แดดเดียว : โรคผวา‘อนค.’

พรรคอนาคตใหม่แพ้เลือกตั้งซ่อมที่เขต 5 นครปฐม เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา

นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีต ส.ส.เจ้าของเก้าอี้เดิม เที่ยวนี้ลงสมัครในสังกัดชาติไทยพัฒนา เป็นผู้ยึดเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง

แน่นอนว่า พรรครัฐบาล ย่อมต้องโฆษณาว่า เป็นชัยชนะของพรรครัฐบาล แสดงว่าผลงานของลุงตู่และคณะเข้าตาประชาชนอย่างแรง

มองไปอีกด้านหนึ่ง พรรคอนาคตใหม่ ดึงเอาเก้าอี้ ส.ส.ตัวนี้ไว้ไม่ได้ สะท้อนอะไรบ้าง

Advertisement

ที่มาของการเลือกตั้งซ่อม เนื่องจากนางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.เขตนี้ของพรรคอนาคตใหม่ ประสบอุบัติเหตุ บาดเจ็บสาหัสจนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ และลาออกจากตำแหน่ง

พรรคอนาคตใหม่ ส่งสามีของนางจุมพิตา คือ นายไพรัฏฐโชติก์ ลงแข่ง แต่ก็พ่ายแพ้ไป

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า ผลการเลือกตั้งไม่เป็นที่น่าพอใจ ฐานเสียงของพรรคหายไปมาก เพราะ กกต.กำหนดให้เลือกตั้งในวันพุธที่ 23 ต.ค. ต่างจากการเลือกตั้งวันหยุด ที่ประชาชนคุ้นเคย

Advertisement

กลายเป็นข้อจำกัด ทำให้ฐานเสียงพรรคมาลงคะแนนไม่ได้

ความพ่ายแพ้ของพรรคอนาคตใหม่ น่าจะสร้างความพออกพอใจ ให้กับกลุ่มที่เกลียดชังพรรคนี้ และมีประเด็นปลอบใจตัวเองไปอีกสักพักว่า เอาเข้าจริง พรรคนี้ก็ไม่เท่าไหร่

สำหรับกลุ่มนี้ นำเอาพรรคอนาคตใหม่ไปเทียบเคียงกับพรรคทักษิณในอดีต ประดิดประดอยเรื่องราวต่างๆ มาเล่นงานพรรคนี้

ป้าๆ ลุงๆ บางกลุ่ม ส่งข้อความทางไลน์ ยำใหญ่พรรคนี้ ยัดเยียดคอนเซ็ปต์ให้เป็นพวกอ่อนหัดไม่ประสีประสาทางการเมือง วิเคราะห์เจาะลึกถึงความเร่อร่าของพรรคนี้เป็นตุเป็นตะ

บ้างก็ตั้งฉายาเรียกว่า “ไอ้อ่อน” แล้วก็รับลูกเฮฮากันเอง

เรียกว่า จินตนาการอยู่เหนือสติและข้อมูลข้อเท็จจริง เป็นระยะทางไกลพอสมควรเลยทีเดียว

วิธีมโนด้วยอคติอย่างที่ว่านี้ แพร่กระจายไปในกลุ่มผู้ที่มีอายุสักหน่อย ขณะที่คนรุ่นใหม่คิดไปอีกแบบ

ส่วนผู้ที่มองการเมืองด้วยใจเป็นกลางสักหน่อย คงทอดถอนใจและไม่แปลกใจว่า พรรคอนาคตใหม่โดนอะไรเข้าไปอีกแล้ว

พรรคอนาคตใหม่ แจ้งเกิดในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.ที่ผ่านมานี้เอง และแหวกตำรา ด้วยการส่ง

ผู้สมัครหน้าใหม่เกือบ 100 % นับตั้งแต่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคลงมาเลยทีเดียว

หัวหน้าพรรค คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาจากครอบครัวนักธุรกิจที่มีกิจการเป็นปึกแผ่น ส่วนเลขาธิการ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นนักวิชาการกฎหมายระดับดอกเตอร์

การเดินสายปราศรัยของธนาธร-ปิยบุตร มีผลอย่างมาก เพราะมีคนรุ่นใหม่รุ่นเก่าที่สนใจแนวคิดใหม่ๆ ติดตามฟังมากมายในตอนหาเสียง

