พร็อพเพอร์ตี้ แท็กซ์ (2) จ่ายภาษีล้านละ 300 ไหวป่ะ

นํ้าลดตอผุด จะมีภาษีที่ดินบังคับใช้ความเลยแตกว่าคนไทยมีบ้านหลัง 2 เยอะมว๊าก

ทวนความจำสักเล็กน้อย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เรียกกันอีกชื่อว่า “พร็อพเพอร์ตี้แท็กซ์” จำจงดี

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะคะ ไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร นักประเมินภาษีทั้งหลายไม่ต้องยกหูติดต่อมาหาทั้งนั้น เพราะไม่ได้ไปทำสำรวจอะไรใหญ่โต แค่เขียนจากความรู้สึกเพราะตั้งแต่รัฐบาล คสช.ทั่นมีมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติให้เดินหน้าออกกฎหมายใหม่ ว่าด้วย “ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ….” เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา

ปรากฏว่าประดาญาติสนิทมิตรสหาย คนใกล้ตัว แม้แต่คนไกลตัว พากันซักถามจ้อกแจ้กจอแจกันยกใหญ่ สรุปความได้ว่าทุกคนกำลังมีทุกข์หนักเพราะบังเอิญมีบ้านหลายหลังนั่นเอง

อย่างเช่น “คุณสะมะ” ผู้บริหารโรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่ง เป็นเพื่อนห้องเรียนมัธยม ถามซะยาวเหยียดมีบ้าน 3-4 หลัง หลังแรกซื้อก่อนแต่งเมีย ราคาน้อยหน่อย หลังจากแต่งเมีย มีลูกสาวน่ารัก 1 คน ซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้น ต่อมาทำงานขยันขันแข็งมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็เลยซื้อบ้านไว้เป็นทรัพย์สินอีกหลายหลัง เจ้าตัวยังอุบไต๋อยู่ว่ามีกี่หลัง (อันนี้ไม่ทราบว่าเมียรู้ครบทุกหลังหรือป่าว-ฮา)

ADVERTISMENT

ความทุกข์ของเพื่อนสะมะ ผู้ชายที่เคยหุ่นดีมาก่อนก็คือ บ้านหลังแรกสมมุติราคา 2 ล้าน บ้านหลังที่ 2 แพงกว่าราคาเป็น 10 ล้าน แต่รัฐบาลบอกว่า บ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท ยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษี แต่ถ้าเผลอมีบ้านหลังที่ 2 ขึ้นมาเมื่อไหร่ รัฐบาลเก็บภาษีตั้งแต่บาทแรก คุณสะมะก็เลยใจเสาะตามประสาเศรษฐีขี้เหนียว ไม่อยากจ่ายภาษีเยอะก็เลยเป็นทุกข์ว่าบ้านหลังที่ 2 แพงกว่าหลังแรก แต่ถูกบังคับให้จ่ายภาษี

ความจริงถ้าชังน้ำหน้ากันก็จะนิ่งเฉย แต่พอดีว่าคบกันมานานมีความรักใคร่ฉันมิตรตามสมควร ก็เลยบอกข้อเท็จจริงไปว่า รัฐบาล คสช.ใจดี กรณีคนที่มีบ้านหลายหลังจะยกเว้นให้ 1 หลัง ภาษากฎหมายทั่นเรียกว่า “บ้านหลัก” หลังจากนั้นหลังที่ 2 เป็นต้นไปต้องจ่ายภาษี

หมายความว่า รัฐบาลให้สิทธิสำหรับผู้ที่มีบ้านหลายหลัง ให้เลือกบ้านหลังใดหลังหนึ่งนำมาแจ้งขอใช้สิทธิเป็น “บ้านหลัก” ที่เหลือก็จะเป็นบ้านที่ต้องนำมาประเมินภาษี ในกรณีคุณสะมะสามารถเลือกบ้านหลังแพงที่สุดซึ่งก็คือบ้านราคา 10 ล้าน มาแจ้งต่อรัฐบาลว่าเป็นบ้านหลัก ส่วนบ้านที่ซื้อก่อนแต่งเมียและหลังที่ซื้อทีหลังค่อยนำมาประเมินจ่ายภาษีต่อไป

