย แม้กระทั่งญี่ปุ่นเอง มาได้ ก็ดีใจครับที่ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเมืองไทยเราเป็นศูนย์กลางแบบนี้ได้
●ความเสี่ยงกับการจัดแมตช์แดงเดือด
ความเสี่ยงแรกประเด็นเรื่องโรคระบาด ทั้ง 2 ทีมคุยกันในเรื่องนี้ก่อนเลยว่า ขั้นตอนกระบวนการ และระบบในประเทศเราเป็นอย่างไร รวมถึงประเทศเขาด้วย ตอนนั้นการเจรจายังไม่มีการยืนยัน เพราะต้องดูสถานการณ์ จนในที่สุดทุกอย่างเพิ่งจะ 100 เปอร์เซ็นต์ในเรื่องสัญญาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นความเสี่ยงย่อมมี แต่เราเตรียมแผนสำรองว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไร รวมถึงการเข้า-ออกสนามด้วย ผู้ชมจะเข้าอย่างไร ตั๋วที่นั่งทุกที่จะต้องระบุที่นั่ง จะไม่มีบัตรพยักหน้า บัตรเบ่งนะ เพราะว่าถ้าเป็นแบบนั้นเขามีสิทธิไม่ลงเตะ เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัย เรื่องสุขภาพด้วย ดังนั้น บัตรทุกใบที่จะจองเข้าไปชมต้องลงทะเบียนเรื่องวัคซีนด้วย และขั้นตอนต่างๆ ตามมาตรการสาธารณสุขไทย
●จำนวนตัวเลขงบประมาณการจัด
ผมเรียกสั้นๆ ดีกว่าว่าเป็นโปรเจ็กต์ระดับพันล้านครับ แต่ตัวเลขแท้จริงทั้งหมดไม่สามารถเปิดเผยได้จริงๆ เพราะเป็นเรื่องทางธุรกิจ ส่วนความจุของสนามเป็นประเด็นสำคัญ เดิมความจุราชมังคลากีฬาสถาน 49,000 ที่นั่ง แต่เราหารือกันว่า ราชมังฯ มีบรรยากาศที่อาจจะไม่ได้อิมแพกต์มากนัก บรรยากาศสนามฟุตบอลไม่ได้เกิดเฉกเช่นกับสนามฟุตบอลในหลายที่ทั่วโลก ก็เลยมีไอเดียว่า เราจะเพิ่มความจุ และทำให้บรรยากาศสมบูรณ์แบบที่สุดก็เห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น เพราะว่าเราจะมีที่นั่งเพิ่มขึ้นมาอีก 1 หมื่นที่นั่ง ถ้าไม่มีที่นั่งตรงนี้มาผมว่าราคาบัตรที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันอาจจะกลายเป็นอีก 2 เท่าตัวก็ได้
●กระแสค่าตั๋วเข้าชมมีราคาแพง
ผมต้องการจะทำให้คนเข้าถึงงานนี้ได้มากที่สุด และทุกฝ่ายไปได้ แต่เราลองนึกดูว่าการที่จะไปดูเกมแบบนี้ที่อังกฤษเนี่ย การใช้จ่ายต่อคนอย่างน้อยต้องมีหลักแสนขึ้นไปที่จะไปดูฟุตบอลได้ แต่การมาเตะที่เมืองไทยกับราคาเริ่มต้นที่ 5 พันบาท ผมว่าเป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าราคานี้ทำได้นะครับ แต่จะพยายามทำให้ได้ เพราะว่าเราจะต้องมีผู้สนับสนุนอื่นๆ มาเป็นองค์ประกอบ และรายละเอียดอื่นๆ อย่างเช่น ของที่ระลึกพรีเมียมต่างๆ ผมเรียนตรงๆ ครับว่า งบลงทุนครั้งนี้ ต่อให้ขายบัตรได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ได้ทุนเลยครับที่จะลงทุนเอา 2 ทีมนี้มา ส่วนสปอนเซอร์ก็เริ่มเดินงานไปเยอะแล้วครับ สปอนเซอร์จะมีสิทธิประโยชน์ ทั้งเรื่องแบรนด์ดิ้ง และกิจกรรมต่างๆ พอมีสปอนเซอร์ก็จะเข้ามาช่วยลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลงไป แล้วก็บาลานซ์กันให้เหมาะสมที่สุด