ในตอนแรก ไม่มีใครเชื่อว่าอนาคตใหม่จะเข้าสภามากมายขนาดนี้ ประกอบกับพรรคนี้ไม่ได้ใช้ “หัวคะแนน” เหมือนพรรคอื่น ทำให้จับร่องรอยไม่ได้ว่า พรรคนี้จะใหญ่ขนาดไหน

การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ผู้ใช้สิทธิออกจากบ้านตรงไปคูหาเลือกตั้ง เพื่อเลือกพรรคนี้ จน ส.ส.ได้เข้าสภาท่วมท้น

ถ้าไม่นับกันด้วยวิธีการที่ใช้อยู่ อนาคตใหม่อาจแตะ 100 เสียง ไม่ใช่ 80 เสียง

การโตพรวดแบบชั่วข้ามคืน สร้างความตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก ให้กับกลุ่มอำนาจ ที่เดิมคิดว่าเลือกตั้งครั้งนี้ เต็มที่คงมีแค่พรรคเพื่อไทย ไม่น่าจะจัดการยากเย็น

ธนาธรและคณะ จึงกลายเป็นปีศาจที่กาลเวลาสร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนในโลกเก่า ดังในสปีชสะท้านโลกของ “สาย สีมา” แห่งวรรณกรรมอมตะของเสนีย์ เสาวพงศ์

ด้วยความหวาดกลัว จึงตามล้างตามเช็ดกันอย่างเอาจริงเอาจังในทุกมิติ

กลายเป็นหัวหน้าพรรคใหญ่คนเดียว ที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แต่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสภาไม่ได้

ล่าสุด หลังจากสภารับหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เมื่อ 19 ต.ค. และตั้งกรรมาธิการ 64 คนมาพิจารณาแปรญัตติ ก่อนจะเข้าวาระ 2-3 ต่อไป

พรรคอนาคตใหม่ เสนอชื่อนายธนาธร เป็นกรรมาธิการวิสามัญ ในฐานะบุคคลภายนอก ซึ่งไม่มีข้อห้าม

เสนอชื่อในสภา มีผู้รับรองเรียบร้อย แต่ต่อมาเริ่มมีคนนั้นคนนี้ออกมาคัดค้าน บอกว่าขัดกฎหมายบ้าง ไม่เหมาะสมบ้าง

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. แห่งพรรคพลังประชารัฐ ที่โด่งดังจากการตรวจงานที่ภูเก็ต เข้ายื่นหนังสือ กมธ.งบ ขอให้มีมติห้ามนายธนาธรทำหน้าที่ นายสิระบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายธนาธรยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว ระหว่างรอการพิจารณาคดีถือครองหุ้นกิจการสื่อมวลชน เกรงว่าจะเกิดปัญหาทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 เป็นโมฆะได้ หาก กมธ. มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ

นายสิระยังบอกว่าไปปรึกษานายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 1 แล้ว และจะเข้ายื่นหนังสือต่อประธานสภา ให้ประชุมสภาเพื่อลงมติถอดถอนนายธนาธรออกจากการเป็น กมธ.

และยื่นคำร้องต่อประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้มีคำสั่งไต่สวนกรณีนายธนาธรละเมิดและขัดคำสั่งศาลที่ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

ส่วน นายสุชาติ ตันเจริญ ได้ทำหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ใช้อำนาจประธานสภา วินิจฉัย คุณสมบัติของนายธนาธร ว่าจะทำหน้าที่ กมธ.ได้หรือไม่

มีข่าวด้วยว่าฝ่ายกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภา ระบุว่า นายธนาธร สามารถดำรงตำแหน่งเป็น กมธ.ได้ เพราะก่อนหน้านั้นมี ส.ส.ที่เคยถูกคำสั่งศาลให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. สามารถแต่งตั้งให้เป็น กมธ.วิสามัญ สัดส่วนบุคคลภายนอกได้

สภาพวุ่นๆ อย่างนี้คงต้องดำเนินไปสักพัก

ยังไงๆ ก็น่าจะฉุกคิดกันสักหน่อยว่า ที่ไล่บี้กันหนักๆ อยู่นี้ เกรงใจประชาชนที่เลือกพรรคนี้เข้าสภาไปกันบ้างหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image