รายต่อมา “ณัฐินี” เพื่อนมัธยมอีกคน ย้ายงานมาหลายบริษัทระดับผู้บริหาร ตระกูลก็ใหญ่โต ขอยืนยันว่าใหญ่โตทั้งชื่อเสียงและจำนวนคน เห็นบอกว่าเวลาจัดงานพบญาติแต่ละครั้งถึงกับกระหึ่มวงการ คำถามของนางคือกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นชื่อตัว ต่อมาปลูกสร้างบ้านแล้วให้คนอื่นอยู่อาศัย แถมใจดียกให้ญาติมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านอีกต่างหาก ข้อสงสัยมีอยู่ว่ายังต้องเสียภาษีบ้านหลังที่ 2 อยู่หรือเปล่า

คำตอบ 200 ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าต้องเสียภาษีแน่นอนค่ะ การเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านไม่ได้บ่งบอกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน เพราะฉะนั้น โฉนดที่ดินชื่อใครเป็นเจ้าของรัฐบาลก็ตามไปจัดเก็บตรงนั้นนั่นแหละ

อีกสักคนก็แล้วกัน “คุณเอิ๊ก” เพื่อนที่ทำงานเป็นผู้หญิงร่างผอม รับประทานมังสวิรัติ ไม่แต่งตัวแต่ชอบตัดผมทรงเกาหลียอดนิยม เดินเข้ามาปรารภว่ามีกรรมสิทธิ์ 4 แปลง เป็นบ้าน 3 หลังกับที่ดินเปล่า 1 แปลง (คนที่รู้จักต้องร้องกรี๊ดและบอกว่าผ้าขี้ริ้วห่อทองนี่หว่า) ไม่มีคำถามแต่เดินมาบ่นว่าเสียภาษีหัวบานกันเลยทีเดียว

มาถึงตรงนี้ คนที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตนเอง โฟกัสประเภทที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม วิลล่าตากอากาศ ถ้าบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท ทุกท่านรอดตัวไม่ต้องจ่ายภาษี แต่ถ้ามีบ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไป แม้รัฐบาลบอกว่าจะเก็บภาษีตั้งแต่บาทแรก แต่ก็ยังมีการผ่อนผันตามมาอีกพะเรอเกวียน

อัตราภาษีพร็อพเพอร์ตี้ แท็กซ์ สำหรับบ้านหลังที่ 2 มีทั้งหมด 7 อัตรา หรือมี 7 ขั้นบันได จากต่ำไปหาสูง แต่จะสูงยังไงก็ไม่เกินปีละ 0.5% คำนวณย้อนกลับให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ไม่เกินล้านละ 5,000 บาท (อสังหาริมทรัพย์ราคา 1 ล้านบาท สัดส่วน 1% เท่ากับ 1 หมื่นบาท

ดังนั้นครึ่งเปอร์เซ็นต์จึงเท่ากับ 5 พันบาท เข้าใจตรงกันนะ)

รายละเอียด 7 ขั้นบันได เริ่มจากบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท เสียภาษีล้านละ 300 บาท

บ้านราคา 5-10 ล้านบาท เสียภาษีล้านละ 500 บาท

บ้านราคา 10-20 ล้าน เสียภาษีล้านละ 1,000 บาท

บ้านราคา 20-30 ล้าน เสียภาษีล้านละ 1,500 บาท

บ้านราคา 30-50 ล้าน เสียภาษีล้านละ 2,000 บาท

บ้านราคา 50-100 ล้าน เสียภาษีล้านละ 2,500 บาท

และบ้านราคาเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไป มีภาระจ่ายภาษีล้านละ 3,000 บาท

มีข้อมูลรกสมองเป็นของแถม กระทรวงคลังทั่นบอกว่าสถิติบ้านเรือนพักอาศัยทั่วประเทศมี 23 ล้านครัวเรือน ในจำนวนนี้เป็นอสังหาฯ ราคาต่ำ 50 ล้านบาท ถึง 99.96% ที่เหลือเป็นบ้านไฮโซเกินหลังละ 50 ล้านบาท ราวๆ 8,500 หลัง

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ถามใจตัวเองด้วยว่าจะสมน้ำหน้าหรือจะสงสารคนรวยกันดีล่ะทีนี้

บ้านหลังแรกก็ต้องเสียภาษี มาถูกซ้ำเติมอีกตั้งแต่หลังที่ 2 เป็นต้นไป

จากนั้นเหลียวกลับมาดูตัวเอง ตลาดแมสที่สุดคือบ้านราคา 3-5 ล้าน ปีละครั้งมีภาระภาษีจ่ายล้านละ 300 บาท จ่ายไหวป่ะเพ่