●ความเอ็กซ์คลูซีฟแดงเดือดในไทย
มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ดีลนี้จะเกิดขึ้น เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ค่าตัวของนักเตะทั้ง 2 ทีมมันใหญ่มาก มหาศาลมากเลยที่จะเกิดเรื่องนี้ และสำคัญคือ ความเอ็กซ์คลูซีฟที่มาเตะเฉพาะในเมืองไทยที่เดียว คู่นี้เจอกันที่เดียวในโลกนะครับ คือ ไม่ได้มาเตะกัน 2 ทีมนี้แล้วหวานเย็นไปทัวร์เตะที่อื่นอีก ไม่มีนะครับ ในคอนแทร็กต์คือ มันเป็นดับเบิลคูณดับเบิลก็คือ นอกจากว่าจะมา 2 ทีมแล้ว ต้องเป็น 2 ทีมที่มาเตะที่ไทยเกมเดียวเท่านั้นนะ เพราะจะเป็นแมตช์แห่งศตวรรษ และไม่ได้ไปที่อื่นต่อ ต่างคนต่างแยกย้ายกลับก็ว่ากันไป
●2 ทีมขนนักเตะชุดใหญ่ฟาดแข้ง
เราไม่สามารถกำหนดในสัญญาว่า นักเตะใครจะมาใครจะไปบ้าง เพราะไม่สามารถจริงๆ ครับ ยกตัวอย่าง ถ้าเราระบุว่านักเตะคนนี้จะมา แต่เกิดวันนั้นงอแงไม่มา สัญญามีอยู่ว่าต้องมาก็จะมีเรื่องฟ้องร้องเกิดขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นสัญญาแบบไหนก็ตาม แต่อีกอย่างที่เราเชื่อมั่นใจว่าเป็นทีมชุดใหญ่ เพราะแฟนบอลเป็นอย่างไร ผมก็ทำหน้าที่เป็นแฟนบอลเหมือนกัน ผมก็อยากดู คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ผมก็อยากดูทีมชุดใหญ่ แต่ความเป็นสโมสรใหญ่ แมนฯยู กับ ลิเวอร์พูล เขามีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะยืนยันว่าเป็นทีมชุดใหญ่ นี่เป็นเหตุผลแรก
เหตุผลที่สองคือ เราโชคดีที่กลางปีนี้ไม่มีทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในโลกฟุตบอลเลย เพราะฟุตบอลโลกปีนี้ที่กาตาร์ ย้ายไปเตะเดือนพฤศจิกายน เพราะฉะนั้นปีนี้พรีเมียร์ลีกเปิดฤดูกาลเร็วขึ้น แชร์ริตี้ชิลด์เตะปลายเดือนกรกฎาคม เพราะฉะนั้นในวันที่ 12 กรกฎาคม ถ้าไม่ฟูลทีมผมว่า โค้ชเขาคงไม่ยอมแน่ เขาจะต้องจัดฟูลทีม เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมปรีซีซั่นให้เร็วขึ้น เตรียมกับการเปิดลีกที่เร็วขึ้น เพราะโปรแกรมถูกบังคับแบบนั้น ทำให้จะมีอีเวนต์ใหญ่ของโลกฟุตบอลในเมืองไทย ผมยืนยันอย่างนั้น นักเตะลิเวอร์พูลน่าจะอยู่เมืองไทยสัก 5 วัน แต่แมนฯยู น่า จะอยู่มากกว่านั้น เพราะจะใช้เมืองไทยเป็นที่เก็บตัวเตรียมความพร้อมเปิดฤดูกาลใหม่ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่านักเตะทั้งสองทีมจะพักที่โรงแรมไหน แต่ยืนยันแล้วว่าจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวมา แต่ลงเครื่องมากี่คนยังไม่แน่นอน เพราะปลายฤดูกาลยังมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
