แท็งก์ความคิด : เลือก ‘ร้อน’ เลือก ‘เย็น’

ยุคไอทีได้สร้างผลกระทบต่อคนทั้งโลกอย่างกว้างขวาง

แต่ผลกระทบดังกล่าวไม่ได้มีเฉพาะด้านลบ

ผลกระทบจากยุคไอทียังส่งผลด้านบวกให้เกิดขึ้นมากมาย

ขณะที่โลกอินเตอร์เน็ตกำลัง “ดิสรัปชั่น” อาชีพต่างๆ ในโลกอย่างน่าหวาดเสียว

Advertisement

ล่าสุดทั่วโลกกำลังจับจ้องมองการรุกคืบของเฟซบุ๊กที่ประกาศใช้เงิน “ลิบรา” ในปีหน้า

เงินออนไลน์ที่มีทุนหนุนหลัง ทำให้ผู้คนเกิดความมั่นใจ

เงินออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย กลายเป็นคู่แข่งของเงินสกุลในโลกใบนี้

เงินออนไลน์ที่มีองค์กรกลางขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ตอกย้ำการเอาใจใส่

ไม่รู้ว่าหากมีการใช้เงินลิบราขึ้นมาจริงๆ ตลาดเงินโลกจะเป็นเช่นไร

อย่างไรก็ตาม แม้ยุคไอทีจะ “ดิสรัปชั่น” อาชีพต่างๆ ไปมาก แต่ขณะเดียวกันก็ปลุกปั้นให้คนมีอาชีพใหม่ๆ

ส่งเสริมให้คนทุกคนเป็นเจ้าของกิจการตัวเองได้ง่ายขึ้น

หลายคนรวมกันเป็นกลุ่มตั้งบริษัทสตาร์ตอัพ

อีกหลายคนที่อยู่เป็นปัจเจกสามารถรับงานเป็นจ๊อบๆ

อาทิ รับจ้าง “ส่งคน” แบบ Uber หรือรับจ้าง “ส่งของ” แบบ Grab

ขณะเดียวกัน การดำรงอยู่ในยุคไอทีก็ทำให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงข่าวสารอย่างเจาะลึก

คนไหนต้องการอยากรู้ข้อมูลข่าวสารอะไรเพิ่มเติมก็หันไปใช้บริการอินเตอร์เน็ต

ทุกคนสามารถค้นหาเนื้อหาอื่นๆ กันได้อย่างง่ายดายในยุคนี้

การอ่านหนังสือพิมพ์ควบคู่ไปกับการเปิด Google เสาะหาข้อมูลข่าวนั้นๆ เพิ่มเติม

สามารถสร้างความสนุกให้กับผู้อ่าน

เพราะผู้อ่านจะรับทราบอะไรต่อมิอะไรที่มากกว่าข่าวที่อ่านอยู่เบื้องหน้า

ผู้อ่านจะทราบถึงบุคคลที่อยู่ในข่าว สามารถอ่านประวัติ สามารถศึกษาผลงาน และพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้

ผู้อ่านที่สนใจเหตุการณ์ข่าวที่ปรากฏ สามารถค้นหาเหตุการณ์ทำนองเดียวกันที่เคยเกิดขึ้น

ผู้อ่านสามารถค้นหารายละเอียดของสถานที่ที่ปรากฏเป็นข่าว

และยังสามารถหาข้อมูลในมิติที่ลึกขึ้น หรือมิติที่เป็นปัจจุบันกว่าข่าวที่อ่านได้ทันที

ส่วนใครที่ต้องการไอเดียใหม่ๆ หรือต้องการหลักคิดดีๆ

การค้นหาข้อมูลในยุคไอทีมีโอกาสเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้รวดเร็วและมากมาย

ดังนั้น ยุคไอทีไม่ได้มีแต่ด้านร้าย

อินเตอร์เน็ตหรือโลกโซเชียลก็เช่นกัน มิได้มีแต่สิ่งร้ายๆ เพียงอย่างเดียว

หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นสิ่งดีๆ มีบรรจุอยู่ในโลกออนไลน์นั่นแล้ว

ยกตัวอย่าง เมื่อสัปดาห์ก่อน และหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้า การเมืองไทยลุกเป็นไฟด้วยวิวาทะอันเผ็ดร้อน

การใช้ “เฮทสปีช” แสดงความอาฆาต ข่มขู่ทำร้าย แล้วถ้อยคำด่าทอ เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

หลายคนอ่านแล้วรู้สึกเบื่อ ส่ายหัวกับความร้อนแรง

ใครเพลินไปกับอารมณ์เดือดในเฮทสปีชนั้นๆ ก็คงร้อนรุ่มใจ

แต่ถ้าใครพลิกไปค้นหามุมเย็นสบายในโซเชียลโลกออนไลน์นี้ได้ เราก็จะได้รับความเย็น

เมื่อมี “เฮทสปีช” คือการพูดที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง ก็ไปค้นหาวิธีพูดที่ไม่ทำให้เกิดความโกรธเกลียด

การพูดที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนนั่นเป็นหลักให้ปฏิบัติได้ดี

เชื่อว่าหลายคนคงผ่านหูผ่านตาหลักการพูดของพระพุทธองค์มากันแล้ว

นั่นคือ คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น

ไม่ต้องกล่าว

คำพูดที่จริง ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น

ไม่ต้องกล่าว

คำพูดที่จริง ถูกต้อง เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น

ให้คำนึงถึงกาละในการกล่าว

คำพูดที่ไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ แม้เป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น

ก็ไม่ต้องกล่าว

คำพูดที่จริง ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ แม้เป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น

ก็ไม่ต้องกล่าว

คำพูดที่จริง ถูกต้อง เป็นประโยชน์ เป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น

ให้คำนึงถึงกาละในการกล่าว

การให้คำนึงถึงกาละในการกล่าวนี้ ผูกโยงกับคำแนะนำในการพูดที่ดี

นั่นคือ ต้องพูดถูกตามกาละ ต้องพูดเรื่องจริง ต้องกล่าวด้วยวาจาอ่อนหวาน ต้องกล่าวในสิ่งที่เป็นประโยชน์

และสำคัญมากคือ ต้องพูดด้วยจิตที่มีเมตตา

ได้แนวทางของพระพุทธเจ้า ได้แนวคิดการพูดของพระพุทธองค์

ช่วยส่องนำทางให้เรารู้สึกเย็นสงบมากกว่าเฮทสปีช

เห็นไหมล่ะว่า โลกโซเชียลนั้นมีทั้ง “ของดี” และ “ของไม่ดี”

นี่ยกตัวอย่างแค่การพูด ถ้าเลือกอ่าน “เฮทสปีช” ก็ทำให้เรา “ร้อน”

แต่ถ้าได้อ่านการพูดตามแนวทางพุทธ ก็ทำให้เรา “เย็น”

สรุปคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในโลกออนไลน์นั้นเราเลือกได้

ขึ้นอยู่กับเราจะเลือกอะไร

เลือกอ่านข้อมูลที่ทำให้เร่าร้อน หรือหาอ่านข้อมูลที่ทำให้จิตใจเย็นสบาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image