ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|---|
เผยแพร่ |
ลอยกระทง เป็นนาฏกรรมแห่งรัฐ ของรัฐนาฏกรรมสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต้องทำประจำปีเพื่อการเมืองการปกครอง อันมีระเบียบขั้นตอนซับซ้อน และเหลื่อมล้ำ ตามลำดับที่สูงที่ต่ำ ผู้ใหญ่ผู้น้อย
เป็นกิจกรรมสืบเนื่องจากพิธีกรรมดั้งเดิมขอขมาผีน้ำผีดิน มีในช่วงน้ำนองกับน้ำทรงขึ้นสูงสุด เรียก “เดือน 11 น้ำนอง เดือน 12 น้ำทรง” เพื่อวิงวอนร้องขอให้น้ำลด ชาวนาจะได้เก็บเกี่ยว ได้ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ เฉลิมฉลองปีนักษัตรใหม่ที่ใกล้เข้ามา เดือน 1 เรียก เดือนอ้าย
เทียบปัจจุบัน คือ ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พบหลักฐานเก่าทั้งลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำโขง มีลำดับกว้างๆ ดังนี้ แข่งเรือ, ไล่เรือส่งน้ำ, ลอยโคมดอกบัว (หรือลอยกระทง)
แข่งเรือ, ส่วงเฮือ
แข่งเรือ ลาวว่า ส่วงเฮือ เป็นพิธีกรรมเสี่ยงทายทำนายสถานการณ์ข้างหน้าของพืชพันธุ์ว่านยาข้าวปลาอาหาร จะได้เตรียมรับมือทันท่วงที (ต่อมามีการพนันด้วย)
ราชสำนักอยุธยามีนาฏกรรมแห่งรัฐ แข่งเรือมเหสีกับพระเจ้าแผ่นดิน แล้วมีคำทำนายความอุดมสมบูรณ์ (มีในกฎมณเฑียรบาล)
ไล่เรือ, ไหลเฮือ
ไล่เรือ ลาวว่า ไหลเฮือ เป็นพิธีกรรมขอขมาผีน้ำผีดิน โดยการลอยเครื่องเซ่นไปตามน้ำไหลด้วยแพหยวกกล้วย หรือกระบอกไผ่
ต่อมาพัฒนาเป็นเรือขนาดต่างๆ และขบวนเรือของราชอาณาจักร แล้วเพิ่มความหมายว่าบูชาพระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ (วันพระเจ้าเปิดโลก) และบูชารอยพระพุทธบาทที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานที
นานเข้าชุมชนลุ่มน้ำโขงก็ปรับเปลี่ยนประดับประดาด้วยไฟหลากสีเรียก ไหลเฮือไฟ (เช่น งานที่ จ. นครพนม) เรียกทั่วไปตามภาคกลางว่า ไหลเรือไฟ
สมัยต้นอยุธยา มีบอกในกฎมณเฑียรบาล เป็นพระราชพิธีฤดูน้ำหลาก ตั้งแต่เดือน 11 (ตุลาคม-พฤศจิกายน) หลังออกพรรษา มีไล่เรือ ส่งน้ำ ล่องลงไปทางใต้ ทำพิธีที่ บางขดาน บริเวณสะดือดิน มีน้ำวน (อยู่ใต้ขนอนหลวง วัดโปรดสัตว์ ทางเหนือบ้านเลน บางปะอิน)
มีเห่เรือ ร้องขอขมาผีน้ำ (ขณะเรือจอดนิ่งทำพิธีกรรม ไม่ได้พายเคลื่อนที่) แล้ววิงวอนนาคบันดาลให้น้ำลดไหลลงบาดาล เพื่อชาวบ้านจะได้เก็บเกี่ยวข้าว