●การแบ่งตั๋วแฟนบอล 2 ทีมเท่ากัน
เป็นเกมแรกของโลกที่แฟนบอลทั้ง 2 ทีมจะเข้ามาในสนามเท่าๆ กัน ในราชมังคลากีฬาสถาน 59,000 ที่นั่ง จะถูกขีดเส้นแบ่งเป็น 2 ซีก ใครจองตั๋วฝั่งหงส์ก็นั่งฝั่งนี้ ใครจองตั๋วฝั่งผีก็อยู่ฝั่งนี้ แฟนคลับทั้ง 2 ทีมเท่าๆ กัน เสียงเชียร์จะกระหึ่มมากกว่าอยู่ที่อังกฤษซะอีก อันนี้คือ บรรยากาศส่วนหนึ่ง นอกจากนั้น การเมกโอเวอร์ราชมังคลาฯ มีความสำคัญนะครับ การบริหารจัดการ การทำให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบันที่ก็ได้พัฒนาไปมากแล้วด้วย ทั้งการปรับปรุงพื้นสนามหญ้าใหม่ ซึ่ง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ก็ระบุว่าอยู่ในแผนของการปรับปรุงสนามเบื้องต้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้จะพยายามเร่งเพื่อให้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อที่จะต้อนรับทั้ง 2 ทีมนี้ เพราะสภาพสนามมีความสำคัญมาก แม้กระทั่งว่าเขาจะเช็กสภาพอากาศว่าเดือนกรกฎาคม ฝนจะตกหนักจะเป็นอย่างไร เราก็มีแผนนอกจากระบบระบายน้ำได้ดีขนาดไหน แต่น้ำไม่มีท่วมในสนามอย่างแน่นอน
●ความเสี่ยงในการลงทุนทางธุรกิจ
แน่นอนว่าการทำธุรกิจมีความเสี่ยง ถ้าหากเรารับความเสี่ยงได้ อาจออกมาดีก็ได้ และเป็นไปได้ในสิทธิที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายทอดสดออนไลน์ ออฟไลน์ภายในประเทศ หรือสิทธิในการถ่ายทอดสดไปต่างประเทศทั่วโลก เราได้ลิขสิทธิ์ตรงนี้ และเป็นเรื่องของสายตาที่มองเข้ามาในบ้านของเรา ผมมองความคุ้มค่าของผลกระตุ้นทางเศรษฐกิจ มันไม่ได้เป็นแค่การแข่งขันกันเพียงนัดเดียว เป็นกิจกรรมเพียงวันเดียว แต่มันเป็นความทรงจำของมหกรรมโลกอันหนึ่งเหมือนกัน นอกจากนั้น ทีมงานโปรดักชันก็เป็นทีมงานของพรีเมียร์ลีก มาทำงานร่วมกับทีมงานไทย เพราะฉะนั้นมาตรฐานในการถ่ายทอดสดออกไปจะเป็นมาตรฐานระดับโลก
●กิจกรรมกับแฟนบอลชาวไทย
แน่นอนว่ามีกิจกรรมให้แฟนบอลชาวไทยได้เข้าร่วมเยอะ ทั้งกิจกรรมจากทางสปอนเซอร์หลายบริษัทเยอะแยะเต็มไปหมด กิจกรรมต่างๆ จะทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้น และใกล้เข้ามาก่อนเดือนกรกฎาคม ก็จะมีอดีตนักเตะของสองสโมสรมาทำกิจกรรมเสริมก่อนจะถึงเกมเตะ และเรื่องการปรับปรุงราชมังคลากีฬาสถานก็จะเสร็จสิ้นก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน เพราะฉะนั้นในช่วง 10 วันก่อนหน้านั้น และหลังเกมในวันที่ 12 กรกฎาคมอีก 5-7 วันก็จะเป็นกิจกรรมทัวร์สนาม เราปรับปรุงความสวยงาม แม้กระทั่งห้องแต่งตัวนักเตะ ทางเดินลงสู่สนาม สนามหญ้า อัฒจันทร์ เสมือนว่าเรามีสนามใหม่ที่แฟนบอลเข้าไปทัวร์สนามได้ก่อน และหลังเกม โดยมีเงื่อนไขรายละเอียดที่อยู่ในบัตรอีกครั้งหนึ่ง ในวันจำหน่ายบัตร วันที่ 9 มีนาคมนี้
●สปอนเซอร์รายแรกที่สนับสนุน
ตอนนี้สปอนเซอร์เปิดเผยได้คือ บริษัทแอดไวซ์ ที่เป็นบริษัทไอที ที่มีสาขาอยู่ 300-400 สาขา ทั่วโลก เป็นสปอนเซอร์รายแรกที่เซ็นข้อตกลงระหว่างองค์กรกัน เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตอนนี้มีสปอนเซอร์ให้ความสนใจเยอะมาก ค่อยๆ ตอบรับมาเรื่อยๆ มีทั้งรายใหญ่ๆ และอาจจะไม่ใช่รายใหญ่ก็ได้ เราพร้อมนำเสนอหมด ตรงไหนที่มีความพร้อมเราก็ไป แต่งานนี้เดินหน้าเต็มตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าสปอนเซอร์จะไม่ได้สักบาท รัฐบาลจะไม่ช่วยสักบาท ผมยังเดินหน้าต่อไปเพื่อทำให้โปรเจ็กต์นี้ออกมาดีที่สุด
●ความคาดหวังกำไรจากแมตช์นี้
งานนี้ถ้าตอบว่า ไม่หวังกำไรก็คงจะเป็นเรื่องตลก เราก็หวัง แต่จะถึงไม่ถึงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมคิดว่าเป้าหมายเราจะไปให้ได้ ในตลอดชีวิตผมทำอีเวนต์มาทั้งหมด 20 ปี รวมเม็ดเงินทั้งหมดแล้ว ยังไม่เท่ากับวันเดียวที่ผมจะทำในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ และเชื่อมั่นว่า ภาพรวมของการทำธุรกิจการจัดอีเวนต์จะกลับมาดีขึ้น เพราะว่าความมั่นใจจากการได้รับแรงสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน ฟุตบอลนัดประวัติศาสตร์นัดนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นกลับมา และธุรกิจอีเวนต์น่าจะกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด จบอีเวนต์นี้น่าจะมีผลพวงอื่นๆ ที่จะตามมาอีกชนิดประเมินไม่ได้ แต่ผมคาดว่าน่าจะเป็นผลบวกมหาศาล ถ้าเรามองประโยชน์ตรงนี้ร่วมกันทุกฝ่าย ตรงนี้จะเป็นประโยชน์มหาศาลมากๆ เลย ตอนนี้ผมว่าต้องประเมินสูงกว่าที่ประเมินเอาไว้ 5-6 พันล้าน ไปอีกเท่าตัว
นี่เป็นคำยืนยันจากปากของ “เสี่ยวินิจ เลิศรัตนชัย” ผู้สร้างให้บิ๊กดีล “ศึกแดงเดือด” โคจรมาเกิดขึ้นเป็นครั้งประวัติศาสตร์นอกเกาะอังกฤษที่เมืองไทย อันจะถือเป็นการช่วยสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยไปทั่วโลก
นี่ยังจะเป็นการใช้อีเวนต์ใหญ่ในการพลิกฟื้นประเทศไทยสร้างความเชื่อมั่นต่อสายตาชาวโลก รวมถึงยังช่วยสร้างความคึกคักด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของเมืองไทยกลับมาได้อย่างแน่นอน…
ภูวดล เอี่ยมประไพ / คณิน น้อมนอบ : เรื่อง
ทศพร โหลขุนเซียม : ภาพ